×

แม่โกรธแล้วนะ NOMA บาร์นั่งฟังเพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากเฮาส์ปาร์ตี้โดนผู้ปกครองดุ

15.03.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins read
  • เครื่องดื่มของทางร้านจะว่าได้ว่าเป็นคอมบิเนชันสุดล้ำจากตู้เย็นที่บ้านที่ถูกยำจนอร่อยก็ไม่เชิง เห็นได้จากการใช้น้ำมันหอย โยเกิร์ต หรือจอลลี่แบร์หมีน้อย
  • NOMA เป็นบาร์ที่มีความเป็นกันเองสูง ให้ความรู้สึกราวกับนั่งอยู่บ้านเพื่อนอันเป็นคอนเซปต์ของร้าน
  • สมาชิกผู้ก่อตั้งบาร์แห่งนี้มีพื้นฐานด้านเพลงเป็นทุนอันทำให้เพลงที่เปิดในร้านเป็นเพลงที่ฟังแล้วอาจรู้สึกสบายหูหรือรู้สึกคุ้นเคย โดยเปิดเพลงตั้งแต่ยุค 80s, 90s, 2000s ไปจนถึงเพลงยุคปัจจุบัน ดังนั้นคาดหวังได้เลยว่าคุณจะได้พกหูมาฟัง Oasis, Blur, Joy Division, David Bowie, Earth, Wind & Fire ฯลฯ แน่นอน 

หลายๆ คนคงจะเคยดูหนังวัยรุ่นอเมริกันกันมา และบ่อยครั้งที่หนังเหล่านี้มักจะมีฉากที่วัยเฟี้ยวอเมริกันชอบจัดปาร์ตี้ที่บ้านเมื่อพ่อแม่ไม่อยู่ และยกโขยงเอาของกินรวมถึงเบียร์ไปที่บ้านที่จัดปาร์ตี้สุดเหวี่ยงจนข้าวของเสียหาย หรืออะไรแย่ๆ กว่านั้น (จำ American Pie ได้ไหมล่ะ) และบ่อยครั้งที่ปาร์ตี้จบลงด้วยการที่ผู้ปกครองกลับมาบ้านก่อนกำหนด ผลก็คือเจ้าของงานก็มักจะงานเข้าจนถูกทำโทษ นี่คือเรื่องราวที่ทำให้เกิดเป็นบาร์ค็อกเทล NOMA หรือ Now Our Mother’s Angry

 

บาร์สีนีออนชวนกลับบ้านดึก

 

The Vibe 

ทันทีที่เดินเข้ามาใน RCA โซน C ก็จะพบกับแสงสีอันดึงดูดของบาร์โดยทันใด เพราะเป็นบาร์เปิดโล่งที่ไม่มีการปิดบังใดๆ แสงสีที่ถูกจัดวางอย่างดี ที่ให้ความสลัวที่เหมาะสม ชัดเจนพอที่จะเห็นทุกสิ่งและสีสันที่ไม่ทำให้ปวดตา อาจเป็นเพราะโครงสร้างสถาปัตย์แบบลัทธิ Bauhaus ในเยอรมนีที่เน้นความเรียบง่าย ทำให้สามารถนั่งได้สบายๆ แบบที่ไม่ต้องรีบดื่มและรีบหนี อีกทั้งบาร์แห่งนี้ยังชอบเปิดเพลงยุค 90’s ถึงยุค Millennium โดยมีดีเจ หรือวงดนตรีสดสลับกันไป หรือว่าง่ายๆ หากใครยังจำ Cosmic Cafe บาร์สุดที่รักประจำใจแห่งย่าน RCA ของใครหลายคนได้ NOMA ตั้งอยู่แทนที่ Cosmic Cafe นั่นเอง

 

หมายเหตุ: ร้านย้ายไปอยู่ที่พญาไทแล้ว

 

บรรยากาศภายในร้าน

 

บรรยากาศภายในร้านโดดเด่นด้วยแสงไฟนีออนหลากเฉดสี ตลอดจนผนังที่สื่อชวนให้คิดว่า “เจ้าของร้านคงต้องคิดถึงตำนานเพลงอย่างเดวิด โบวี่หรือเอียน เคอร์ติสมากแหงๆ” ทั้งรูปโปสเตอร์ของเคอร์ติสมีคำว่า ​Long Live the King ประทับ และการเขียนบนกำแพงเป็นต้น

 

 

The Music

เนื่องจากสมาชิกผู้ก่อตั้งบาร์แห่งนี้มีพื้นฐานด้านเพลงเป็นทุน เพลงที่เปิดในร้านเป็นเพลงอัลเทอร์เนทีฟที่ฟังแล้วสบายหูรู้สึกคุ้นเคย ขณะที่เราเดินเข้าร้าน เพลงที่เปิดคลอต้อนรับอยู่คือเพลง Juxtapozed With U ของ Super Furry Animals นอกจากนั้นยังมีดนตรีตั้งแต่ยุค 80s, 90s, 2000s ไปจนถึงเพลงยุคปัจจุบัน ดังนั้นคาดหวังได้เลยว่าคุณจะได้ฟัง Oasis, Blur, Joy Division, David Bowie, Earth, Wind & Fire เป็นต้น แต่ก็มีบ้างที่ทางร้านจะมีดีเจจากต่างประเทศมาเปิดแผ่นให้ลูกค้าได้ฟังกัน หรือบางครั้งจะได้วงดนตรีที่มีความเฉพาะตัวมาเล่นสดในร้านทำให้ค่ำคืนของ NOMA มีความแปลกใหม่ และไม่เป็นแบบแผนตรงตัวอย่างใครๆ เขา ซึ่งก็เข้ากับแสงสีของร้านที่มีความปะปนกันอยู่ในตัวเอง ทั้งนี้สามารถเช็กรายชื่อดีเจที่หมุนเวียนมาเล่นทุกวันได้ทางเฟซบุ๊กเพจของร้าน

 

Oystomania เครื่องดื่มที่ราวกับเปิดตู้เย็นบ้านเพื่อนมาปรุงรวมกันก็ไม่เชิง

 

The Drinks

เครื่องดื่มของบาร์นี้มีความหลากหลายทางรสชาติ และอาจมีการใช้ส่วนผสมที่เมื่อได้ฟังแล้วอาจประหลาดใจ เช่น Oystomania (200 บาท) ซึ่งเป็นค็อกเทลที่ผสมเอาซอสหอยนางรมเข้าไปกับรัม (ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิดหรอก) โดยใช้รัม 2 ชนิด คือไวต์รัมและดาร์กรัม เติมความเปรี้ยวหวานลงไป นอกจากนี้ยังมีการใส่ผงกระเทียม แล้วจึงนำส่วนผสมทั้งหมดมาดรายเชกก่อนเพื่อให้ซอสหอยนางรมข้นๆ แตกตัวและเข้ากับองค์ประกอบอื่นก่อนจะนำมาเชกกับน้ำแข็งอีกที รสชาติของแก้วนี้มีความแปลกใหม่ มีความเค็มของซอสหอยนางรมและมีกลิ่นของผงกระเทียมเป็นพื้นหลัง

 

Psycho Tropical Yogurt

 

ตัวต่อมาคือ Psycho Tropical Yogurt (160 บาท) เบสเป็นจินผสมกับไข่ขาวและโยเกิร์ต นอกจากนี้ยังได้น้ำลิ้นจี่และน้ำเชื่อมเมลอนฮันนีดิวมาช่วยให้มีกลิ่นหอมและรสชาติหวาน อีกทั้งยังมีความเปรี้ยวจากน้ำมะนาว แก้วนี้ผ่านการดรายเชกก่อน แล้วจึงนำมาเชกอีกรอบก่อนเสิร์ฟ ผลที่ได้คือเครื่องดื่มสไตล์ครีม มีเปรี้ยวหวาน และมีเท็กซ์เจอร์ฟองเนียนนุ่ม

 

กัมมี่หมีน้อยโรยบนเครื่องดื่มที่มีเบสเป็นวอดก้า

ผสมกับแยมแบล็กเบอร์รีและแยมส้ม

 

Jam on The Toast (160 บาท) คือเมนูกัมมี่หมีน้อยโรยบนเครื่องดื่มที่มีเบสเป็นวอดก้า ผสมกับแยมแบล็กเบอร์รีและแยมส้ม เชกจนส่วนผสมเข้ากัน รสชาติที่ได้น่าสนใจเนื่องจากคุณกลับรับรสทุกอย่างได้อย่างลงตัว แทนที่จะแย่งกันจนแยกรสได้ยากเหมือนกับเครื่องดื่มเปรี้ยวหวานชนิดอื่น แต่แก้วนี้ยังได้ฟินิชชิ่งจากมะนาว จึงช่วยให้จิบได้เรื่อยๆ

 

ท่องสวนดอกไม้กัน

 

ส่วนหากคุณเป็นคนชอบท่องสวนดอกไม้ Cyndi’s Flowers (200 บาท) อาจจะเหมาะ โดยมี Elderflower เป็นส่วนผสม มีมินต์เจลลี่ที่ใช้กินกับเนื้อแกะชอป กับจิน โดยมีกลิ่นมินต์ที่ชัดเจน เช่นเดียวกับความหวาน แต่ยังคงมีความดรายที่ได้จากจิน จึงเป็นเมนูที่รสชาติไม่ซับซ้อนเกินไป

 

(ซ้าย) Dirty Staches, (ขวา) Manic Street Punch

 

คนชอบวิสกี้เบสขอเชิญทางนี้ Dirty Staches (180 บาท) เป็นเมนูที่ได้รับการพัฒนาจากคลาสสิกค็อกเทลอย่าง Piña Colada แต่แทนที่จะใช้หัวกะทิทั่วไป ก็หันมาใช้กะทิอบควันเทียนแทน ใส่อัลมอนด์ไซรัป และโค้ตปากแก้วฝั่งหนึ่งด้วย Nutella ซึ่งหากคุณดื่มจากซีกที่ไม่ได้โค้ตด้านช็อกโกแลตที่ผสมกับถั่ว รสชาติที่ได้จะมีความหอมมันจากกะทิอบควันเทียนและอัลมอนด์ที่เข้ากันได้ดี ส่วนหากดื่มจากฝั่งที่มีการโค้ตริมแก้วก็จะเพิ่มความขมและความนัตตี้ให้กับแก้วนี้ได้อย่างดีเลย

 

นอกเหนือจากนั้นทางร้านก็มีเบียร์ไทยเทศเสิร์ฟผสมกันไป หากไม่อยากมานั่งจิบค็อกเทลแก้วแฟนซี ก็เลือกจิบเบียร์เย็นๆ ฟังเพลงยาวๆ กันไปได้ตามใจชอบเหมือนกับมาเยี่ยมเพื่อนที่บ้านนั่นแหละ

 

NOMA

Open: เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร เวลา 19.00-2.00 น.

Address: 466 พหลโยธิน 3 สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ (พิกัดใหม่)

Budget: 100-300 บาท

Contact: 06 2294 2299

Page: www.facebook.com/NOMABKK

Map:

 

FYI
  • ที่นี่รับจัดปาร์ตี้ฟรีและทางร้านยังจะคิดค็อกเทลพิเศษให้สำหรับงานอีกด้วย
  • ทางร้านมักจะมีอีเวนต์สนุกๆ เกี่ยวกับดนตรี ซึ่งสามารถติดตามได้จากเฟซบุ๊กของทางร้าน
  • แนะนำให้รับประทานอาหารก่อนมา เพราะทางร้านเสิร์ฟเป็นถั่วแกล้มเครื่องดื่ม และไม่ได้มีเมนูอาหารเป็นเรื่องเป็นราว
  • ชื่อร้าน NOMA ไม่เกี่ยวข้องอะไรใดๆ กับร้านอาหารระดับมิชลินชื่อดังของต่างประเทศ
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising