มนุษย์เราคุ้นชินกับคำว่า ‘ภาวะโลกร้อน’ ซึ่งยามนี้ถูกยกระดับให้เป็น ‘ภาวะโลกรวน’ แต่ความคุ้นเคยนั้น น้อยคนที่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงและตระหนักถึงปัญหา ไม่กี่วันที่ผ่านมาประเทศแถบโอเชียเนีย ‘นิวซีแลนด์’ ประกาศแผนรับมือภัยพิบัติแห่งชาติฉบับแรก ซึ่งมีใจความสำคัญเป็นการป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน ที่อยู่ศัย เมือง และสมบัติทางวัฒนธรรมของประเทศ ในขณะที่โลกร้อนขึ้น
จากข้อมูลของสถาบันวิจัยน้ำและบรรยากาศแห่งชาติ (National Institute of Water and Atmospheric Research) เผยว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2022 เป็นช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่เคยบันทึกไว้ในนิวซีแลนด์ โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 15 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าปกติในปี 2524-2553 ประมาณ 1.2 องศาเซลเซียส ตามรายงานยังเผยอีกว่า ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นกำลังคุกคามบ้านเรือนริมชายฝั่งกว่า 70,000 หลังคาเรือน และบ้านในแผ่นดินใหญ่มีสิทธิ์เจอภัยน้ำท่วมสูงขึ้น
แผนดังกล่าวส่วนใหญ่เน้นหนักไปในด้านการจัดเตรียมบุคลากร ธุรกิจ รัฐบาลท้องถิ่น และนักพัฒนา รวมไปถึงการให้ข้อมูลอย่างละเอียดแก่ประชาชน มีการบังคับให้แจ้งสภาพภูมิอากาศแก่ผู้ซื้อบ้านในอนาคต รวมถึงสร้างแผนที่ระดับชาติแบบสาธารณะที่ผู้คนสามารถดูข้อมูลวิกฤตสภาพอากาศล่าสุดได้แบบเรียลไทม์ และส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อพื้นที่ของพวกเขา
นอกจากให้ข้อมูล ในแผนยังเสนอให้มีการโยกย้ายชุมชนริมน้ำบางส่วน การสร้างกำแพงทะเล รวมถึงการสร้างบ้านบนไม้ค้ำถ่อ เพื่อรับมือกับภัยพิบัติทางน้ำในอนาคต อย่างไรก็ดี ทางรัฐบาลระบุว่า การอพยพจะเป็นตัวเลือกสุดท้ายในแผนรับมือทั้งหมด ในทางกลับกัน ประชาชนสงสัยว่าถ้าหากต้องมีการอพยพจริง ใครจะเป็นคนออกค่าอพยพย้ายถิ่นฐานให้พวกเขา เพราะประเด็นนี้ไม่มีการระบุไว้ในแผนตั้งแต่ต้น
อย่างไรก็ดี ลุค แฮร์ริงตัน อาจารย์อาวุโสด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของมหาวิทยาลัยไวกาโต กล่าวในแถลงการณ์ว่า รายงานดังกล่าวเป็นเครื่องเตือนใจว่า นิวซีแลนด์ไม่เพียงแต่ต้องสู้กับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังต้องสู้กับภัยพิบัติอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศด้วย ไม่ว่าจะเป็น ความแห้งแล้งรุนแรง และปริมาณน้ำฝนมหาศาลแบบสุดขั้ว
ภาพ: Shutterstock
อ้างอิง: