HAPPY EVER AFTER
เมื่อวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2018 เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเฝ้ารอชมเหตุการณ์สำคัญครั้งประวัติศาสตร์คือ พิธี เสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รี รัชทายาทลำดับที่ 6 แห่งราชวงศ์อังกฤษ กับเมแกน มาร์เคิล นักแสดงสาวเชื้อสายแอฟริกัน–อเมริกัน ผู้อายุมากกว่าเจ้าชายแฮร์รี 3 ปี เคยผ่านทั้งการแต่งงานและการหย่าร้างมาก่อน แม้เธอจะถูกโจมตีในประเด็นด้านเชื้อชาติ สีผิว และอื่นๆ อีกหลายข้อว่าไม่เหมาะสม แต่ในที่สุดเธอก็ได้ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดราชวงศ์หนึ่งในโลก และทั้งคู่ก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์นับจากนี้เป็นต้นไป
ก่อนวันงานจริงจะมาถึง เหล่าแฟนคลับราชวงศ์อังกฤษทยอยกันเข้าจับจองพื้นที่แบบข้ามวันข้ามคืนบริเวณรอบพระราชวังวินด์เซอร์ เพื่อรอรับเสด็จฯ และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของพิธีเสกสมรส ซึ่งจัดขึ้นที่วิหารเซนต์จอร์จ พระราชวังวินด์เซอร์ ในวันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม 2018 โดยพิธีเริ่มขึ้นในช่วงเช้า และเป็นไปอย่างอบอุ่น บ่าวสาวปรากฏตัวในชุดเรียบโก้ เจ้าชายแฮร์รีทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบนายทหาร ส่วนเจ้าสาวสวมชุดเรียบหรูออกแบบโดย แคลร์ เวต เคลเลอร์ ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ จากห้องเสื้อ Givenchy ของฝรั่งเศส สวมมงกุฎที่เคยเป็นของสมเด็จพระราชินีแมรี สมเด็จพระอัยกีของสมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ 2 เดินเข้าโบสถ์ผ่านซุ้มประตูโบสถ์ที่ประดับประดาด้วยกุหลาบขาวอย่างงดงาม สื่อความหมายถึงการระลึกถึง เจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของเจ้าชายแฮร์รี โดยมีเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ประทับรออยู่ภายใน ทรงรับหน้าที่เป็นผู้ส่งตัวเจ้าสาวแทน นายโธมัส มาร์เคิล คุณพ่อเมแกนที่มีปัญหาด้านสุขภาพจนไม่อาจมาร่วมงานได้
ความงดงามอบอุ่นของพิธีเสกสมรสที่ เพิ่งผ่านพ้นไป ในทางหนึ่งคือ การสะท้อนถึงธรรมเนียมอันเคยเคร่งครัดของราชวงศ์อังกฤษได้รับการผ่อนปรนลง ทั้งยังเปิดกว้างและทันสมัยด้วยการเชิญบิชอปผิวสี ไมเคิล บรูซ เคอร์รี จากโบสถ์นิกายแองกลิคัน โบสถ์ 1 ใน 2 แห่งในสหรัฐอเมริกาที่ประกอบพิธีแต่งงานแก่คู่ บ่าวสาวที่เป็นเกย์ บินตรงจากชิคาโกมาร่วมเทศน์ถึง ‘พลังแห่งความรัก’ ตลอดจนการเลือกเพลง Stand by Me ที่ขับร้องโดยคณะประสานเสียงผิวสี The Kingdom Choir ซึ่งสร้างความซาบซึ้งตรึงใจแก่ทุกคนที่ได้ยิน ในขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสารจากราชวงศ์อังกฤษว่า พิธีเสกสมรสครั้งนี้ไม่แบ่งแยกชาติกำเนิดและสีผิวใดๆ มีแต่การรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เพราะ Stand by Me เป็นหนึ่งใน เพลงที่ยิ่งใหญ่ ทั้งในแง่วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และศิลปะ แฝงสารอันลึกซึ้งทางการเมือง เพราะเพลงนี้ฮิตมากในช่วงที่สหรัฐอเมริกามีการต่อสู้เพื่อสิทธิความเท่าเทียมของคนผิวสี หรือการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมือง (Civil Rights Movement) ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปี 1954-1968 และมีการใช้เพลงนี้เพื่อสร้างความสามัคคีใน กลุ่มชนผิวสีด้วย
หลังพิธีการทางศาสนาในวิหารเซนต์จอร์จเสร็จสิ้นลง เจ้าชายแฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซ็กซ์ทรงจุมพิตเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซ็กซ์ พระชายา ที่ด้านหน้าโบสถ์ ก่อนที่ทั้งสองจะเสด็จฯ ประทับราชรถ ‘แอสคอต แลนเดา’ และเคลื่อนขบวนผ่านใจกลางเมืองวินด์เซอร์ เพื่อให้ประชาชนที่มารอรับเสด็จได้ร่วมแสดงความยินดีกับการเปิดฉากที่อบอุ่นงดงามของตำนานรักบทใหม่แห่งราชวงศ์อังกฤษ
นอกเหนือจากในส่วนของพิธีเสกสมรสแล้ว อีกหนึ่งสีสันที่คนทั่วโลกเฝ้าจับตาคือ เหล่าแขกผู้ทรงเกียรติจากหลากวงการที่ได้รับเชิญไปร่วมเป็นสักขีพยาน เช่น ชาร์ลส์ สเปนเซอร์ หรือเอิร์ล สเปนเซอร์ที่ 9 พิปพา มิดเดิลตัน พระขนิษฐา ในเจ้าหญิงเคต ที่มาพร้อมเจมส์ แมทธิวส์ สามี รวมทั้งเชลซี เดวี อดีตพระสหายสนิทในเจ้าชายแฮร์รี และเลดี คิตตี สเปนเซอร์ พระนัดดาในเจ้าหญิงไดอานาผู้ล่วงลับ ส่วนคนดังในวงการบันเทิงที่เข้าร่วมงาน อาทิ พิธีกรผู้ยิ่งใหญ่ในวงการบันเทิงฮอลลีวูดอย่างโอปราห์ วินฟรีย์ นักเทนนิสสาวชาวอเมริกัน เซเรนา วิลเลียมส์ ที่ควงแขนมากับสามี พระเอกหนุ่มใหญ่ จอร์จ คลูนีย์ มาพร้อมอมาล ภรรยาคนงาม นอกจากนั้นยังมีไอดริส เอลบา พระเอกผิวสีที่มาพร้อมคู่หมั้น นำทีมแขกจากวงการบันเทิงและกีฬาของอังกฤษ ตามมาด้วยนักร้องดัง เจมส์ บลันต์ และภรรยา รวมทั้งนักเตะในตำนานอย่างเดวิด เบ็คแฮมและวิคตอเรีย ภรรยา
THE CHRONIC PALESTINE ISRAEL CONFLICT
ความขัดแย้งระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลเรื้อรังมานาน และการย้ายสถานทูตสหรัฐอเมริกาจากกรุงเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเลมเป็นเชื้อไฟ ชั้นดีที่ส่งผลให้เกิดการประท้วงอย่างหนักตลอดเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2018 อิวังกา ทรัมป์ บุตรสาวประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นตัวแทนร่วมพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำนคร เยรูซาเลมอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากนานาชาติ เนื่องจากดินแดนแห่งนี้เป็นนครศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม โดยเฉพาะชาวปาเลสไตน์ที่มองว่า การกระทำดังกล่าวของสหรัฐอเมริกาเท่ากับสนับสนุนให้อิสราเอล ครอบครองกรุงเยรูซาเลมทั้งเมือง และนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ของชาวปาเลสไตน์ที่พรมแดนฉนวนกาซา ซึ่งมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 55 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 2,500 ราย
ภาพผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์วิ่งหลบหนีแก๊สน้ำตากันจ้าละหวั่น ระหว่างปะทะกับกองกำลังฝ่ายความมั่นคงอิสราเอล ใกล้พรมแดนระหว่างอิสราเอลและฉนวนกาซาปรากฏผ่านสื่อให้เห็นจนชินตา
นูรา เอราคาต ทนายความชาวอเมริกันที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์ผ่าน สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า ชาวปาเลสไตน์ประท้วงเรื่องการที่อิสราเอลเข้ายึดครองพื้นที่บางส่วนในกรุงเยรูซาเลมมาตลอด 70 ปีก่อนหน้านี้ ในความเป็นจริงมีชาวปาเลสไตน์มาประท้วงที่พรมแดนฉนวนกาซาเป็นรายวันมานาน เนื่องจากส่วนหนึ่งต้องการกลับเข้าไปในพื้นที่ในฐานะ ผู้อพยพ แต่ทางการอิสราเอลปฏิเสธ
ปลายเดือนมีนาคม เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องให้มีการสอบสวนกรณีที่ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตถึง 16 ราย ในการปะทะกับทหารอิสราเอล นับเป็นเหตุการณ์ที่นองเลือดที่สุดในความ ขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ นับตั้งแต่การปะทะในฉนวนกาซาเมื่อปี 2014 ก่อนที่เหตุการณ์จะลุกลามใหญ่โตในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
การประท้วงเพื่อเรียกร้องให้เหล่าผู้อพยพชาวปาเลสไตน์สามารถกลับคืนถิ่นฐานที่ถือเป็นบ้านมาแต่โบราณกาล ซึ่งก็คืออิสราเอลปัจจุบัน ยังลุกลามไปยังประเทศมุสลิมอื่นๆ และเชื่อว่า ความสงบจะยังไม่กลับคืนสู่ดินแดนที่เป็นชนวนความขัดแย้งตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
THE CONTROVERSIAL RIGHT TO DIE
เดวิด กู๊ดดอล นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียวัย 104 ปี เลือกจบชีวิตตัวเองเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 10 พฤษภาคม 2018 ตามเวลาท้องถิ่น ภายใต้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เดวิดไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยระยะสุดท้ายหรือเป็นโรคซึมเศร้าแต่อย่างใด แต่เพราะช่วงหลายปีที่ผ่านมาสุขภาพของ ชายชราถดถอยลงอย่างมาก อิสระในการใช้ชีวิตลดน้อยลง โดยเดวิดถูกห้ามขับรถยนต์ และต้องย้ายมาทำงานในละแวกบ้าน ประกอบกับอุบัติเหตุหกล้ม เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้ต้องอยู่ในความดูแลของบ้านพักคนชรา สิ่งเหล่านี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์อาวุโสคิดว่า การจบชีวิตตัวเองน่าจะเป็นคำตอบ โดยเชื่อว่า “การเลือกเวลาตายให้ตัวเองเป็นสิทธิอย่างหนึ่งของมนุษย์ทุกคน” อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลียไม่อาจตอบสนองความต้องการนี้ได้ เดวิดจึงตัดสินใจ บินไปสวิตเซอร์แลนด์ที่ซึ่งความปรารถนาของชายชราผู้สิ้นหวังเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย เดวิดเผยว่า ซิมโฟนีหมายเลข 9 ของบีโธเฟน เป็นบทเพลงสุดท้ายที่ตนเลือกฟัง และหวังว่า กรณีของตนจะทำให้ประเทศต่างๆ หันมาสนับสนุนสิทธิและกฎหมายด้านนี้มากขึ้น
THE RESCUED BEAR
ลุยจิ ลูกหมีน้อยกำลังจะเดินไปหยิบลูกบอลมาเล่นในศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่า Arcturos ที่นิมไฟโอ บนพื้นที่ลาดชันของภูเขาวิตซี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ซึ่งเป็นสถานที่คุ้มครองหมีและหมาป่าจากนักล่าบริเวณคาบสมุทรบอลข่าน และในดินแดนห่างไกลอย่างออสเตรียและจอร์เจีย ซึ่งหมีส่วนใหญ่ได้รับการช่วยเหลือจากพรานบอลข่าน นักสะสมสัตว์ป่า และเจ้าของร้านอาหารที่ต้องการจับพวกมันไปแสดงเพื่อความบันเทิง
4TH ANNIVERSARY OF THE CURRENT COUP
วันที่ 22 พฤษภาคม ครบรอบ 4 ปี ที่รัฐบาล คสช. นำโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการของ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล (รัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ถือเป็นรัฐประหารครั้งที่ 13 ของไทย ในช่วงใกล้วันครบรอบ 4 ปี คสช. นี้ จึงมีความเคลื่อนไหวทั้งจากกลุ่มพรรคการเมืองและกลุ่มประชาชน ที่มีผลตอบรับในผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาลอย่างร้อนแรง
พรรคเพื่อไทยเปิดที่ทำการพรรค นัดแถลงข่าวประเมินผลงาน ‘4 ปี ที่ล้มเหลวของรัฐบาล และ คสช. นำประเทศไปสู่ความมืดมนและอันตราย’ โดยกล่าวถึงความล้มเหลวของ คสช. หลายด้าน ทั้งการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ที่นำมาใช้จัดการฝ่ายตรงข้าม แต่เพิกเฉยต่อคนในรัฐบาลที่ถูกกล่าวหาเรื่องทุจริต การเลื่อนเลือกตั้งในรอบ 4 ครั้ง ในรอบ 4 ปี การห้ามพรรคการเมือง ทำกิจกรรมทางการเมือง ด้านเศรษฐกิจที่ขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ปี 2558-2561 และสุดท้ายคือ ภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีที่มีพฤติการณ์ส่อถึงการวางกลไกเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไป โดยหลังการแถลงข่าวแกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามที่ คสช. แจ้งความดำเนินคดีความผิด 4 ข้อหา คือ ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 57/2757 ห้ามมิให้พรรคการเมืองที่มีอยู่แล้วดําเนินการประชุม หรือดําเนินกิจการใดๆ ในทางการเมือง, ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป, มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เนื่องจากมีการไลฟ์
ฟากประชาชนกลุ่มคนอยากเลือกตั้งออก ประท้วงรัฐบาล คสช. โดยชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อมุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแถวสกัดและพยายามเจรจาแต่ไม่เป็นผล ทำให้เกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อผู้ชุมนุมพยายามฝ่าด่านล้มตำรวจ การประท้วงยุติลงเวลา 15.38 น. เมื่อแกนนำ 3 คน ประกาศมอบตัว และขอให้ประชาชนยุติกิจกรรมและเดินทางกลับบ้าน โดยเหล่าแกนนำต่างถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน
ด้านนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า “วันนี้ (22 พฤษภาคม) ส่วนตัวอารมณ์ดี จะไปซีเรียสอะไร ซึ่งวันนี้เป็นวันครบรอบ 22 พฤษภาคม เป็นสิ่งดีที่จะได้ทบทวนว่า ดำเนินการอะไรไปแล้วบ้างตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้ดำเนินการอะไรไปเป็นจำนวนมาก จึงเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้เป็นกำลังใจให้พวกเรากันเองดีกว่า เพื่อทำงานต่อไปไปสู่รัฐบาลหน้า”
THE FASTING MONTH OF RAMADAN
ชาวไทยมุสลิมเป็นจำนวนมากร่วมใจกันทำพิธีละหมาดตะรอเวียะฮฺ หรือการละหมาดในเวลากลางคืนของช่วงเดือนรอมฎอน ที่ศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ถนนรามคำแหง โดยชาวมุสลิมที่ถือศีลอดมาตลอดทั้งวัน จะละศีลอด มาร่วมรับประทานอาหารร่วมกันภายในครอบครัวหรือตามสถานที่ต่างๆ จากนั้นจึงทำพิธีละหมาดตะรอเวียะฮฺร่วมกันที่มัสยิด โดยจะมีอิหม่ามเป็นผู้อ่านอัลกุรอาน พิธีนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ตลอดเดือนรอมฎอน เพื่อให้ชาวมุสลิมได้ใกล้ชิด กับพระอัลลอฮ์
ในปีนี้ รอมฎอนเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้ออกประกาศ วันเริ่มต้นของการถือศีลอดรอมฎอน ชาวมุสลิมก็จะเริ่มถือศีลอดทั้งเดือน เพื่อฝึกร่างกายและจิตใจให้มีความอดทน การอุทิศส่วนกุศล ระลึกถึงผู้ยากไร้ และดำรงในศรัทธาต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
ANTI-GRAB BIKE STRIKE
กลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ ‘เพื่อนแท้ชาววิน’ ราว 2,000 คน รวมตัวกันหน้าอาคารธนภูมิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเรียกร้องให้หยุดให้มอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคล (ป้ายทะเบียนสีขาว) รับส่งผู้โดยสารผ่านแอปพลิเคชัน โดยแกนนำกล่าวว่า อยากเรียกร้องให้มีการเชิญทุกฝ่ายไปคุยกัน ไม่ได้ปฏิเสธแอปพลิเคชัน และขอให้จัดการเรื่องรับส่งผู้โดยสารข้ามเขต
หลังการประท้วงไม่กี่วัน ผู้บริหารบริษัท แกร็บแท็กซี่ ประเทศไทย ได้แถลงว่า เข้าใจสภาพของกลุ่มผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ที่ประสบกับความยากลำบากทั้งต้นทุน รายได้ ความมั่นคง และความปลอดภัยในอาชีพ แต่การนำเทคโนโลยีมาใช้แทนการให้บริการแบบเดิมจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของตัวผู้ให้บริการเอง ทั้งเพิ่มรายได้ให้แก่ ผู้ขับขี่ มีประกันอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาลให้และมีความโปร่งใสด้านราคา และตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้โดยสาร
