ในช่วงนี้ แม้ว่าไวรัสโควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นไปแล้ว และดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเริ่มเข้าที่ จนผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตกันได้อย่างปกติอีกครั้ง แต่การเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวนั้นเราก็ยิ่งต้องระมัดระวัง เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ! เพราะมีหลายปัจจัยที่อาจจะทำให้เราไม่สบายและชีวิตสะดุดเอาได้!
ฤดูหนาวแบบนี้มีปัจจัยอะไรที่กระทบสุขภาพเราได้บ้าง?
- อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุณหภูมิที่ลดลง ซึ่งเมืองไทยเราช่วงนี้มักเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว มีหลายผลงานวิจัยระบุตรงกันว่าถ้าอากาศเปลี่ยนแปลงแล้วร่างกายปรับตัวตามไม่ทันก็จะส่งผลกระทบต่อภูมิคุ้มกัน อาจทำให้ไม่สบายเอาได้ คนจึงป่วยกันได้ง่ายตั้งแต่ไข้หวัดธรรมดา ไปจนถึงไข้หวัดใหญ่ที่กำลังระบาดอย่างมาก รวมถึงโควิดเองก็ยังไม่ได้หมดไปทีเดียว ดังนั้นถ้าภูมิตกแล้วอาจจะเป็นเรื่องเอาได้
- ฝุ่น PM2.5 ตัวร้าย ช่วงปีหลังๆ เป็นที่ทราบกันดีว่าฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจของทุกคนที่มักจะมาเป็นประจำตามนัดในช่วงฤดูหนาวของทุกปี เนื่องจากสภาพอากาศที่ปิดในฤดูกาลนี้ทำให้มีมลภาวะทางอากาศอย่างฝุ่นและควันพิษในปริมาณมาก ซึ่งไม่สามารถกระจายตัวออกไปได้ ส่งผลต่อคุณภาพของอากาศที่เราหายใจ โดยเฉพาะผู้คนที่ใช้ชีวิตในที่โล่ง รวมถึงคนที่เป็นภูมิแพ้อยู่แล้วก็จะป่วยกันได้ง่ายขึ้น
- ไลฟ์สไตล์พักผ่อนน้อย มนุษย์ทำงานหลายคนต่างคุ้นเคยกับการโหมลุยทำงานหนักในช่วงขึ้นปีใหม่ เพราะเป็นช่วงที่ทุกธุรกิจยุ่งกันเป็นพิเศษ ต้องเร่งเคลียร์งานคั่งค้างและโปรเจกต์ต่างๆ ให้เสร็จ หลายคนจึงไม่ค่อยจะมีเวลาได้พักผ่อน ไหนจะมีงานสังคมมากมายให้ต้องเข้าร่วม และหลายๆ คนเองก็สนุกรื่นเริงกับการใช้ชีวิตปาร์ตี้ดื่มกินกันในช่วงนี้ ทำให้มีเวลาพักผ่อนและดูแลตัวเองน้อย จึงไม่สบายกันได้ง่ายๆ
จะปีไหนๆ เราต้องไม่ป่วย
ถ้าช่วงนี้ ดันเกิดป่วยขึ้นมา ทั้งงานและกิจกรรมต่างๆ ที่แพลนเตรียมไว้จะต้องสะดุดแน่ๆ สำหรับอาการป่วยเริ่มต้นที่พบได้บ่อยในช่วงนี้คืออาการไอแบบมีเสมหะ ซึ่งมักเกิดจากการที่ร่างกายปรับตัวไม่ทันกับสภาพอากาศที่เย็นลง และการเจอมลพิษรอบๆ ตัวในปริมาณมาก ทำให้ร่างกายสร้างเสมหะขึ้นมาได้มากกว่าปกติ และอาจทำให้เกิดอาการไอตามมา ซึ่งสามารถส่งผลต่อการใช้ชีวิตทั้งของตนเองและส่วนรวมได้ ซ้ำร้ายอาจไม่ใช่แค่เราสะดุดคนเดียว แต่ยังส่งผลต่อคนอื่นๆ ได้อีก ไหนจะงานที่ต้องชะงัก หรือเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็อาจจะไม่สบายตามไปด้วย ดังนั้นในช่วงที่ทั้งหนาว ทั้งฝุ่น เรายิ่งต้องดูแลรักษาสุขภาพกันให้มากเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เจ็บป่วยได้ง่าย หากมีอาการเล็กๆ น้อยๆ อย่างอาการระคายคอหรือมีเสมหะใสในลำคอ ก็ต้องรีบรักษาทันทีเพื่อไม่ให้เป็นหนัก ไปกว่าเดิม สร้างความสบายใจให้ตัวเองและคนรอบข้าง จะได้ใช้ชีวิตทั้งปีแบบแฮปปี้ไม่มีสะดุดกันทุกคน
ตัวช่วยดีๆ ในการดูแลตัวเอง
นอกจากหาเวลาออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นอย่างฝุ่นและมลภาวะแล้ว หากเกิดอาการป่วยอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมากกว่า ที่หลายๆ คนคิด อย่างอาการระคายคอ มีเสมหะใส ที่ทำให้เกิดการไอตามมา ก็สามารถทำให้คนรอบข้าง เกิดการระแวงต่อเชื้อไวรัสต่างๆ ได้
ดังนั้นควรหาวิธีรักษาตนเองเบื้องต้นเพื่อป้องกันการเป็นหนักจนไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ แนะนำให้ใช้ NAC (N-Acetylcysteine) ช่วยละลายเสมหะ ซึ่งมักจะมาในรูปแบบของเม็ดฟู่ ที่มีความสะดวกและกินได้ง่าย ในผู้ที่มีเสมหะ แนะนำให้ทานวันละ 1 เม็ด เพียงวันละ 1 ครั้งก็เพียงพอ และในผู้ที่มีอาการของเสมหะติดต่อกันหลายวัน ควรทานเม็ดฟู่ละลายเสมหะอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายดี อย่างไรก็ตาม เม็ดฟู่ละลายเสมหะมีหลากหลายยี่ห้อ แม้ว่าจะมีตัวยาในปริมาณเท่าๆ กัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของรสชาติ ที่ส่งผลให้คนไม่กินอย่างต่อเนื่อง อาการจึงไม่หายดี ดังนั้นจึงแนะนำให้เลือกตัวที่มีรสชาติดี เพื่อให้สามารถกินได้แบบไม่ต้องฝืน
ทั้งนี้ยังมีงานวิจัยที่น่าสนใจและถูกตีพิมพ์ฉบับหนึ่ง เรื่อง ‘N-Acetylcysteine to Combat Covid-19: An Evidence Review’ ของ Therapeutics and Clinical Risk Management งานวิจัยฉบับนี้เป็นการรีวิวหลายๆ งานวิจัยที่ผ่านมาของ NAC (N-Acetylcysteine) ได้เปิดเผยว่าสารตัวนี้ช่วยยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสในร่างกาย และลดความรุนแรงของไวรัส และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด ลดการอักเสบในระดับที่รุนแรงได้อีกด้วย
สำหรับการใช้ชีวิตในช่วงนี้ที่จะต้องเตรียมตัวเองให้พร้อม ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือการใช้ชีวิตรับหน้าหนาว ซึ่งมีปัจจัยที่ทำให้ไม่สบายได้ง่ายกว่าช่วงอื่นๆ แบบนี้ หากเกิดอาการป่วยขึ้นมา กะทันหันอย่างอาการมีเสมหะใส ระคายคอ ให้รีบรักษาอาการเบื้องต้นก่อนจะมีอาการหนักจนใช้ชีวิตไม่สนุก โดยเลือกใช้เม็ดฟู่ละลายเสมหะ NAC (N-Acetylcysteine) ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป นอกจากการ ใช้ตัวช่วยในการรักษาตามอาการเบื้องต้น การพักผ่อนก็ยังถือเป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ร่างกาย ได้ฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ
เราขอให้ทุกคนมีความสุขกับการใช้ชีวิตในช่วงปลายปีกันถ้วนหน้า 🙂
- NAC (N-Acetylcysteine) สามารถรับประทานได้ทันทีเมื่อเริ่มมีอาการของเสมหะใส ระคายคอ โดยไม่ต้องรอให้อาการหนัก
- แนะนำกินครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้งก็เพียงพอ โดยแนะนำให้เลือกตัวที่มีรสชาติกินง่าย เพื่อให้สามารถกินได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการจะหายดี
- สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไป