×

เมียนมาสโลว์ไลฟ์ ปล่อยใจวิ่งตามราง

29.08.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins Read
  • สะพาน Gokteik Viaduct เป็นสะพานรถไฟข้ามหุบเหวที่สูงที่สุดและยาวที่สุดในเมียนมา สร้างในสมัยที่เมียนมาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ปัจจุบันกลายเป็นสะพานรถไฟที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก
  • เส้นทางรถไฟสายมัณฑะเลย์-ลาโช (Mandalay-Lashio) เป็นเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวชื่อดัง ตัดผ่านเมืองตากอากาศพินอูลวิน (Pyin Oo Lwin) และเมืองสีป้อ (Hsipaw) ซึ่งเป็นฉากสำคัญในนวนิยาย สิ้นแสงฉาน
  • รัฐบาลเมียนมาเคยนำระบบรถรางเมื่อร้อยปีก่อนกลับมาวิ่งอีกครั้งบนถนนสแตรนด์ (Strand) เมืองย่างกุ้ง ในเดือนมกราคม 2016 ทว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายที่หลังจากทดลองใช้เพียง 6 เดือน ก็เป็นอันต้องปิดตัวลง เพราะมีผู้โดยสารเพียงน้อยนิดไปใช้บริการ
  • รถไฟวงแหวนย่างกุ้ง (Yangon Circular Train) คือรถไฟสายชานเมืองที่วิ่งวนเป็นวงกลมออกจากใจกลางย่างกุ้ง ใช้เวลา 3 ชั่วโมงก็วิ่งกลับมายังชานชาลาใหญ่กลางเมือง รวมระยะทาง 45.9 กิโลเมตร

     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแม้เมียนมาจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ตัว แต่ลึกๆ แล้วกลับอยู่ไกลหัวใจ ไกลจากการรับรู้ของคนไทยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากชุดประวัติศาสตร์ไทยรบเมียนมาที่ฉายซ้ำจนช้ำ ภาพนักประชาธิปไตยของอองซานซูจี รวมไปถึงโปรแกรมทัวร์เมียนมาชุดคลาสสิกแล้ว เราก็แทบไม่รู้จักแง่มุมอื่นๆ ของประเทศลุ่มอิรวดีแห่งนี้อีกเลย

     ด้วยความที่ต้องการเข้าไปทำความรู้จักกับเมียนมาให้มากกว่าที่สองตาเคยเห็น เราจึงขอเลือกความเชื่องช้าของรถไฟมาเป็นตัวตั้ง พลัสด้วยวิถีชีวิตของจริงที่กำลังทยอยเข้ามาเติมเต็มในแต่ละสถานี เริ่มจากเส้นทางระยะใกล้เป็นรถไฟสาย Y รถไฟวงแหวนย่างกุ้ง (Yangon Circular Train) วิ่งวนรอบชานเมืองย่างกุ้ง ต่อด้วยเส้นทางระยะยาว รับประกันนั่งจนก้นระบมหนึ่งวันเต็มจากราชธานีเก่ามัณฑะเลย์ (Mandalay) ไปยังพินอูลวิน (Pyin Oo Lwin) เมืองฤดูหนาวสุดโรแมนติก ก่อนจะตัดผ่านฉากชีวิตที่เมืองสีป้อ (Hsipaw) ไปสิ้นสุดที่ชายแดนจีน ณ เมืองลาโช (Lashio) และทิ้งท้ายด้วยภาพในความทรงจำกับตำนานรถรางแห่งเมืองย่างกุ้ง

 

 

สีสันย่างกุ้ง สีสัน Yangon Circular Train

     ว่ากันว่าถ้าอยากรู้จักเมืองนั้นๆ ให้ดียิ่งขึ้นให้ออกเดิน และมากกว่าการเดินคือการตีตั๋วรถไฟวงแหวนย่างกุ้ง นั่งวนเป็นวงกลมออกเที่ยวรอบนอกเมืองย่างกุ้ง โดยมีจุดเริ่มที่สถานีรถไฟกลาง ซึ่งเป็นอาคารเมียนมาโมเดิร์นที่ยังคงไม่ทิ้งเอกลักษณ์ของหลังคาทรงยอดปราสาท ตัวอาคารตั้งอยู่ไม่ไกลจากตลาดสก็อต สามารถเดินไปได้แบบไม่เหนื่อยมากนัก

 

 

     สนนราคาราคา 200 จ๊าดต่อเที่ยว เทียบกับระยะทางที่จะได้นั่งถ่ายรูปชิลๆ ร่วม 3 ชั่วโมงนั้นถือว่าถูกมาก และจะให้คุ้มราคายิ่งกว่าหากได้ตื่นมาตีตั๋วรถรอบเช้าที่เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้า ที่ขนของมุ่งหน้าสู่ตลาดขนาดใหญ่ Danyingon ซึ่งนี่เองที่ทำให้รถไฟสายรอบเมืองเต็มไปด้วยสีสันแห่งชีวิต ที่จริงเสียยิ่งกว่าจริง

 

 

     เริ่มจากตู้รถไฟไร้แอร์มีที่นั่งแบบหลังชนกัน กับที่นั่งแถวยาวสองฝั่งหันหน้าเข้าหากัน เปิดให้เห็นรอยยิ้มของชาวเมียนมาที่ส่งมาจากทุกทิศทางและตลอดทาง ด้านอาหารบนรถไฟก็มาครบทั้งผลไม้ น้ำ หมาก ไข่ต้ม แต่ที่ประทับใจที่สุดเห็นจะเป็นเทคนิคการขายผลไม้ที่แค่ส้มหนึ่งลูกก็ซื้อขายกัน แม่ค้าบางคนเอาถาดผลไม้เทินหัว อีกมือถือเก้าอี้ ลูกค้าเรียกเมื่อไรก็นั่งลงเฉาะผลไม้สดให้เห็นกันตรงหน้า หรืออย่างหน่วยขายน้ำเคลื่อนที่ก็มาเป็นไหดินเทินหัว บางจังหวะเป็นน้ำผลไม้ตักใส่แก้วแบ่งขายชนิดแก้วเดียวเวียนใช้ทั้งขบวน

 

 

     นักท่องเที่ยวบางคนเลือกที่จะนั่งรถไฟแบบยาวๆ จากย่างกุ้งไปจบที่ย่างกุ้งแบบรวดเดียว แต่ด้วยความที่รถไฟเปิดให้บริการตลอดทั้งวัน แนะนำว่าให้กระโดดลงที่สถานี Danyingon ซึ่งรถไฟจะจอดประชิดติดตลาดผักผลไม้ขนาดใหญ่ แค่ลงมาจากรถไฟก็จะเจอร้านผักพื้นบ้านแบกะดินขายอยู่เต็มชานชาลา ส่วนในตลาดมีสารพัดผลผลิตด้านการเกษตรจากทั่วทุกทิศที่เตรียมเข้าไปขายในเมืองย่างกุ้ง รวมทั้งร้านโชว์ห่วยแบบเพิงเล็กๆ ที่นักช็อปเครื่องครัวสายวินเทจห้ามพลาด เช่นเดียวกับอาหารสตรีทฟู้ดที่มีให้เลือกอร่อยในทุกมุม จากนั้นค่อยซื้อตั๋วใหม่รอรถไฟเที่ยวต่อไปกลับเข้าย่างกุ้ง

 

รถไฟสายท่องเที่ยว ‘มัณฑะเลย์-ลาโช’

 

บรรยากาศในมัณฑะเลย์

 

     สำหรับใครที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์รถไฟสายประวัติศาสตร์ให้ขึ้นมาทางเหนือที่เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นราชธานีสุดท้ายก่อนการล่มสลายของระบอบกษัตริย์ ที่มัณฑะเลย์นี้มีรถไฟมุ่งหน้าไปยังเมืองลาโชแต่เช้าตรู่ และด้วยความเป็นรถไฟที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ชาวต่างชาติ ทางการเลยจัดตู้รถไฟวีไอพีสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการเบาะที่นุ่มกว่าตู้ทั่วไป (นิดหนึ่ง) พร้อมเจ้าหน้าที่เดินตรวจตราอยู่ตลอด แนะนำว่าให้เตรียมน้ำและอาหารไปให้พร้อม เพราะข้าวกล่องรถไฟสายเมียนมาอาจไม่คุ้นท้องนักท่องเที่ยวเท่าที่ควร

     จากมัณฑะเลย์รถไฟจะจอดสถานีย่อยๆ ตลอดสาย แต่จุดหลักที่แวะพักเสียนานคือสถานีอิฐแดงแห่งเมืองโคโลเนียลกลางหุบเขา พินอูลวิน ซึ่งเต็มไปด้วยขบวนพ่อค้าที่มารอขนถ่ายดอกไม้ ใบชา ผลไม้เมืองหนาว และเมล็ดกาแฟ อันเป็นของขึ้นชื่อของเมือง เช่นเดียวบรรยากาศชวนฝันของพินอูลวินที่เพียงเดินออกจากชานชาลาก็เหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งเทพนิยาย

     ปล่องไฟ รถม้าแบบอังกฤษ หลังคาบ้านยอดแหลมแบบปราสาทดิสนีย์ รวมทั้งไร่สตรอว์เบอร์รี และเทศกาลบอลลูนในฤดูหนาวคือสิ่งที่พินอูลวินได้มอบให้ ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่นักท่องเที่ยวหลายคนจะตัดสินใจกระโดดลงเที่ยวที่นี่ก่อนสักคืน แล้วค่อยตีตั๋วต่อไปยังจุดหมาย ซึ่งแม้รถไฟจะไปสิ้นสุดที่เมืองลาโช แต่ปลายทางที่เป็นเมืองการค้าชายแดนจีนกลับไม่ดึงดูดเท่าเมืองเล็กกลางทุ่งนาที่ชื่อ สีป้อ หนึ่งในเมืองสำคัญของรัฐฉาน และเป็นฉากในตำนานความรักระหว่างเจ้าฟ้าหนุ่มชาวไต เจ้าจ่าแสง และหญิงสามัญชนชาวออสเตรเลีย มหาเทวีอิงเง

     แน่นอนว่านวนิยายที่ถ่ายทอดมาจากเรื่องจริง Twilight Over Burma ทำให้นักท่องเที่ยวต่างก็มุ่งตรงมาที่หอหลวงแห่งเมืองสีป้อ หรือพระราชวังฉานในอดีต แต่มากกว่านั้นสีป้อยังมีตลาดแสงเทียนยามเช้ามืด ที่ยังคงจุดเทียนขายของกันกลางถนนอย่างน่ารัก พร้อมด้วยสะพานรถไฟก่อนเข้าสู่เขตเมืองที่ชื่อ สะพาน Gokteik Viaduct ซึ่งเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่อังกฤษได้สร้างไว้ ตัวสะพานทอดยาวจากหน้าผาข้ามเหวลึกเป็นระยะทางร่วม 1 กิโลเมตร โดยบางช่วงของหุบเหวที่ข้ามไปนั้นมีความลึกถึง 330 เมตร เอาจริงๆ แล้วแค่ได้เห็นความยิ่งใหญ่ของสะพานดังกล่าวก็ถือว่าคุ้มค่าตั๋วราคาราว 5 ดอลลาร์ กับระยะเวลากว่า 8 ชั่วโมงที่นั่งมาแล้ว

 

สะพาน Gokteik Viaduct หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่อังกฤษได้สร้างไว้ ตัวสะพานทอดยาวจากหน้าผาข้ามเหวลึกเป็นระยะทางร่วม 1 กิโลเมตร 

 

แด่รถรางสายสุดท้ายของเมียนมา

     การขนส่งด้วยระบบรางอันน่าจดจำอีกแห่งหนึ่งของเมียนมาคือ ระบบรถรางไอน้ำที่อังกฤษนำมาใช้ในย่างกุ้งราวปลายศตวรรษที่ 19 แต่หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น ทุกอย่างก็ดูเหมือนหยุดชะงัก ในที่สุดรถรางก็กลายเป็นเพียงภาพจำในประวัติศาสตร์ กระทั่งต้นปี 2016 ที่ผ่านมา ทางการรถไฟเมียนมาได้จับมือกับประเทศญี่ปุ่น ชุบชีวิตระบบรถรางเมื่อร้อยปีกลับให้กลับมาวิ่งอีกครั้งบนถนนสแตรนด์ ขนานไปกับท่าเรือ และผ่านสถานที่เที่ยวสำคัญอย่างโรงแรม The Strand ไปรษณีย์กลาง และเจดีย์โบตะตาว ซึ่งชาวไทยนิยมไปไหว้ขอพรเทพทันใจและเทพกระซิบ

     สำหรับตัวรถรางไฟฟ้ารูปแบบใหม่นี้เป็นรถมือสองสภาพดีจากญี่ปุ่น แถมเบาะนุ่ม นั่งสบาย ติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ที่สำคัญออกตรงเวลาและราคาถูกเพียง 100 จ๊าด ทว่าหลังจากวิ่งไปได้ 6 เดือน รถรางสายนี้ก็มีอันต้องหยุดเดินรถไปเสียดื้อๆ เนื่องจากมีผู้ใช้บริการน้อยมาก ทำให้เป็นอันปิดฉากตำนานรถรางในเมียนมาอย่างถาวร

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising