ประชาชนทั่วทั้งนครย่างกุ้งของเมียนมาพากันฝ่าฝืนคำสั่งเคอร์ฟิว ออกจากบ้านกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปต่อแถวรอเติมออกซิเจนสำหรับผู้ป่วยโควิด หลังสถานการณ์แพร่ระบาดระลอกใหม่ท่ามกลางวิกฤตรัฐประหารส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนออกซิเจน
รายงานจากสำนักข่าว AFP เมื่อวานนี้ (14 กรกฎาคม) พบว่ามีประชาชนหลายร้อยคนในย่างกุ้งนำถังออกซิเจนไปรอต่อแถวเพื่อเติมออกซิเจน ด้วยความหวังที่จะนำกลับบ้านไปใช้ช่วยชีวิตสมาชิกในครอบครัวที่กำลังติดเชื้อโควิด เนื่องจากโรงพยาบาลภายในเมืองประสบปัญหาผู้ป่วยล้นจนไม่มีเตียงรองรับ
โดยบางคนต้องนำเก้าอี้ไปนั่งรอนานหลายชั่วโมง ขณะที่หลายคนต้องผิดหวังกลับบ้านเมื่อออกซิเจนไม่เพียงพอ
“น้องสาวของผมทุกข์ทรมานจากการติดเชื้อโควิดมา 3 วัน ในวันแรกเธอเวียนหัวและมีความดันเลือดต่ำ และเมื่อวานนี้เธอป่วยหนักเพราะหายใจไม่สะดวก” ชายคนหนึ่งที่ไปต่อแถวรอเติมออกซิเจนกล่าว ก่อนที่จะเลิกรอคิวเนื่องจากญาติโทรบอกให้กลับบ้าน เพราะน้องสาวของเขาเสียชีวิตแล้ว
สถานการณ์ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในเมียนมาทวีความรุนแรงต่อเนื่อง จากผู้ติดเชื้อราว 50 คนต่อวันในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เป็นมากกว่า 7,000 คนตามที่มีรายงานเมื่อวานนี้ ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งสูงกว่า 200,000 คน
ก่อนหน้านี้ทางการเมียนมา ได้สั่งให้ประชาชนในหลายเมืองใหญ่ รวมทั้งย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ อยู่แต่ในบ้าน ซึ่งภาวะขาดแคลนออกซิเจนส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยโควิดที่เสียชีวิตภายในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหน่วยกู้ภัยและอาสาสมัครต้องเข้าไปนำศพออกมาจากบ้าน
“พวกเขาเสียชีวิตเพราะขาดแคลนออกซิเจน” หนึ่งในอาสาสมัครจากองค์กรการกุศลแห่งหนึ่งกล่าว พร้อมเผยว่าเมื่อวันอังคาร (13 กรกฎาคม) องค์กรการกุศลของเขาแห่งเดียวเก็บศพไปยังสุสานมากกว่า 50 ศพ
ด้านหนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar สื่อกระบอกเสียงของทางการเมียนมา รายงานโดยพาดหัวข่าวว่า “จริงๆแล้ว เรามีออกซิเจนเพียงพอ” พร้อมอ้างถ้อยคำสัมภาษณ์จาก พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหาร ซึ่งให้ความมั่นใจต่อประชาชนว่า “ประชาชนไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนออกซิเจนมากไป และไม่ควรเผยแพร่ข่าวลือ”
ทั้งนี้นอกจากโรงพยาบาลหลายแห่งที่กำลังเผชิญภาวะผู้ป่วยล้น ทางด้านฌาปนสถานในย่างกุ้งก็มีศพผู้เสียชีวิตจากโควิดต่อแถวรอทำพิธีเผาเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน
โดยภาพของรถพยาบาลที่นำร่างไร้วิญญาณของผู้ติดเชื้อไปเผาตั้งแต่เช้าตรู่กลายเป็นภาพชินตาของเจ้าหน้าที่ฌาปนสถานหลายแห่ง ขณะที่บางแห่งมีรถพยาบาลหลายคันต้องต่อแถวรอหรือวนหาที่จอดรถเป็นเวลานานเพื่อที่จะขนศพลงจากรถ
ภาพ: Photo by Yan Naing Aung / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: