×

สธ. แจงวัคซีน mRNA ไม่มีสารกัมมันตภาพรังสี ชี้รัฐมีหน้าที่เชิญชวนด้วยเหตุผลวิชาการ เรื่องตัดสินใจฉีดเป็นสิทธิส่วนบุคคล

โดย THE STANDARD TEAM
11.10.2021
  • LOADING...
เฉวตสรร นามวาท

วันนี้ (11 ตุลาคม) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิด รักษาหาย 10,590 ราย สูงกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ที่พบ 10,035 ราย เสียชีวิต 60 ราย และอยู่ระหว่างการรักษา 110,265 ราย ภาพรวมผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิตลดลงเรื่อยๆ ส่วนภาพรวมผู้ติดเชื้อยังทรงตัว จึงต้องเน้นย้ำมาตรการส่วนบุคคล ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา ร่วมกับมาตรการสังคม และมาตรการ COVID-Free Setting เพื่อช่วยให้การแพร่ระบาดของโรคลดลง

 

สำหรับผู้เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 7 ตุลาคม 2564 จำนวน 17,324 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 11,693 ราย หญิงตั้งครรภ์ 30 ราย กทม. มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 6,295 ราย ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีน แสดงว่าประสิทธิผลของวัคซีนในการป้องกันการเสียชีวิตมีสูงมาก จึงขอให้ผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนตัดสินใจลงทะเบียนเข้ามาฉีด ส่วนการฉีดวัคซีนในนักเรียนอายุ 12-17 ปี ฉีดเข็ม 1 แล้ว 419,222 คน คิดเป็น 9.3%

 

นพ.เฉวตสรรกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้พบโซเชียลมีเดียมีการให้ข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อน ทำให้เกิดความไม่มั่นใจในวัคซีนหลายเรื่อง เช่น กรณีระบุว่าวัคซีน mRNA มีสารกัมมันตภาพรังสี สารโลหะอะลูมินัมปนเปื้อน ยืนยันว่าส่วนประกอบของวัคซีนไม่มีสารเหล่านี้ การผลิตวัคซีนจะต้องมีการจดแจ้งส่วนประกอบในการขึ้นทะเบียนชัดเจน และวัคซีนทุกล็อตที่เข้ามาต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยและคุณภาพ เช่น สิ่งปลอมปนทางกายภาพ หากตรวจพบความผิดปกติจะส่งคืนให้บริษัททำลายทิ้ง เป็นมาตรฐานสากลที่ปฏิบัติเหมือนกันทุกประเทศ

 

กรณีที่ระบุว่ามีนาโนพาร์ทิเคิล หรืออนุภาคที่เป็นอันตราย ขอชี้แจงว่า วัคซีน mRNA มีการใช้ลิพิดนาโนพาร์ทิเคิล หรืออนุภาคนาโนของไขมัน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนายารักษาโรคบางชนิดมีใช้มาก่อนหน้านี้ เพื่อช่วยนำตัวยาเข้าสู่ร่างกายให้ออกฤทธิ์ได้ มีการตรวจพิสูจน์ว่าปลอดภัยก่อนได้รับอนุญาตในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป จึงมั่นใจได้ว่าลิพิดนาโนพาร์ทิเคิลที่เป็นส่วนประกอบของวัคซีนมีความปลอดภัย ส่วนที่อ้างว่าผู้ที่ฉีดวัคซีน mRNA ติดเชื้อแล้วมีอาการหนักมากกว่าผู้ที่ไม่ฉีด เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง จากผลการศึกษาประสิทธิภาพวัคซีนช่วยป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ถึง 95% แม้กระทั่งกลุ่มผู้สูงอายุที่การตอบสนองของภูมิคุ้มกันน้อยกว่าวัยอื่นๆ ประสิทธิภาพยังสูงในระดับ 94%

 

“วัคซีนที่นำมาฉีดในประเทศไทยมีการฉีดในต่างประเทศเป็นจำนวนมากแล้ว โดยบุคลากรทางการแพทย์ทุกกลุ่มได้รับการฉีดก่อน และเป็นการฉีดโดยความสมัครใจ เนื่องจากเป็นสิทธิส่วนบุคคลในการตัดสินใจ เช่นเดียวกับการฉีดในนักเรียนที่มีการสอบถามผู้ปกครองก่อน เพื่อให้แสดงความจำนง ส่วนภาคราชการจะรณรงค์เชิญชวนให้ฉีดวัคซีนด้วยเหตุผลทางวิชาการ แต่สุดท้ายขึ้นกับการตัดสินใจของแต่ละบุคคลว่าจะฉีดหรือไม่” นพ.เฉวตสรรกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising