×

ศบค. เผยยอดโอไมครอนสะสม 2,338 ราย ย้ำภูมิคุ้มกันจากวัคซีนดีกว่าภูมิคุ้มกันหลังการติดเชื้อ

โดย THE STANDARD TEAM
05.01.2022
  • LOADING...
สุมนี วัชรสินธุ์

วันนี้ (5 มกราคม) พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างแถลงสถานการณ์การติดเชื้อประจำวันว่า วันนี้มีรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพิ่มขึ้น 276 ราย รวมสะสม 2,338 ราย หรือคิดเป็น 20.92% เมื่อเทียบกับจากสายพันธุ์ทั้งหมด พร้อมย้ำว่าทุกเคสถูกส่งตัวเข้าสู่ระบบการรักษาอย่างเหมาะสม

 

ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโอไมครอนมากสูงสุด 5 จังหวัดแรก ประกอบด้วย

 

  1. กรุงทพมหานคร พบเพิ่ม 91 ราย รวมสะสม 676 ราย 
  2. กาฬสินธุ์ (ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม) รวมสะสม 233 ราย
  3. ชลบุรี พบเพิ่ม 42 ราย รวมสะสม 204 ราย
  4. ร้อยเอ็ด (ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม) 180 ราย
  5. ภูเก็ต (ไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม) 175 ราย 

 

ส่วนประเด็นที่มีการถกเถียงบนสื่อโซเชียลเกี่ยวกับเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนที่มีความสามารถแพร่กระจายง่าย แต่อาการไม่รุนแรง ควรปล่อยให้มีการติดเชื้อเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ดีกว่าการสร้างภูมิคุ้มกันจากการรับวัคซีนหรือไม่นั้น

 

พญ.สุมนียืนยันว่า การได้รับภูมิคุ้มกันจากวัคซีนดีกว่าภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อแน่นอน พร้อมให้เหตุผล 4 ข้อ ดังนี้

 

  1. โอไมครอนเป็นเชื้อที่มีความสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ง่าย ถ้าเราปล่อยให้มีการแพร่เชื้อเป็นวงกว้างในเวลาอันสั้น จะส่งผลให้ระบบสาธารณสุขในประเทศนั้นๆ จะมีการรองรับผู้ป่วยไม่เพียงพอ และนำไปสู่ผลกระทบในภาพใหญ่

 

  1. ถึงแม้ว่าเราจะได้รับวัคซีนเข็ม 2 ไปแล้ว 60% แต่ยังมีประชาชนจำนวนหลักล้านที่ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว หากคนกลุ่มนี้ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงได้รับเชื้อโควิดอาจทำให้มีอาการหนักและเสี่ยงต่ออัตราการเสียชีวิตสูง

 

  1. การได้รับเชื้อโควิดอาจส่งผลเสียกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ระบบทางเดินหายใจที่ผิดปกติ, ระบบการไหลเวียนเลือดที่ไม่เหมือนเดิม

 

  1. ถ้าปล่อยให้มีการแพร่กระจายของเชื้อเป็นวงกว้าง จะเปรียบเสมือนการส่งเสริมให้เชื้อโควิดมีศักยภาพในการขยายพันธุ์มากขึ้น และอาจจะมาทำอันตรายต่อสุขภาพของประชาชนเพิ่มขึ้นในอนาคต 

 

“ตอนนี้ตอบได้เลยว่า ถึงจะมีโอไมครอน (สายพันธุ์ที่ไม่รุนแรง) เข้ามาในประเทศไทยก็ตาม การได้รับวัคซีนเพิ่มภูมิคุ้มกันจะสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนคนไทย มากกว่ามีการปล่อยให้ติดเชื้อเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ” พญ.สุมนีกล่าว

 

สำหรับมาตรการในช่วงนี้ ศบค. ยังขอความร่วมมือจากประชาชนหลังเทศกาลปีใหม่ โดยเน้นการ Work from Home เป็นหลักในช่วงสัปดาห์แรกของการกลับเข้าทำงาน พร้อมสังเกตอาการป่วยของตนเอง และตรวจคัดกรองด้วย ATK อย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 3 วัน หากพบว่าผลตรวจเป็นบวกให้โทรไปที่หมายเลข 1330 สปสช. ลงทะเบียนเพื่อรับการดูแลที่บ้าน Home Isolation หรือติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้าน 

 

ส่วนผู้ประกอบการจัดให้มีมาตรการ Work from Home เฝ้าระวังอาการป่วยของพนักงาน และตรวจคัดกรองด้วย ATK ก่อนอนุมัติให้กลับเข้าทำงานตามโรงงานหรือสถานประกอบการต่างๆ หากพบผู้ติดเชื้อให้ส่งตัวรับการรักษาโดยด่วน ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงให้กักตัว 14 วัน และเน้นให้เปิดทำงานภายใต้การควบคุมกำหนดรูปแบบ Bubble & Seal

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising