×

กองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ สนับสนุนหน่วยงานทางการแพทย์สู้ภัยโควิด-19 ใช้งบฯ ไปแล้วกว่า 270 ล้านบาท

โดย THE STANDARD TEAM
14.05.2021
  • LOADING...
มิตรผล-บ้านปู ช่วยโควิด

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ยังคงยืดเยื้อและรุนแรง ‘กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19’ เป็นหนึ่งในแรงสนับสนุนสำคัญ โดยมีภารกิจเร่งช่วยเหลือให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจรักษาได้ ด้วยการสนับสนุนให้ทีมแพทย์และพยาบาลสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ อุปกรณ์ป้องกันตัวที่จำเป็น ได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วที่สุด พร้อมส่งมอบกำลังใจให้บุคลากรทัพหน้าเหล่านี้ปฏิบัติภารกิจได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยในรอบกว่า 1 ปีที่ผ่านมาของการแพร่ระบาด กองทุนฯ ได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 270 ล้านบาท และยังคงเดินหน้าภารกิจสำคัญนี้ต่อไปจนกว่าสถานการณ์ในประเทศจะกลับมาสู่ภาวะปกติ 

 

ในงานแถลงข่าวออนไลน์ ‘กองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ เคียงข้างคนไทยสู้ภัยโควิด-19’ กลุ่มมิตรผลและบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่ทั้งสองบริษัทร่วมกันจัดตั้งกองทุนมูลค่า 500 ล้านบาท ด้วยการระดมทุนบริษัทละ 250 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ปัจจุบันกองทุนฯ ได้ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 270 ล้านบาท ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 กองทุนฯ ได้เร่งระดมทรัพยากรที่มีเพื่อกระจายความช่วยเหลือในรูปแบบของการส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการตรวจรักษาประชาชนและการป้องกันบุคลากรทางการแพทย์จากความเสี่ยงในการติดเชื้อ เช่น เครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิทัล, เครื่องช่วยหายใจ, ชุด PPE และอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ แก่หน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลจำนวน 33 แห่ง ประกอบด้วย โรงพยาบาลในเขตพื้นที่สีแดงเข้ม ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์และสิ่งของจำเป็นแก่โรงพยาบาลสนาม 9 แห่ง และโรงพยาบาลที่ดำเนินภารกิจการตรวจคัดกรองเชิงรุก นอกจากนี้ยังมีการส่งมอบแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อกว่า 10,000 ลิตรให้แก่หน่วยงานรัฐและภาคเอกชน ในการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 การช่วยเหลือทั้งหมดมีมูลค่ารวมกว่า 30 ล้านบาท

 

ชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา กองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ ได้ให้การสนับสนุนหน่วยงานทางการแพทย์และสาธารณสุขที่เป็นศูนย์กลางอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความพร้อมรองรับการดูแลรักษาประชาชน เพื่อเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย และเพื่อจุดประกายให้องค์กรอื่นๆ ทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมช่วยประเทศไทยให้ผ่านพ้นจากภัยวิกฤตโควิด-19 ได้ เราคาดหวังว่าการช่วยเหลือของกองทุนฯ จะมีส่วนช่วยป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรค ลดความเสี่ยงในการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ได้รับผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ โดยงบประมาณกว่า 270 ล้านบาทที่ใช้ไปคิดเป็น 54% ของเงินกองทุนทั้งหมด เราจะยังคงสานต่อภารกิจในการอยู่เคียงข้างคนไทยด้วยการทำงานเชิงรุกเพื่อประเมินสถานการณ์ และประสานข้อมูลกับทั้งหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานที่ต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือโดยตรง เพื่อให้กองทุนฯ สามารถส่งมอบความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วที่สุด”

 

ด้าน บรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “วิธีการดำเนินงานของกองทุนมิตรผล-บ้านปูฯ ตลอดช่วงวิกฤตที่ผ่านมาคือ กระจายกำลังกันไปช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในวงที่กว้างขึ้นและไม่ซ้ำซ้อนกัน เราได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขของภาครัฐ เช่น กรมการแพทย์, กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลราชวิถี ฯลฯ ในการชี้เป้าว่าจุดไหนที่มีความสำคัญและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน และแต่ละบริษัทฯ จะใช้ทรัพยากรที่เรามี ตลอดจนเครือข่ายในต่างประเทศ เข้ามาสนับสนุนความช่วยเหลือ เราได้สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่สำคัญๆ เช่น เครื่อง CT Scan, ห้องตรวจเชื้อความดันลบ-บวก, เครื่องช่วยหายใจ, หน้ากาก N95, ชุด PPE, แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย เช่น แพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุข ทหาร ตำรวจ หน่วยงานราชการต่างๆ ทั้งในระดับจังหวัดและท้องถิ่น รวมถึงชุมชนและเกษตรกรชาวไร่ที่เราดูแลอยู่ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 215 หน่วยงาน ครอบคลุม 35 จังหวัด นอกจากนี้กลุ่มมิตรผลและบ้านปูฯ ยังได้จัดทำประกันโควิด-19 ให้กับพนักงานเป็นสวัสดิการพิเศษ เพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง”

 

โดยหลังจากนี้ ‘กองทุนมิตรผล-บ้านปู รวมใจช่วยไทย สู้ภัย COVID-19’ จะติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับโควิด-19 ในประเทศต่อไปอย่างใกล้ชิด และทำงานร่วมกับหน่วยงานทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็วและเกิดประสิทธิผล ด้วยความมุ่งหวังว่าจำนวนผู้ป่วยในประเทศไทยจะมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันทั้งสองบริษัทยังคงขับเคลื่อนการทำงานในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ด้วยนโยบายการจัดการความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Management System: BCMS) และนโยบาย Work from Home เต็มรูปแบบ เพื่อลดอัตราความเสี่ยงในการติดเชื้อ 

 

“การดำเนินการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นหน้าที่ของทุกภาคส่วน ในฐานะภาคเอกชน เราพร้อมจะปฏิบัติตามนโยบายและมาตรการที่รัดกุมจากภาครัฐ ขณะเดียวกันก็ยินดีที่จะดำเนินการสนับสนุนด้วยทรัพยากร ศักยภาพ และเครือข่ายที่เรามี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการของกองทุนฯ จะจุดประกายให้ภาคเอกชนและภาคส่วนอื่นๆ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือประเทศไทยให้สู้ภัยโควิด-19 ไปด้วยกันจนสำเร็จ” ชนินท์กล่าวปิดท้าย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising