บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT รายงานผลประกอบการปี 2563 พบว่า ผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลไปยังทุกกลุ่มธุรกิจที่อยู่ในเครือ ทำให้รายได้รวมของปี 2563 อยู่ที่ 58,118 ล้านบาท ลดลง 53% และพลิกจากกำไรเป็นขาดทุน 21,407 ล้านบาท
เมื่อเจาะลงไปในแต่ละธุรกิจพบว่า กลุ่มอาหารมีรายได้รวมลดลง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีสาเหตุมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนตัวและการปิดสาขาร้านอาหารบางแห่งเป็นการชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานได้กลับมาสู่ระดับก่อนการระบาดของโรคแล้ว โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ที่มีกำไร 540 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนกลุ่มธุรกิจโรงแรมเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางได้ ทำให้รายได้รวมลดลง 64% จากปีก่อน โดยโรงแรมในยุโรปยังต้องเผชิญความท้าทายจากการระบาดระลอกใหม่ กระนั้นก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง เพราะธุรกิจโรงแรมในมัลดีฟส์ได้ฟื้นตัวแล้ว เนื่องจากมัลดีฟส์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่นักท่องเที่ยวไม่จำเป็นต้องกักตัว ส่วนออสเตรเลียรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนได้ปรับตัวดีขึ้นและอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการระบาดของโรค
“ผมมั่นใจว่าบริษัทได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว ในปี 2563 ที่ท้าทาย บริษัทได้ใช้โอกาสในการปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายเพื่อให้บริษัทดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าบริษัทจะยังคงมุ่งพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น” ดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าว
สำหรับปี 2564 กลุ่มธุรกิจโรงแรมคาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยข่าวการพัฒนาวัคซีนที่อยู่ในระหว่างการแพร่กระจายไปทั่วโลก จึงคาดการณ์ว่าความต้องการของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะเริ่มกลับมา
ส่วนธุรกิจอาหาร ด้วยการฟื้นตัวมาอยู่ในระดับก่อนการระบาดแล้ว ทำให้ทิศทางต่อไปคือการสร้างการเติบโต โดยเฉพาะการเร่งรายได้จากการนั่งกินในร้าน ผ่านการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ตลอดจนขยายร้าน เช่น Coffee Journey ที่เปิดตัวในไตรมาส 3 ปัจจุบันมีทั้งหมด 15 สาขา โดยมีแนวโน้มที่จะสามารถขยายสาขาไปได้ทั่วประเทศ นอกจากนี้จะทยอยเปิดตัวระบบ CRM ของแต่ละแบรนด์อีกด้วย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล