สื่อเมียนมารายงานว่า พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย (Min Aung Hlaing) ผู้นำรัฐบาลทหาร มีอาการวิตกกังวลอย่างหนักจนต้องกินนอนหลับ อัลปราโซแลม (Alprazolam) ทุกคืน เนื่องจากกลัวว่าตนเองจะไม่ปลอดภัยจากการโจมตีด้วยโดรนและจรวดของกองกำลังฝ่ายต่อต้าน รวมไปถึงความพยายามลอบสังหาร
รายงานข่าวระบุว่า มิน อ่อง หล่าย พยายามหลีกเลี่ยงการเป็นจุดสนใจท่ามกลางความกังวลว่ากำหนดการเดินทางของเขาจะรั่วไหลไปยังกองกำลังฝ่ายต่อต้าน โดยแหล่งข่าวทางทหารในกรุงเนปิดอว์เชื่อว่า เขากลัวถูกลอบสังหาร หรือถูกโค่นลงจากอำนาจในรูปแบบอื่นๆ
ความกลัวของมิน อ่อง หล่าย มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่กองกำลังฝ่ายต่อต้านโจมตีกรุงเนปิดอว์ด้วยโดรนในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน โดยมีเป้าหมายที่ฐานทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพบก และบ้านพักของมิน อ่อง หล่าย พร้อมประกาศกร้าวว่ามีแผนจะโจมตีเพิ่มเติมอีก
แม้รัฐบาลทหารออกมายืนยันว่าสามารถยิงสกัดโดรนตกไป 7 ลำ และไม่มีผู้เสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าว แต่ในทางจิตวิทยา เหตุการณ์นี้นับว่าส่งผลกระทบต่อความรู้สึกมั่นคงปลอดภัยของผู้นำเผด็จการทหารที่งุนงงสงสัยปนหวาดหวั่นว่า โดรนสามารถเจาะน่านฟ้ากรุงเนปิดอว์ได้อย่างไร เนื่องจากกรุงเนปิดอว์นั้นได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ เชื่อกันว่ากระทรวงสำคัญๆ กองบัญชาการทหาร และบ้านพักของมิน อ่อง หล่าย ต่างก็ติดตั้งระบบต่อต้านโดรนและระบบป้องกันภัยทางอากาศอื่นๆ
ต่อมาในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายน ขณะที่ประเทศกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ตามประเพณี ก็เกิดเหตุโจมตีด้วยจรวดที่เมืองพินอูลวิน (Pyin Oo Lwin) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งกองทหารรักษาการณ์ ใกล้กับเมืองมัณฑะเลย์ทางตอนกลาง และเป็นที่ตั้งของ Defense Services Academy (DSA) หรือโรงเรียนนายร้อยของเมียนมา
เจ้าหน้าที่รัฐบาลทหารออกมายอมรับว่า การโจมตีครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บ 12 ราย รวมถึงนักเรียนนายร้อย แต่เรื่องที่รัฐบาลไม่ได้พูดถึงคือ จรวดตกลงบนคฤหาสน์ที่มิน อ่อง หล่าย และครอบครัวของเขาพำนักอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่บ้านในขณะเกิดเหตุหรือไม่ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มิน อ่อง หล่าย และสมาชิกในครอบครัวตกใจมาก ตามการเปิดเผยของแหล่งข่าวใกล้ชิด
หายตัวปริศนา
วันรุ่งขึ้น มิน อ่อง หล่าย ซึ่งมีกำหนดเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองเทศกาลติงจัน (Thingyan Festival) หรือเทศกาลปีใหม่ของเมียนมาในเมืองพินอูลวิน กลับไม่ไปปรากฏตัวที่งาน มีเพียงภริยา จู จู หลา (Kyu Kyu Hla) ที่ไปร่วมงานพร้อมด้วยบอดี้การ์ด แหล่งข่าววงในเผยว่า มิน อ่อง หล่ายบินไปฐานทัพอากาศเมะทีลา (Meiktila Airbase) ในเขตมัณฑะเลย์แทน โดยเมืองเมะทีลาเป็นที่ตั้งของกองบัญชาการกลางของกองทัพอากาศเมียนมา และกองกำลังของรัฐบาลทหารก็ประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศแห่งนี้
แต่มิน อ่อง หล่าย ไม่ใช่ผู้นำคนเดียวที่หายหน้าหายตาไปจากสื่อ
พลเอก โซ วิน (Soe Win) รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือผู้นำหมายเลข 2 ของรัฐบาลทหารเมียนมา ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะนานเกือบ 1 เดือนนับตั้งแต่ที่เขาเดินทางเยือนเมืองบาทู (Ba Htoo) ในรัฐฉาน เมื่อวันที่ 3 เมษายน ก่อนที่เขาจะกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในข่าวภาคค่ำเมื่อวันจันทร์ (29 เมษายน) ที่ผ่านมา โดยสื่อของรัฐบาลทหารรายงานว่า โซ วิน และยุ้นต์ วิน ส่วย ได้เดินทางไปโรงพยาบาลทหารในเมืองมะละแหม่ง เมืองเอกของรัฐมอญ เพื่อยกย่องและให้กำลังใจทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศ
ขณะที่รายงานซึ่งไม่ได้รับการยืนยันระบุว่า โซ วิน ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยโดรนเมื่อวันที่ 9 เมษายน เมื่อกองกำลังต่อต้านโจมตีกองบัญชาการตะวันออกเฉียงใต้ในเมืองมะละแหม่ง รัฐมอญ โดยกลุ่มต่อต้านอ้างว่า ในขณะโจมตีนั้น โซ วิน และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆ รวมถึง พลโท ยุ้นต์ วิน ส่วย (Nyunt Win Swe) อดีตผู้บัญชาการกองทัพน้อยย่างกุ้ง (Yangon Command) กำลังประชุมร่วมกันที่กองบัญชาการแห่งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการปกป้องเมียวดีจากกลุ่มกะเหรี่ยง
แม้พลตรี ซอ มิน ตุน (Zaw Min Tun) โฆษกรัฐบาลทหาร ออกมาปฏิเสธรายงานที่ว่า โซ วิน ได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บจากการถูกโจมตีด้วยโดรน แต่ก็ยังคงไม่มีคำอธิบายว่า ผู้นำเบอร์ 2 ของเมียนมาหายตัวไปไหนในยามที่รัฐบาลทหารเผชิญวิกฤตอย่างหนักจากการสู้รบกับกองกำลังกลุ่มกะเหรี่ยงในช่วงที่ผ่านมา
รอยร้าวในรัฐบาลทหาร-กองทัพ
การหายตัวปริศนาของโซ วิน ยังทำให้เกิดข่าวลือถึงการแตกคอระหว่างสองผู้นำสูงสุดของรัฐบาลเผด็จการทหาร และความเป็นไปได้ที่มิน อ่อง หล่าย อาจพยายามหาทางกำจัดโซ วิน
เชื่อกันว่า ณ ที่ไหนสักแห่ง ซึ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือในเนปิดอว์ หรือเมะทีลา มิน อ่อง หล่ายกำลังเก็บซ่อนตัวด้วยความรู้สึกวิตกกังวลและไม่ปลอดภัย โดยมีรายงานว่า เขาขอให้คนสนิทตามหาว่าใครทำให้กำหนดการเดินทางของเขารั่วไหลไปยังฝ่ายต่อต้าน ถึงตอนนี้ ดูเหมือนมิน อ่อง หล่ายไม่ไว้ใจรัฐมนตรีและบรรดานายทหารระดับสูงที่อยู่รอบตัวเขาอีกต่อไป
รายงานข่าวระบุว่า เขาต้องพึ่งพาพลโท เย วินอู (Ye Win Oo) หัวหน้าหน่วยข่าวกรอง รวมไปถึงผู้บัญชาการกิจการความมั่นคงทางทหาร และผู้ช่วยคนสำคัญอีก 2-3 คน รายงานยังระบุด้วยว่า ทุกวันนี้บุคคลเหล่านี้ต่างพกปืน เช่นเดียวกับมิน ออง หล่าย ที่ว่ากันว่านอกจากปืนแล้ว ขวดยาอัลปราโซแลมหนึ่งขวด กลายเป็นสิ่งของจำเป็นที่ผู้นำเผด็จการรายนี้ต้องพกติดตัวไปซะแล้ว
ภาพ: AFP
อ้างอิง: