ในเมืองไทย นอกเหนือจากสำรับคาวหวานที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ควบคู่กับวัฒนธรรมการกินเฉพาะตัวแล้ว ความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมการดื่มที่เรารับเอาจากชาติตะวันตก ยังก่อให้เกิดแบรนด์สปิริตประจำชาติอย่าง แม่โขง ที่มีอายุยาวนานกว่า 80 ปี
เมื่อแบรนด์แม่โขงถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2484 หลังรัฐบาลต้องการลดการนำเข้าวิสกี้จากต่างประเทศ ณ เวลานั้นกรมสรรพสามิตซึ่งมีหน้าที่ดูแลโรงงานสุราบางยี่ขัน ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินตอนต้น จึงวางแผนผลิตสุราไทย 35 ดีกรีขึ้นเป็นครั้งแรก โดยปรุงขึ้นจากการนำอ้อยไปแปรรูปเป็นสำแดง บ่มกับข้าวเหนียวพื้นเมือง รวมกับยีสต์หลายสายพันธ์ุที่มีหัวเชื้อเป็นสมุนไพรไทยต่างๆ ตามเภสัชตำรับยาดองเหล้าแบบโบราณ เช่น ขิง พริกแห้ง น้ำผึ้ง คาราเมล จันทร์แปดกลีบ อบเชย ฯลฯ รัมไทยขวดนี้จึงมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีทั้งความหอมและเผ็ดร้อน ต่างจากสุรานำเข้าแบรนด์อื่นๆ
และเพื่อตอกย้ำการเป็นแบรนด์สปิริตที่มีความเป็นมากว่า 80 ปี วันนี้แม่โขงจึงไม่ขอเป็นแค่เครื่องดื่มสำหรับคนยุคเก่าเท่านั้น
“เราอยากให้แม่โขงเป็นมากกว่าสุรา แต่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมและความเป็นไทย ยืนหยัดเพื่อคนไทย ด้วยสุราที่ปรุงแต่งด้วยสูตรลับของไทยมากว่า 80 ปี แม้เราจะไม่เคยได้เปลี่ยนแปลงสูตรหรือส่วนผสม แต่สิ่งที่พัฒนาจากอดีตคือกระบวนการผลิตที่เข้าสู่ระดับสากล เพื่อให้มั่นใจว่าแม่โขงทุกขวดที่ผลิตออกมาได้มาตรฐานเดียวกัน” กล่าวโดย สรรศิริ ยอดเมืองเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดสุรา
นอกจากนั้น ทางแม่โขงเองยังเล็งเห็นถึงเทรนด์การดื่มที่เปลี่ยนไป จากเดิมที่คนไทยคุ้นเคยกับคลาสสิกค็อกเทล หรือการดื่มแบบออน เดอะ ร็อก แต่ปัจจุบันนักดื่มยุคใหม่ต้องการมากกว่าความคลาสสิก และมองหาค็อกเทลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรสชาติที่ถูกปากและสร้างสรรค์ ด้วยเหตุนี้แม่โขงจึงสนับสนุนร้านอาหารหรือบาร์ไทย ที่ต้องการนำเสนอความเป็นไทยไปสู่สากล ด้วยการเป็นสปอนเซอร์หลักให้ MICHELIN GUIDE THAILAND
“เจตนารมณ์ของเราคือการส่งเสริมค็อกเทลไทยคู่อาหารไทย เราอยากให้คนรู้จักเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แค่เบียร์ แต่เรายังมีสุราที่สามารถทำค็อกเทลได้หลายรสชาติ สามารถกินคู่กับอาหารได้เหมือนไวน์ขาวและแชมเปญ ดังที่เห็นว่าเราจัดการแข่งขันไทยสปิริตค็อกเทล Mekhong Thai Spirit Cocktails 2018 โดยเฟ้นหาร้านอาหารที่มีความเป็นไทย นำเสนอผ่านเครื่องดื่มที่สะท้อนความเป็นไทยได้ดี ปีนี้มีร้านเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 11 ร้านจากทั่วประเทศ เพื่อหาผู้ชนะที่จะได้เสิร์ฟในงานมิชลินปีนี้” สรรศิริ กล่าว
จึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกวันนี้ แม่โขงจะถูกยกระดับสู่การเป็นรัมไทยที่บาร์เทนเดอร์ต่างๆ เลือกใช้ทำค็อกเทลสูตรพิเศษประจำร้าน ไม่ว่าจะเป็นบาร์ลึกลับแนว Speakeasy หรือบาร์หรูหราในโรงแรมห้าดาว ก็ล้วนมีแม่โขงสปิริตสอดแทรกอยู่ในเมนู แต่หากว่าใครอยากลิ้มลองสปิริตอย่างแม่โขงให้ได้รสชาติที่ถึงแก่นและหลากหลาย Content Bar อย่าง ‘บ้านสุริยาศัย’ คือแหล่งแฮงเอาต์ล่าสุดที่คุณไม่ควรพลาด เพราะแม่โขงได้ยกเอาจุดเริ่มต้นของสุราไทยมาไว้ที่นี่
“ผู้บริหารมีมิชชันที่อยากทำให้เครื่องดื่มที่ชงด้วยแม่โขงมีรสชาติดี ได้มาตรฐาน เราเลยตัดสินใจสร้างบาร์ที่สามารถตอบโจทย์ตรงนั้นได้ดี มีประวัติความเป็นมาของแม่โขงที่ไม่ต้องไปไกลถึงจังหวัดปทุมธานี เพราะเราไม่ได้อยากให้แขกมานั่งเล่นมือถือ แต่อยากให้มาทำความรู้จักแบรนด์ และชิมรสชาติค็อกเทลไทยไปพร้อมกัน”
The Vibe
เมื่อก้าวขึ้นมาบนชั้น 2 ของบ้านสุริยาศัย แม้ด้านล่างเป็นร้านอาหาร แต่ภายในอาคารที่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมวิกตอเรียนผสมโคโลเนียลอายุกว่า 100 ปีนี้ คุณจะพบกับห้องที่เปรียบเสมือนเรือนของเจ้านายในช่วงต้นรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ประเทศไทยเริ่มรับเอาวัฒนธรรมต่างชาติเข้ามาในชีวิตประจำวัน
บาร์แห่งนี้จึงโดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งแนวไทยโบราณร่วมสมัย มีกลิ่นของฝรั่งแต่แฝงเอกลักษณ์ของไทยอยู่ในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุอย่างหินอ่อน ผ้ากำมะหยี่ ไม้ ฯลฯ ตัดกับสีทอง สีแดงก่ำ สีเขียวที่เชื่อมโยงกับสีขวดของแม่โขงรุ่นแรก และงานฉลุ ประดับประดาด้วยขวดแม่โขงในยุคสมัยต่างๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ การเมือง และสังคมในยุคสมัยนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี ด้วยการจัดวางที่ลงตัว การมาที่นี่จึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินชมคอลเล็กชันส่วนตัวของผู้ที่คลั่งไคล้งานศิลปะเก่าเก็บสไตล์เฮอริเทจ
นอกเหนือจากบาร์สุดมาสคิวลีนที่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างโดดเด่น เชื้อเชิญให้คุณนั่งหน้าบาร์ เพื่อลิ้มลองค็อกเทลสูตรเด็ดของทางบาร์แล้ว พื้นที่เคียงข้างยังถูกแบ่งไว้สำหรับวงดนตรีแจ๊ซที่จะมาเล่นเป็นประจำทุกคืนวันศุกร์และเสาร์
การจัดวางที่นั่งในบาร์แห่งนี้ค่อนข้างพิเศษกว่าที่อื่นๆ เพราะที่นั่งถูกจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วน ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดในห้องรับแขกที่เจ้าบ้านให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ต่างกันตรงที่ว่าเครื่องดื่มในมือของคุณนั้นเป็นค็อกเทลรสเลิศ ที่ผ่านการสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันจากบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ
The Drinks
เคยมีคนถามว่าค็อกเทลแบบไทยๆ ต้องเป็นอย่างไร จะเป็นเพราะใช้สมุนไพรและเครื่องเทศในการชง หรือจะเป็นการปรุงแต่งให้ได้รสสัมผัสที่คุ้นลิ้นเหมือนอาหารไทยสักจาน แต่ไม่มีใครเคยตอบว่า “ก็ต้องใช้สุราไทยสิ” เพราะอย่างที่ทราบกันว่าเมนูค็อกเทลตามบาร์ต่างๆ ล้วนใช้สุรานอกเป็นส่วนผสมหลัก ไม่ว่าจะเป็นวิสกี้ จิน วอดก้า รัม หรือแม้แต้เตกีลา น้อยครั้งมากๆ ที่เราจะเห็นบาร์เทนเดอร์เลือกใช้สุราไทยเป็นเบสในค็อกเทล
แต่ไม่ใช่กับบาร์บ้านสุริยาศัย เมื่อที่นี่ได้ครีเอตซิกเนเจอร์ค็อกเทลทั้ง 8 ตัวประจำบาร์ ด้วยการใช้สปิริตอย่างแม่โขงมาชูรสชาติ ควบคู่กับวัตถุดิบที่หาได้จากก้นครัว เช่น สมุนไพรและเครื่องเทศต่างๆ “คาแรกเตอร์ของแม่โขงจะมีความหวานที่ปลายลิ้นจากคาราเมลและวานิลลา ทิ้งท้ายด้วยความเผ็ดของเครื่องเทศ และผลไม้จำพวกส้ม เหมาะทั้งชงเป็นค็อกเทล หรือดื่มแบบคลาสสิกด้วยการผสมกับโซดา หรือจะดื่มแบบ Neat (การดื่มเพียว) ที่แช่แม่โขงให้เย็นจัด เพื่อเพิ่มความหนืดให้แอลกอฮอล์ มอบรสที่ชัดขึ้น” กล่าวโดย คงพล มีสุข Bar Manager ของบ้านสุริยาศัย Content Bar
แก้วแรกเริ่มจาก แม่โขงไทยสบาย (325 บาท) คอนเซปต์ของแก้วนี้คือดื่มง่ายเหมาะกับคาแรกเตอร์ของคนไทยที่สบายๆ เป็นสยามเมืองยิ้ม ใช้เพียงโหระพา น้ำมะนาว และน้ำเชื่อม ผสมแม่โขง เพียงยกจิบก็ได้กลิ่นโหระพาลอยมาแตะจมูก นับเป็นแก้วที่ดื่มแล้วผ่อนคลายสมชื่อ
(ซ้าย) แม่โขงไทยสบาย (ขวา) ขุนศึก
ถัดมาเป็นค็อกเทลคว้ารางวัลจาก Mekhong Thai Spirit Cocktails 2017 อย่าง ขุนศึก (355 บาท) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนักรบสมัยก่อนที่ต้องดื่มน้ำจัณฑ์ก่อนออกรบเพื่อสร้างความฮึกเหิม ส่วนผสมของแก้วนี้ได้แก่ ไวน์แดง มาตินี และแม่โขง บอดี้จึงหนักแน่น ได้กลิ่นหอมๆ ของมะลิ แต่ทิ้งท้ายด้วยกลิ่นโหระพาและตะไคร้ นับเป็นแก้วที่ดึงคาแรกเตอร์ของสปิริตไทยออกมาได้อย่างชัดเจน
ส่วนสาย Sweet & Sour หรือหวานซ่อนเปรี้ยว น่าจะชื่นชอบ มะเน็ด (325 บาท) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากน้ำมะเน็ดสมัยรัชกาลที่ 4 ที่คนไทยเรียกเพี้ยนมาจากน้ำเลมอนเนด ซึ่งเป็นน้ำมะนาวผสมแก๊ส แก้วนี้ปรุงขึ้นจากแม่โขง น้ำผึ้ง ขิง และน้ำเสาวรส นับเป็นอีกหนึ่งแก้วที่มอบความสดชื่น มีขิงช่วยไล่ลม ส่วนความหวานหอมได้มาจากน้ำเสาวรสเและน้ำผึ้ง จิบคล่องคอ หมดแก้วไม่รู้เรื่อง
ต่อด้วย อัสดง (360 บาท) ที่ได้ชื่อตามแสงสีทองยามพระอาทิตย์อัสดง มีส่วนผสมของแม่โขง น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว ท็อปด้วยโทนิกเพิ่มความสดชื่น ใครชอบค็อกเทลเปรี้ยวๆ หวานๆ ได้รสมะขาม นี่คือแก้วที่คุณควรสั่งอย่างไม่ต้องสงสัย หรือ อบเชย (390 บาท) ที่นำแม่โขงผสมน้ำเชื่อมที่ผ่านการเคี่ยวด้วยซินนามอน กานพลู และใบมะกรูด จนได้ที มอบความหอมของเครื่องเทศอย่างอบเชย ผสานความหวานอ่อนๆ ของตัวเหล้าเอง ที่ชวนให้ดื่มเพลินเพราะความลงตัวของส่วนผสม
(ซ้าย) มะเน็ด (ขวา) อัสดง
ต่อด้วย วาซาบิซาว (325 บาท) ที่ใช้มิโดริซึ่งเป็นลิเคียวร์ (Liquer) หรือเหล้าหวาน คู่กับแม่โขงผสมด้วยวาซาบิก่อนการ์นิชด้วยแซลมอนที่เบิร์นมาเพียงเล็กน้อย ทำให้ความมันของแซลมอนหลั่งไหลลงสู่แก้วทิ้งท้ายด้วยรสกรุ่นอยู่ในปากอย่างความฉุนของวาซาบิที่สาวกคนรักวาซาบิน่าจะถูกใจได้ไม่ยาก
วาซาบิซาว
ค็อกเทลดื่มง่ายยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมี เกสร (360 บาท) ที่ทางบาร์ได้นำชาผลไม้ไทย ที่แต่เดิมเสิร์ฟอยู่ใน Tea Room มาประยุกต์เป็นค็อกเทล หลังนำใบชาไปอินฟิวส์กับ บางยี่ขัน ซึ่งเป็นวอดก้าไทยที่มีกลิ่นไม่แรง ความหอมของชาจึงโดดเด่นแต่ปราศจากความหวาน ก่อนเพิ่มดีกรีความร้อนแรงด้วยแม่โขง ตัดด้วยความหวานหอมของน้ำแอปเปิ้ลและลูกแพร เหยาะเลมอนและไซรัปเล็กน้อย ท็อปด้วยความซ่าของโทนิก แก้วนี้จึงลงตัวทั้งความหอม สดชื่น หวาน ประหนึ่งล่องลอยอยู่ในสวนดอกไม้
(ซ้าย) อบเชย (ขวา) เกสร
แต่หากเป็นนักดื่มผู้โชกโชน แนะนำให้สั่ง เผด็จศึก (360 บาท) ที่ถือเป็น Spirit Forward Cocktail หนึ่งเดียวในบรรดาทั้งหมด แก้วนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากค็อกเทลระดับตำนานอย่าง Old Fashioned ที่ถูกนำมาถอดเลเยอร์ออกเป็นชั้นๆ ก่อนแทนที่เบอร์เบินหรือไรย์ด้วยแม่โขง เพิ่มกลิ่นด้วยบรั่นดีไทยอย่างเมอริเดียน (Meridian) ที่มีสัมผัสของสับปะรดชัดเจน ตามด้วยความหวานเล็กน้อยของโค้ก ไซรัป และน้ำมะนาว ก่อนการ์นิชด้วยเปลือกส้มตามแบบฉบับค็อกเทลระดับโลก
เผด็จศึก
The Dishes
นอกจากจะมีค็อกเทลสัญชาติไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ไว้บริการนักดื่มแล้ว คุณยังสามารถสั่งอาหารมาจับคู่กับเครื่องดื่มแก้วโปรดได้อีกด้วย อาหารของบาร์ยังคงเน้นคอนเซปต์อาหารไทยแท้แบบชาววัง ทวิสต์ด้วยอาหารตะวันตก เช่น ยำส้มโอกับหอยเชลล์ (ราคาสอบถามที่ร้าน) ที่เหมาะจะกินคู่กับไทยสบาย สุริยาศัยทรีโอเบอร์เกอร์ (225 บาท) ที่มาในชิ้นพอดีคำ มีทั้งพะแนงหมู มัสมั่นเนื้อ และเขียวหวานไก่
(ซ้าย) สะเต๊ะลือ (ขวา) ยำส้มโอกับหอยเชลล์
สุริยาศัยทรีโอเบอร์เกอร์
ส่วนจานที่กินคู่กับขุนศึกได้แก่ สะเต๊ะลือ (390 บาท) สูตรเด็ดประจำบ้านที่อิงมาจากสูตรของวังสวนสุนันทา เนื่องจากเครื่องเทศอย่างขมิ้น รากผักชี กระเทียม พริกไทย เข้ากันได้ดีกับความหนักแน่นของขุนศึก รวมถึงอาหารจานว่าง เช่น ข้าวเกรียบกุ้ง (125 บาท) เสิร์ฟมาพร้อมน้ำพริกเผาปรุงรสสูตรลับ (อีกแล้ว!) ผักและดอกไม้ชุบแป้งทอด (155 บาท) อันประกอบไปด้วยใบชะพลู กุหลาบมอญ และอัญชัน ที่ทอดจนกรอบอร่อย แบบไม่ต้องง้อเฟรนช์ฟรายส์ให้เสียบรรยากาศ
ผักและดอกไม้ชุบแป้งทอด
บ้านสุริยาศัย
Open: 18.00-01.00 น.
Address: 174 ถนนสุรวงศ์ บางรัก กรุงเทพฯ
Budget: 1,000 บาท
Contact: 09 5949 1952 และ 0 2237 8889
Page: www.baansuriyasai.com/home
Map:
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์