เกิดอะไรขึ้น:
บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมเป็น 11,852 เมกะวัตต์ภายในปี 2569 เพิ่มขึ้นจาก 6,855 เมกะวัตต์ในไตรมาส 3 ของปี 2567 โดยสัดส่วนพลังงานทดแทนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 65% ในปี 2569 (จากปัจจุบัน 38%)
การเติบโตดังกล่าวขับเคลื่อนหลักๆ โดยการขยายกำลังการผลิตพลังงานทดแทนในอินเดียผ่าน Avaada ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 41.6% การลงทุนใน Avaada คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการขยายกำลังการผลิตพลังงานทดแทนอย่างรวดเร็วในอินเดีย
โดยคาดว่าการลงทุนของ GPSC จะสนับสนุนให้ Avaada มีกำลังการผลิตประมาณ 10 กิกะวัตต์ (จากปัจจุบัน 6.6 กิกะวัตต์) ระหว่างปี 2568-2569 หลังจากนั้น Avaada มีแผนระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้น IPO โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2569
นอกเหนือจาก Avaada แล้ว GPSC มีอีก 2 โครงการสำคัญในระหว่างดำเนินการ ได้แก่
- โครงการฟาร์มลมนอกชายฝั่ง CFXD (GPSC ถือหุ้น 25%) ได้รับใบอนุญาตที่จำเป็นครบถ้วนสำหรับกังหันลม 62 เครื่อง โดยกำหนดการเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในสิ้นไตรมาส 4 ของปี 2567
- การเพิ่มกำลังการผลิตใหม่จากโครงการพลังงานทดแทนระยะที่ 2 รอบแรก GPSC และพันธมิตรได้รับ 192.88 เมกะวัตต์ ได้แก่ Helios 1 (48.6 เมกะวัตต์), Helios 2 (61.4 เมกะวัตต์), Helios 4 (8 เมกะวัตต์) และ IRPC-CP (74.88 เมกะวัตต์) เนื่องจาก GPSC ถือหุ้นประมาณ 50% จึงได้รับ 97.19 เมกะวัตต์ในรอบนี้ภายใต้ FiT เบื้องต้นคาดว่าจะมีส่วนสนับสนุนรายได้ต่อปีให้กับ GPSC ที่ 100-150 ล้านบาท หลังจากการดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบระหว่างปี 2569-2573
- ปัจจุบัน GPSC อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลหลายราย ในระยะสั้นคาดว่าจะเพิ่มความต้องการใช้ไฟฟ้าสำหรับ GPSC ประมาณ 250-300 เมกะวัตต์ โดยแผนระยะยาวอยู่ระหว่างการประเมิน
Downside จำกัดจากความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นของโครงการ CFP ของ TOP หน่วยผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนเหลือทิ้ง (ERU) มีงบประมาณการลงทุน 757 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กำลังการผลิตไฟฟ้า 250 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 175 ตันต่อชั่วโมง
สำหรับโครงการ CFP ของ Thai Oil GPSC รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า การเพิ่มขึ้นของต้นทุนการลงทุนของโครงการ CFP ของ TOP รวมถึง ERU ไม่มีผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนของ GPSC
ภายใต้ข้อตกลงระหว่าง GPSC และ TOP ตั้งแต่ปี 2562 การโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ ERU จะเกิดขึ้นหลังจากการก่อสร้างแล้วเสร็จและได้รับใบรับรองการทดสอบเบื้องต้น (PAC) ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 1/72 (เลื่อนจากกำหนดการเดิมคือสิ้นปี 2568) ณ วันนี้ มีการเบิกจ่ายเงินลงทุนแล้ว 10% โดยส่วนที่เหลือจะชำระหลังจากการดำเนินการเชิงพาณิชย์
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น GPSC ปรับลง 8.62% สู่ 39.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.57% สู่ 1,394.67 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:
InnovestX Research คงคำแนะนำ Outperform สำหรับ GPSC เนื่องจากคาดว่าจะยัง Laggard เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลง การได้รับคัดเลือกชนะโครงการรับซื้อพลังงานทดแทนรอบแรก เฟส 2
และ PDP2024 รวมถึงไม่มีผลกระทบจากการบังคับใช้ภาษีขั้นต่ำสากล (GMT) ราคาเป้าหมายที่ 60 บาทต่อหุ้น อิงวิธี DCF (WACC: 5.3%, Terminal Growth: 1.5%)
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าคาด การเลื่อนปรับค่า Ft ผลตอบแทนจากโครงการลงทุนใหม่ต่ำกว่าคาด และการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปัจจัยเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
Cafe Invest แหล่งรวมข้อมูลการลงทุนและบทวิเคราะห์คุณภาพโดย InnovestX 🚀 คลิกเลย 👉 GPSC – ราคาหุ้นปรับตัวลงเป็นโอกาสในการสะสม