วันนี้ (18 กุมภาพันธ์) ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ประจำคืนมันเดย์ไนต์ นัดที่ 26 ของฤดูกาล ระหว่าง เชลซี เปิดสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ ต้อนรับการมาเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เริ่มเกมมา เป็นทางฝั่งของเชลซีที่สร้างสรรค์โอกาสได้มากกว่า แต่นาทีที่ 44 กลับเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ขึ้นนำก่อน เมื่อ อารอน วาน บิสซากา ได้โอกาสเปิดบอลเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะเป็น อองโตนี มาร์กซิยาล ที่เบียด อันเดรียส คริสเตนเซ่น ขึ้นมาโขกพาทีมเยือนออกนำก่อน 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
หลังจากนั้นในครึ่งหลัง เชลซีพยายามเร่งเครื่องทวงประตูคืน แต่ยังทำไม่ได้ จนในนาทีที่ 65 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาได้ลูกนำห่างจากจังหวะลูกเตะมุมโดย บรูโน แฟร์นันด์ส ที่เปิดเข้ามา แล้วเป็น แฮร์รี แม็กไกวร์ โฉบมาโหม่งพาทีมขึ้นนำ 2-0
ทั้งนี้แม้เชลซีจะเป็นฝ่ายที่พาบอลไปซุกก้นตาข่ายถึง 2 ครั้ง แต่ผู้ตัดสินต้องปฏิเสธการให้ประตู เนื่องจากมี VAR ช่วยตัดสินว่าทั้ง 2 ประตูเกิดจากการฟาวล์ช่วงลูกโหม่งของ เคิร์ต ซูมา และการล้ำหน้าของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้เพิ่มเติม จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุกมาเอาชนะเชลซีได้ 2-0 เต็ม 3 คะแนน ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 7 ของตาราง มี 38 คะแนน ส่วนเชลซี ยังอยู่อันดับ 4 มี 41 คะแนน
หลังจบเกม แฟรงก์ แลมพาร์ด ให้สัมภาษณ์กับ BBC Sport ถึงจังหวะที่มองว่าเป็นปัญหาจากการที่แม็กไกวร์ใช้เท้าขวาถีบใส่ มิชี บาตชูอายี โดยระบุว่า “ผมได้เห็นเหตุการณ์นั้น ซึ่ง VAR ก็อยู่ตรงนั้น และแน่นอนว่าพวกเราไม่เข้าใจมากๆ แฮร์รี แม็กไกวร์สมควรถูกไล่ออก จังหวะนั้นมันชัดเจน และมันทำให้เกมเปลี่ยนไป”
ทางด้านแม็กไกวร์ก็ออกมาให้สัมภาษณ์จากจังหวะดังกล่าวว่า “ผมรู้ ผมรู้ว่าผมโดนตัวเขา (บาตชูอายี) และผมรู้สึกว่าเขากำลังล้มลงใส่ผม ซึ่งปฏิกิริยาของผมก็แสดงออกอย่างธรรมชาติ โดยการยืดขาไปหยุดตัวเขาไม่ให้ล้มลง ผมไม่ได้มีเจตนาจะถีบใส่ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นการตัดสินที่ถูกต้องแล้ว ผมเองก็เข้าไปขอโทษเขาแล้ว และมันก็ดีที่ผู้ตัดสินเข้าใจเจตนาผม”
ภาพ: Manchester United
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: