×

จะจัดการปัญหาโลกแตกว่า “ทานข้าวกลางวันที่ไหนดี” ยังไงดีคะ?

11.04.2019
  • LOADING...
ท้อฟฟี่ แบรดชอว์

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • อาหารกลางวันควรเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งการจำใจกิน ลองคิดดูว่าก่อนหน้าเราทำงาน เราใช้พลังงานเยอะมาก ปัญหามากมี การรับประทานอาหารกลางวันมันคือช่วงเวลาที่เราควรได้หยุดพัก เอาอย่างนี้นะครับ เรื่องงานจะไปเจออะไรแย่แค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยถ้ากลางวันเราได้ทานอาหารที่อร่อย พี่คิดว่าวันนี้เราเจอความสุขแล้วนะครับ เราไม่ได้ทุกข์ไปหมดจากการมาทำงานวันนี้ เพราะฉะนั้นพี่คิดว่าเราควรมองการทานอาหารกลางวันให้เป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะมีความสุข อย่าเพิ่งเบื่อมันเลย
  • เวลาเลือกจะทำงานที่ไหน พี่อยากแนะนำว่าอย่าดูแค่งานในบริษัทนั้นอย่างเดียว ลองไปใช้ชีวิตแถวออฟฟิศตรงนั้นสักวันสองวันก็จะรู้แล้วครับว่าเราจะเจอชีวิตแบบไหน แล้วชีวิตแบบนั้นแหละ เป็นชีวิตที่เราต้องการไหม
  • แนะนำว่า ในหนึ่งเดือนควรมีโอกาสออกไปทานอาหารนอกออฟฟิศที่ไกลออกไปหน่อยบ้าง มันทำให้เราได้หลุดจากโลกเดิมๆ ที่จำเจบ้าง สิ่งเหล่านี้มันช่วยทำให้การทำงานเรามีชีวิตชีวามากขึ้นนะครับ เลือกวันที่ไม่ยุ่งมาก และก็เลือกกาลเทศะให้ดี ไม่ใช่ว่าหายกันไปไม่กลับมาทำงาน หรือหายไปครึ่งวันเลย อันนี้ก็ไม่ควร

Q: พี่ขา อย่าหาว่าหนูไร้สาระเลยนะคะ แต่ทุกวันหนูกับเพื่อนที่ทำงานเจอปัญหาโลกแตกว่า “เราจะทานข้าวกลางวันที่ไหนดี” อยู่ตลอด เคยไหมคะที่คิดไม่ออกว่าจะทานอะไร แล้วพอถามเพื่อน เพื่อนก็ตอบว่า “เออ ทานอะไรดี” แล้วก็หันไปถามอีกคนก็ได้คำตอบเดิมคือ ไม่รู้ว่าจะกินอะไรดี ไม่มีคำตอบค่ะ แล้วพอมีคนหนึ่งเสนอร้านไปก็จะต้องมีคนบอกว่า ไม่เอา จะกินร้านนั้น เอ๊า! ทำไมไม่บอกมาเลยว่าจะกินอะไรล่ะ ถามแล้วก็ไม่มีคำตอบ หิวก็หิว หิวแล้วก็โมโหด้วย กว่าจะลงเอยสรุปได้แต่ละวันนานมากค่ะ ยากเหลือเกินค่ะที่จะตอบความต้องการให้ครบทุกคนได้ แล้วทานอะไรเดิมๆ ทุกวันมันน่าเบื่อนะคะ พี่ว่าหนูควรจัดการกับปัญหาโลกแตกนี้ยังไงคะ คนอื่นเขามีปัญหาไร้สาระแบบหนูไหมคะเนี่ย

 

A: หนูขา หนูไม่ได้ไร้สาระหรอกลูก ถ้าอะไรก็ตามทำให้คนเราไม่สบายใจและอยากระบายให้ฟัง พี่ว่ามันก็เป็นปัญหาใหญ่เสมอนะครับ ไม่มีปัญหาไหนไร้สาระหรอกครับ อันนี้หนูจำเอาไว้เผื่อวันหนึ่งมีคนเข้ามาหาหนูแล้วระบายความทุกข์ให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเล็กหรือปัญหาเยอะ เราต้องไม่รู้สึกว่าปัญหาของเขาไร้สาระนะครับ และเราต้องทำให้เขารู้ว่าทุกปัญหามีทางออก โลกยังไม่แตกแน่นอนครับถ้าเรายังนึกไม่ออกว่ากลางวันจะกินอะไรดี อย่าเพิ่งโมโหหิวไปนะ

 

ปัญหาที่น้องเจอเป็นปัญหาคลาสสิกที่ทุกออฟฟิศต้องเจอ พี่ก็เจอ คนอื่นก็เจอ กลางวันมาคนก็จะถามกันแล้วว่าจะทานอะไรดี แล้วเป็นเหมือนหนูนั่นแหละที่คนจะตอบคำถามด้วยคำถาม คือถามไปว่า “กินอะไรดี” แล้วได้คำตอบว่า “เออ กินอะไรดีล่ะ” ชีวิตเป็นแบบนี้ครับ ถ้าเราตอบคำถามด้วยคำถาม เราจะไม่ได้คำตอบครับ

 

ไม่ว่าที่ออฟฟิศมีทางเลือกในการกินมากหรือน้อยแค่ไหน ทุกคนก็เจอคำถามนี้หมด ตัวเลือกมากก็นึกไม่ออกว่าจะเลือกทานอะไรดี อันนั้นก็ดี อันนี้ก็ดี แต่ตัวเลือกมากบางทีก็เบื่อเหมือนกันเพราะวนซ้ำไปมา ทุกข์อีก ตัวเลือกน้อยก็นึกไม่ออกว่าจะหนีไปจากตรงนี้ยังไง ทุกข์ไม่ต่างกัน

 

เลือกร้านอาหารกลางวันนี่เหมือนเลือกแฟนยังไงไม่รู้นะ ตัวเลือกเยอะก็ทุกข์ ไม่มีตัวเลือกก็ทุกข์ ฮ่าๆ

 

อาหารกลางวันควรเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งการจำใจกิน ลองคิดดูว่าก่อนหน้าเราทำงาน เราใช้พลังงานเยอะมาก ปัญหามากมี การรับประทานอาหารกลางวันมันคือช่วงเวลาที่เราควรได้หยุดพัก เอาอย่างนี้นะครับ เรื่องงานจะไปเจออะไรแย่แค่ไหนก็ตาม อย่างน้อยถ้ากลางวันเราได้ทานอาหารที่อร่อย พี่คิดว่าวันนี้เราเจอความสุขแล้วนะครับ เราไม่ได้ทุกข์ไปหมดจากการมาทำงานวันนี้ เพราะฉะนั้น พี่คิดว่าเราควรมองการทานอาหารกลางวันให้เป็นช่วงเวลาที่เราน่าจะมีความสุข อย่าเพิ่งเบื่อมันเลย

 

เวลาเราทำงาน เราไม่ได้เลือกแค่ชีวิตในที่ทำงาน แต่เราเลือกชีวิตรอบที่ทำงานด้วย นั่นรวมไปถึงว่าที่ทำงานเราจะมีอะไรให้ทาน กลางวันมีอะไรกิน แล้วตอนเย็นล่ะมีอะไรทานหรือเปล่า แล้วที่มีเป็นอาหารแบบไหน มันจะน่าเศร้ามากนะครับที่เรามาทำงานแล้วอาหารที่เราทานโคตรจะเศร้า อาหารช่างดูน่าสงสารที่เกิดมาเป็นอาหาร หรืออาหารไม่ดีต่อสุขภาพเต็มไปหมด ชีวิตเราจะเป็นแบบไหนที่ทำงานหลายแห่งจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยว่าได้ดูแลชีวิตพนักงานไว้อย่างไร ไม่ใช่ตั้งบริษัทมา พนักงานก็ทำงานด้วยความหิวโหย ทำงานด้วยความรู้สึกเกลียดชีวิตตัวเองในที่ทำงาน ทำงานด้วยความรู้สึกว่าอาหารที่กินแถวออฟฟิศเป็นโศกนาฏกรรมของชีวิต เขาจะเอาพลังบวกจากไหนมาทำงานครับ เห็นไหม มันเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ

 

บางบริษัทก็เลยตั้งอยู่ในทำเลที่มีอาหารขายสะดวก หรือมีโรงอาหารตั้งอยู่ในที่ทำงานเลยเป็นอีกตัวเลือกของพนักงาน ผมว่าก็เป็นอีกสวัสดิการที่ดีนะครับ

 

ประสบการณ์ตรงของพี่คือ พี่เคยอยู่ในออฟฟิศที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองเก๋ๆ ชิคๆ คูลๆ แล้วเราก็รู้สึกว่า เวลาบอกใครว่าทำงานแถวนี้นี่โคตรเท่เลย แต่นั่นแหละครับ ความคูลมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ พี่ใช้ชีวิตกับอาหารราคาโคตรแพงของย่านที่โคตรคูล เจอข้าวราดแกงจานละเกือบร้อย เบื่อหน่อยเดินไปกินห้างใกล้ๆ วันศุกร์มามีร้านเก๋ๆ ฮิปๆ ให้ไปแฮงเอาต์ต่อง่ายๆ พี่ว่ากินอยู่แบบนี้ทุกวันก็ซีดเหมือนกันนะครับ เงินเดือนเท่ากัน คนหนึ่งทานข้าวจานละห้าสิบก็อิ่มมากแล้ว กับอีกคนทานข้าวจานละร้อยกว่าบาท น้องว่าคนไหนจะมีเงินเหลือเก็บได้ง่ายกว่ากันครับ พี่ถึงอยากบอกว่าอย่าดูแค่เงินเดือน อย่าดูแค่เนื้องาน ให้ดูชีวิตที่เราต้องไปอยู่ด้วยว่าต้องไปเจออะไร และต้องจ่ายกับอะไรบ้าง และจำคำของพี่ไว้ครับ ความคูลมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ ฮ่าๆ

 

ขณะเดียวกันก็อย่าประมาทกับอาหารราคาถูก ครั้งหนึ่งพี่เคยไปประชุมกับลูกค้าย่านอโศก แถวนั้นจะมีเต็นท์ขายอาหารเยอะเชียว เต็นท์นี่อบอ้าวเหมือนกินข้าวในเตาอบเลยนะครับ แต่อาหารราคาถูกมาก และมีตัวเลือกมากจริงๆ พี่ยังคิดเลยว่า คนทำงานแถวนี้ดีจัง อาหารราคาถูก คงมีเงินเก็บเยอะ แต่พอพี่เดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆ อันนี้ก็ดีซื้อกลับบ้านดีกว่า อันนั้นน่ากินมาก ราคาถูกด้วย ซื้อไปฝากที่ออฟฟิศดีกว่า ซื้อไปซื้อมา พี่ว่าเกินโควตาการใช้เงินแล้วนะ ฮ่าๆ

 

เวลาเลือกจะทำงานที่ไหน พี่อยากแนะนำว่าอย่าดูแค่งานในบริษัทนั้นอย่างเดียว ลองไปใช้ชีวิตแถวออฟฟิศตรงนั้นสักวันสองวันก็จะรู้แล้วครับว่าเราจะเจอชีวิตแบบไหน แล้วชีวิตแบบนั้นล่ะ เป็นชีวิตที่เราต้องการไหม

 

พี่คิดว่าจากเดิมที่เราเคยรู้สึกว่าการเลือกอาหารกลางวันเป็นเรื่องน่าเบื่อลองเปลี่ยนให้มันเป็นความสนุกไหม เช่น ถ้าต้องทานอาหารกันหลายคนเป็นกลุ่มอยู่แล้ว ใช้วิธีการจับสลาก จับได้ชื่อใครคนนั้นเลือกเลยว่าจะกินอะไร คนนั้นต้องรับผิดชอบ ให้คนนั้นคิด อย่ามาตอบว่าไม่รู้ เพราะคนนั้นต้องรับผิดชอบชีวิตของทุกคนนะ ฮ่าๆ และไม่ว่าจะเลือกอะไร ทุกคนต้องเคารพกติกานี้ วิธีการนี้ แทนที่หนูจะเป็นคนคิดคนเดียวว่าจะกินอะไรดี ทุกคนต้องคิดหมด และทุกคนต้องรับผิดชอบ แฟร์เกมมาก

 

ลองสำรวจย่านที่ทำงานดูดีๆ บางทีอาจมีร้านดีๆ ซ่อนอยู่ที่ทำให้น้องพบว่าการทานอาหารกลางวันที่มีความสุขเป็นแบบนี้นี่เอง เผลอๆ น้องอาจเป็นกูรูประจำออฟฟิศที่รู้หมดว่าแถวนี้มีอะไรอร่อยบ้าง เปลี่ยนความน่าเบื่อให้เป็นความรู้เสียเลย ออกไปสำรวจ (แต่กลับมาทำงานให้ทันด้วยนะ ฮ่าๆ)

 

จะลองเปลี่ยนบรรยากาศเป็นทำอาหารมาทานเองก็ดีเหมือนกันนะถ้าน้องสามารถบริหารเวลาได้ เพราะถ้าทำอาหารเอง เราจะเลือกวัตถุดิบที่ดี ไม่ต้องเจอผงชูรสหรือน้ำมันทอดซ้ำด้วย เราคัดเลือกคุณภาพได้ อยากทานอะไรก็ตามที่เราเลือก วิธีการนี้ก็ช่วยให้เราดูแลสุขภาพได้ด้วยถ้ามีฝีมือหน่อย หนูทำขายได้เลยนะ ฮ่าๆ

 

หรือจะลองสั่งมาทานกันก็ได้นะ โลกเดี๋ยวนี้ง่ายจะตาย มีบริการเดลิเวอรีเยอะแยะ ทานกันหลายคนหารค่าเดินทางตกคนละนิดเดียว ไม่ต้องรอต่อคิวด้วย ชีวิตมีทางเลือกที่มากกว่าอาหารแถวออฟฟิศแล้ว

 

พี่แนะนำว่า ในหนึ่งเดือนควรมีโอกาสออกไปทานอาหารนอกออฟฟิศที่ไกลออกไปหน่อยบ้าง มันทำให้เราได้หลุดจากโลกเดิมๆ ที่จำเจบ้าง สิ่งเหล่านี้มันช่วยทำให้การทำงานเรามีชีวิตชีวามากขึ้นนะครับ เลือกวันที่ไม่ยุ่งมาก และก็เลือกกาลเทศะให้ดี ไม่ใช่ว่าหายกันไปไม่กลับมาทำงาน หรือหายไปครึ่งวันเลย อันนี้ก็ไม่ควร

 

ถ้าเราอยากทำงานที่ไม่จำเจ แม้แต่การกินของเราก็ไม่ควรจำเจครับ เราต้องใช้ชีวิตหลอมรวมไปกับการทำงานให้ได้ เราไม่สามารถทำงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้เลยนะครับถ้าทุกกลางวันเรากินอาหารเดิมๆ

 

อย่าแค่กินให้มันอิ่มๆ ไปอีกมื้อ หาความสุขให้ได้จากมันด้วยครับ การกินมันควรเป็นความสุขครับ อย่าไปทำให้มันน่าเบื่อ เรายังต้องเอาพลังจากการกินมาทำงานให้สนุกต่อ เพราะฉะนั้น ไปกินให้มีความสุขดีกว่าครับ

 

เรื่องกินเรื่องใหญ่ เห็นไหมครับ

 

* ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ 

 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising