TASTE: เที่ยวสมุย จิบไวน์ กินอาหารใต้บนเกาะส่วนตัวที่ ‘ล่องใต้’

เวลาเที่ยวใต้ นอกเหนือจากท้องทะเลสวยๆ ของบ้านเราแล้ว สิ่งที่คนนึกถึงย่อมหนีไม่พ้นการได้ลิ้มลองอาหารใต้แท้ๆ ที่มีรสชาติจัดจ้านถึงเครื่องตามแบบฉบับของชาวใต้ ซึ่งสมุยเองก็เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายของนักเดินทาง ที่นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องทะเลสวย และเป็นส่วนตัวแล้ว อาหารการกินของที่นี่ก็ไม่เป็นสองรองใครในแถบนี้

และเมื่อมีโอกาสได้ไปเยือนสมุยอีกครั้ง ปลายทางของเราจึงพิเศษกว่าทุกที เพราะครั้งนี้เราตั้งใจจะลองเมนูอาหารใต้ที่คิดค้นโดย เชฟเดวิด ทอมป์สัน เชฟระดับมิชลินสตาร์ ที่ร้านอาหาร ‘ล่องใต้’ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัว ภายในโรงแรม Cape Fahn ที่พิเศษตรงเราต้องนั่งเรือเป็นระยะทางสั้นๆ เพื่อที่จะไปยังร้านอาหาร

ล่องใต้ เป็นร้านที่นำเสนอเมนูอาหารใต้แบบต้นตำรับ และใช้วัตถุดิบชั้นดีจากจังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น กะปิ เคย น้ำตาลปี๊บ น้ำบูดู น้ำตาล ฯลฯ เพื่อเชิดชูของดีประจำจังหวัด และลดการใช้คาร์บอนฟุตพรินต์ที่ต้องขนส่งมาไกล ส่วนอาหารทะเลส่วนใหญ่หรือแทบทั้งหมดที่ใช้ได้มาจากชาวประมง ที่แล่นเรือมาขายหน้าโรงแรมเป็นประจำทุกเช้า ดังนั้น จึงเชื่อใจได้เรื่องความสด ใหม่ และความแปลกของปลาที่หาไม่ได้ตามท้องตลาดทั่วไป นอกจากนี้ทางร้านยังใช้ผักพื้นบ้านที่ทางโรงแรมปลูกเอง และรับมาจากคนในพื้นที่ เราจึงมีโอกาสได้ลิ้มลองผักท้องถิ่นที่เข้ากันได้ดีกับเมนูของที่นี่

เชฟโอโม่ นำทีมเชฟปรุงอาหารที่โอเพนคิทเชน

และอย่างที่บอกว่าเมนูอาหารทุกจานของที่นี่ รังสรรค์โดย เดวิด ทอมป์สัน เชฟชาวออสเตรเลียที่มีใจรักอาหารไทย และมีมุมมองต่ออาหารไทยที่ต่างจากเชฟตะวันตกคนอื่นๆ เพราะเชฟเดวิดให้ความสำคัญกับรสชาติต้นตำรับ โดยไม่ประนีประนอมกับความเผ็ด ซึ่งทำให้ ‘ล่องใต้’ เป็นที่ถูกอกถูกใจคนที่ชื่นชอบอาหารรสจัด ถึงเครื่อง แต่ใช้สูตรและการปรุงรสที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม

เมื่อไปถึงจานแรกที่ทุกคนจะได้รับ ได้แก่ ม้าฮ่อ อาหารกินเล่นที่เป็น Complimentary สำหรับแขกทุกคน จากนั้นอาหารเรียกน้ำย่อยก็เริ่มลำเลียงออกมา เริ่มจาก หอยกอและ (450 บาท) ที่ใช้หอยแมลงภู่จากสุราษฎร์ธานี ผ่านการทำความสะอาดอย่างดี นำมาหมักกับซอสกอและสูตรพิเศษของเชฟเดวิด ที่ปรับให้เข้ากับรสชาติของหอยมากกว่าเนื้อไก่

ม้าฮ่อ

หอยกอและ (450 บาท)

ต่อไปเป็น เคยจี่ (390 บาท) เมนูกินเล่นของทางใต้คล้ายเมี่ยง มีกะปิ มะพร้าวขูด และมะพร้าวคั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน เสิร์ฟมาในกะลามะพร้าว เวลากินให้ห่อกับใบชะพลู เหมือนเวลาเรากินเมี่ยง

เคยจี่ (390 บาท)

แกงกะทิปูม้าใส่ใบชะพลู (800 บาท) ที่นี่ใช้ปูม้าสดที่แกะใหม่ๆ ทุกวัน ตามสูตรจะเคี่ยวน้ำแกงจนได้ที่ ก่อนกรองน้ำแกงเพื่อเอากากพริกแกงต่างๆ ออก ทำให้น้ำแกงที่ยกมาเสิร์ฟมีความเนียนและเข้มข้น คล้ายซุปฝรั่ง เมื่อกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ จึงอร่อยมาก เมนูยอดนิยมอีกจานของอาหารใต้ ได้แก่ คั่วกลิ้งไตปลา (420 บาท) แต่ที่นี่พิเศษตรงใช้ปลาโอที่นำไปย่างแทนปลาทู มอบรสชาติเผ็ดร้อน แนะนำให้กินแกล้มกับผักสดและข้าว

แกงกะทิปูม้าใส่ใบชะพลู (800 บาท)

คั่วกลิ้งไตปลา (420 บาท)

ต่อด้วย ปลาสลิดหินทอดขมิ้น ที่ถือเป็น Fish of the Day ที่ได้จากเรือชาวประมง เนื้อปลามีความหวานและสดมาก จานนี้จะกินเล่นๆ หรือกินตัดความเผ็ดก็ได้เช่นกัน อีกจานที่เชฟปรุงจากปลาที่จับมาเมื่อเช้ามืด ได้แก่ ปลากระเบนผัดพริกแกง รสชาติเข้าเนื้อ

ปลาสลิดหินทอดขมิ้น

ปลากระเบนผัดพริกแกง

ส่วนเมนูขนมหวาน มี 2 จานที่อยากนำเสนอ ได้แก่ ขนมโคน้ำกะทิ (250 บาท) ที่ปกติใช้เนื้อมะพร้าวขูด แต่ที่นี่ด้านในสอดใส่น้ำตาลโตนดจากเพชรบุรี และ สาคูกับลูกตาล (250 บาท) ที่ได้จากต้นสาคูจังหวัดพัทลุง น้ำที่ใ้ช้ต้มสาคูเป็นน้ำกรองดอกมะลิหอม ที่เคี่ยวจนได้ความเหนียวของเมนูนี้

ขนมโคน้ำกะทิ (250 บาท)

สาคูกับลูกตาล (250 บาท)

แถมให้ว่า ที่นี่นอกจากอาหารจะน่าสนใจแล้ว ตัวร้านยังตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของโรงแรม Cape Fahn ที่มองไปเห็นวิวสวยๆ ได้โดยรอบ ถือเป็นวิวร้อยล้านที่หาได้ยากจากร้านอาหารอื่นๆ ภายในตกแต่งด้วยไม้ และเน้นโทนสีธรรมชาติ สร้างบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง มีทั้งส่วนอินดอร์และเอาต์ดอร์ ที่เราสามารถนั่งชมพระอาทิตย์ตกดิน กินอาหารใต้ และจิบไวน์ขาวสักเล็กน้อย ถือเป็นการเติมเต็มโมเมนต์ดีๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ในภาคใต้ได้เป็นอย่างดี