ออกฉายมาได้สองตอนแล้วสำหรับ Loki ซีซัน 2 ที่กลับมาสานต่อเรื่องราวของเทพจอมเจ้าเล่ห์กันอีกครั้ง หลังจากในซีซันแรกจบลงด้วยการทิ้งปมปัญหาใหญ่ไว้ให้ผู้ชมคาดเดากันไปต่างๆ นานา โดยในซีซัน 2 ยังคงได้ Tom Hiddleston กลับมารับบทเป็น Loki และดูแลในตำแหน่งเอ็กซ์คลูซีฟโปรดิวเซอร์
Loki ซีซัน 2 จะเล่าเรื่องราวต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในซีซันแรกทันที เมื่อ Sylvie (Sophia Di Martino) ลงมือสังหาร He Who Remains (Jonathan Majors) จนส่งผลให้เส้นเวลาแตกสาขาออกไปมากมาย ขณะที่ Loki (Tom Hiddleston) ก็ถูกส่งตัวกลับมายัง TVA หากแต่ Mobius (Owen Wilson) รวมถึงเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ กลับจำ Loki ไม่ได้ แถมตัวเขาเองยังต้องเผชิญกับอาการที่เรียกว่า ‘เวลาไถล’ ที่ดึงเขากระโดดไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน Mobius จึงต้องร่วมมือกันหาทางช่วยเหลือ Loki ไปพร้อมกับออกตามหา Sylvie ที่หายตัวไปให้เจอ
มองย้อนกลับไปในซีรีส์ Loki ซีซันแรก นับว่าเป็นซีรีส์ที่เกิดอีเวนต์สำคัญมากมายทีเดียว ทั้งการปรากฏตัวของ He Who Remains ที่นำมาสู่ตัวร้ายคนใหม่อย่าง Kang หรือการฉายภาพให้เราเห็นถึงการแตกแขนงของเส้นเวลาต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม ไปจนถึงเรื่องราวของสงครามมัลติเวิร์สที่ถูกบอกเล่าโดย He Who Remains ซึ่งบรรดาข้อมูลต่างๆ เหล่านี้เองที่เสริมให้อนาคตของจักรวาล MCU น่าติดตามมากขึ้น
แต่หลังจากนั้นภาพยนตร์และซีรีส์หลายๆ เรื่องที่ออกฉายตามมาก็เริ่มได้เสียงตอบรับจากผู้ชมในทิศทางที่ไม่ค่อยดีนัก อาจจะมีเพียงไม่กี่เรื่องที่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากว่าได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนๆ อย่างล้นหลาม เช่น Spider-Man: No Way Home (2021), Moon Knight (2022) และ Guardians of the Galaxy Vol. 3 (2023) ขณะที่ผลงานอื่นๆ กลับไม่สามารถสร้างความตื่นเต้นแก่ผู้ชมได้มากนัก อย่างเช่น ซีรีส์ที่เพิ่งฉายจบไปไม่นานอย่าง Secret Invasion (2023) เป็นต้น
ดังนั้นแล้ว ซีรีส์ Loki ซีซัน 2 จึงเป็นผลงานที่น่าติดตามพอสมควรว่า การกลับมาของเทพจอมเจ้าเล่ห์ครั้งนี้จะสามารถกลับมาสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ชมได้แบบเดียวกับซีซันแรกหรือไม่
และสำหรับ Loki ซีซัน 2 สองตอนแรกนั้น ผู้เขียนคิดว่าทีมสร้างยังคงรักษาองค์ประกอบอันโดดเด่นของซีซันแรกไว้ได้อย่างครบถ้วน ทั้งกลิ่นอายของการสืบสวนแนวตำรวจคู่หูอย่าง Loki และ Mobius การออกแบบงานสร้างที่เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ โดยเฉพาะงานสร้างของ TVA ที่เสมือนเป็นอีกหนึ่งตัวละครหลักของเรื่อง รวมถึงเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาที่เต็มไปด้วยรายละเอียดให้เราตามเก็บ
ด้าน O.B. ตัวละครใหม่ที่ได้นักแสดงดีกรีรางวัลออสการ์อย่าง Ke Huy Quan มาสวมบทบาท ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ชักชวนให้เราอยากติดตามซีรีส์เรื่องนี้ต่อไป ทั้งความเฉลียวฉลาดของเขาที่ Ke Huy Quan ตีความและนำเสนอได้อย่างมีเสน่ห์ รวมถึงบทบาทของ O.B. ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับ TVA และเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ ก็ยิ่งชวนให้เราคาดเดาต่อไปอีกว่า เขามีส่วนเกี่ยวข้องกับ He Who Remains ที่เป็นผู้สร้าง TVA ขึ้นมาในแง่มุมไหนบ้าง และอดีตของเขาก่อนที่จะมาทำงานใน TVA เป็นอย่างไรกันแน่
อีกหนึ่งจุดเด่นที่เราคิดว่าทีมสร้างเปิดตัวได้ค่อนข้างน่าสนใจคือ เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่าง Loki กับ Mobius ที่เริ่มไว้เนื้อเชื่อใจกันมากขึ้น ทำงานเข้าขากันมากขึ้น ทั้ง Mobius ที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วย Loki รักษาอาการของเวลาไถล หรือจะเป็นบทสนทนาในห้องอาหารที่ Loki ดูจะเป็นห่วงจิตใจของ Mobius มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงฉากที่ทั้งคู่ร่วมมือกันสอบสวน X-5 (Rafael Casal) พวกเขาก็สามารถรับ-ส่งบทสนทนากันได้อย่างลื่นไหล
ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าพาร์ตความสัมพันธ์ระหว่าง Loki กับ Mobius คือหัวใจสำคัญที่ทำให้เราชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้เอามากๆ และเราก็แอบดีใจที่ในซีซัน 2 ผู้กำกับและทีมสร้างยังคงรักษาพาร์ตความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไว้ได้อย่างแข็งแรง พร้อมทั้งฉายภาพให้เราเห็นถึงพัฒนาการของทั้งคู่ที่เติบโตขึ้นจากซีซันแรกอย่างเด่นชัด
นอกเหนือจากเสน่ห์ของตัวละครที่สามารถดึงดูดให้เราอยากติดตามซีรีส์ต่อไปได้ดีแล้ว อีกหนึ่งจุดที่เราชื่นชอบมากๆ คือ เรื่องราวเกี่ยวกับการย้อนเวลาที่ถูกนำเสนอได้อย่างมีชั้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น ในฉากที่ Loki และ Mobius ได้มาพบกับ O.B. เป็นครั้งแรก ก่อนที่ Loki จะย้อนเวลากลับไปเจอกับ O.B. ในอดีต ซึ่งผู้กำกับและทีมสร้างก็เลือกใช้มุมกล้อง จังหวะการตัดต่อ และดนตรีประกอบในการบอกเล่าฉากนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม หรือการที่จู่ๆ Loki โดดไปในอนาคตและบังเอิญเจอกับ Sylvie ก็เป็นการทิ้งปมปัญหาให้เราอยากติดตามเรื่องราวต่อไปได้เป็นอย่างดี
นี่คือความรู้สึกของผู้เขียนหลังจากได้รับชมซีรีส์ Loki ซีซัน 2 สองตอนแรกจบ ซึ่งตัวซีรีส์ยังมีปมปัญหาอีกหลายจุดที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ก็ถือว่าเป็นการเปิดตัวที่ชวนให้เราอยากติดตามเรื่องราวของ Loki และ Mobius ต่อไปได้อย่างอยู่หมัด ทั้งกลวิธีนำเสนอที่เปี่ยมไปด้วยชั้นเชิง เรื่องราวของตัวละครทั้งเก่าและใหม่ที่ถูกพัฒนาให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น และปมปัญหาต่างๆ ที่ถูกปูมาได้อย่างน่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม เราคงจะต้องติดตามกันต่อไปว่า Loki ซีซัน 2 จะสามารถรักษาความน่าสนใจของเรื่องต่อไปได้ถึงตอนจบหรือไม่ เพราะส่วนตัวผู้เขียนเองก็แอบหวั่นใจอยู่เล็กน้อยเช่นกัน หลังจาก Secret Invasion ที่เปิดตัวมาได้น่าสนใจไม่แพ้กัน แต่ในท้ายที่สุดซีรีส์ก็ไม่สามารถรักษาความโดดเด่นของตัวเองไว้ได้อย่างน่าเสียดาย
สามารถรับชมซีรีส์ Loki ซีซัน 2 สองตอนแรกได้แล้วทาง Disney+ Hotstar และรับชมตอนใหม่ได้ทุกวันศุกร์
รับชมตัวอย่างได้ที่:
ภาพ: Marvel Studios
