×

ซาดิโอ มาเน เตรียมอำลาลิเวอร์พูลไปบาเยิร์น มิวนิก?

10.05.2022
  • LOADING...
ซาดิโอ มาเน

ในขณะที่ หลุยส์ ดิอาซ กลายเป็นดาวเด่นคนใหม่ในแนวรุกของลิเวอร์พูลโดยชิงตำแหน่งปีกซ้ายตัวหลักมาครองได้สำเร็จ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังคงสถานะสตาร์เบอร์หนึ่งของทีมที่ฝ่ายบริหารของสโมสรรวมถึง เจอร์เกน คล็อปป์ พยายามโน้มน้าวให้ต่อสัญญาฉบับใหม่

 

อนาคตของ ซาดิโอ มาเน และ โรแบร์โต เฟอร์มิโน อีกสองกองหน้าคนสำคัญกลับเป็นสิ่งที่ไม่ถูกพูดถึงมากนักบนหน้าสื่อ ทั้งๆ ที่ทั้งสอง – ซึ่งรวมกับซาลาห์แล้วคือ ‘สามประสาน’ ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการนำลิเวอร์พูลก้าวมาถึงจุดนี้ – เหลือสัญญาในแอนฟิลด์ถึงแค่ปี 2023

 

และสัญญาเจ้ากรรมก็นำไปสู่กระแสข่าวที่สร้างความตกใจให้แก่วงการฟุตบอล เมื่อ Sky Germany รายงานว่าบาเยิร์น มิวนิกกำลังให้ความสนใจที่จะคว้าตัวมาเนมาจากลิเวอร์พูลให้ได้ โดยวางให้เป็นเป้าหมายหลักที่สโมสรต้องการตัวที่สุด

 

กระแสข่าวไปไกลถึงขั้นตัวแทนของมาเนได้มีการพบปะพูดคุยกับตัวแทนจากบาเยิร์นแล้วเกี่ยวกับการย้ายไปเล่นในบุนเดสลีกาในฤดูกาลหน้า และลิเวอร์พูลก็พร้อมจะเปิดทางให้ด้วย

 

ทั้งนี้ แม้จะยังไม่มีสื่อในกลุ่มความน่าเชื่อถือสูงออกมารายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็เป็นข่าวที่น่าสนใจและน่าจับตามองอย่างยิ่ง เนื่องจากแม้ว่าจะเป็นผู้เล่นที่เก็บตัวเงียบกว่าเมื่อเทียบกับซาลาห์ แต่ความสำคัญของสตาร์ชาวเซเนกัลต่อลิเวอร์พูลนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย

 

มาเนในวัย 30 ปีก้าวมาถึงจุดที่ได้รับการยกย่องในเวลานี้ว่าหากจะมีใครสักคนที่จะท้าชิงรางวัล ‘บัลลงดอร์’ กับ คาริม เบนเซมา ยอดศูนย์หน้าพระกาฬชาวฝรั่งเศสของเรอัล มาดริด ก็คงจะต้องเป็นเขา – มากกว่าซาลาห์ที่เคยได้รับการยกย่องอย่างมากในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกที่ฟอร์มร้อนแรงในระดับ ‘ร่างทอง’

 

เหตุผลนั้นเป็นเพราะมาเนได้ถ้วยมาครองแล้ว 1 ใบกับลิเวอร์พูลในรายการลีกคัพ และยังมีความหวังจะสร้างประวัติศาสตร์คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว (Quadruple Champ) อยู่ ถึงในพรีเมียร์ลีกความหวังจะเลือนรางไปมากแล้วก็ตาม

 

ในทีมชาติเองเขาเพิ่งจะพาเซเนกัลคว้าแชมป์ระดับทวีปในรายการแอฟริกันคัพออฟเนชันส์ ด้วยการเอาชนะซาลาห์เพื่อนร่วมทีมได้สำเร็จ ซึ่งมองในเชิงของ ‘เกียรติประวัติ’ แล้วถือว่าผ่าน โดยเฉพาะหากจะช่วยให้ลิเวอร์พูลเอาชนะเรอัล มาดริดของเบนเซมาได้ในรอบชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ก็จะยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้น

 

สำหรับผลงานส่วนตัวมาเน อาจจะเริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่ดีนัก แต่ยังคงมีส่วนสำคัญกับลิเวอร์พูลมาก และกลายเป็นตัวหลักที่ขาดไม่ได้ในระยะหลังเมื่อได้โอกาสลงเล่นในบท ‘False Nine’ หรือศูนย์หน้าตัวหลอกในระบบการเล่นของลิเวอร์พูล แทนที่ของเฟอร์มิโนที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง

 

ผลปรากฏว่ามาเนกลับมาทำผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจ และกลายเป็น 3 ประสานรุ่นใหม่ ดิอาซ-มาเน-ซาลาห์ ที่ทำให้เกมรุกของลิเวอร์พูลมีความอันตรายอย่างมาก

 

จุดนี้เองที่เป็นความสำคัญของดาวยิงหน้านิ่งที่มีต่อลิเวอร์พูลที่อาจจะถูกมองข้ามหรือให้ความสำคัญน้อย กับการที่มาเนมักจะต้องรับบท ‘ผู้เ่สียสละ’ ในทีมเสมอในยามที่คล็อปป์พอใจกับการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้น

 

ย้อนกลับไปในปี 2016 มาเนถูกดึงตัวมาจากเซาแธมป์ตันและเป็นดาวเด่นเบอร์หนึ่งของทีมในบทปีกขวา ผลงานนั้นร้อนแรงอย่างมากในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก ก่อนจะแผ่วไปในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ซึ่งเมื่อกลับมาใหม่ในฤดูกาล 2017/18 ลิเวอร์พูลได้ตัวซาลาห์มาจากโรมา และดาวยิงชาวอียิปต์ก็ชิงตำแหน่งปีกขวาไปครองเพราะไม่ถนัดในการเล่นตำแหน่งอื่นเลย

 

ในช่วงนั้น สตาร์เซเนกัลเองก็ประสบปัญหาในการปรับตัวทั้งกับตำแหน่งใหม่และกับทีม แต่ก็สร้างผลงานได้น่าประทับใจตลอดทั้งฤดูกาลนั้นและต่อเนื่องมาอีกหลายปีที่กลายเป็นปีกซ้ายที่น่าเกรงขาม เพราะนอกจากจะมีความเร็วจัดจ้าน ความแข็งแกร่งสูง ยังมีเทคนิคการเล่นที่เหนือชั้นอีกด้วย

 

โดยหนึ่งในประตูที่สวยงามที่สุดที่มาเนทำให้กับลิเวอร์พูล ก็คือการยิงใส่บาเยิร์น มิวนิกในแชมเปียนส์ลีกนั่นเอง

 

จนถึงปัจจุบันที่คล็อปป์ต้องการให้ดิอาซลงมาสร้างสรรค์เกมทางกาบซ้าย ขณะที่ซาลาห์ก็ยังเป็น ‘ไข่ในหิน’ ที่ทีมต้องพยายามประคบประหงมไว้ ทำให้มาเนต้องเสียสละอีกครั้งด้วยการลองขยับมารับบทตัวกลางแทน

 

แต่หลังจากที่ใช้เวลาปรับตัวระยะหนึ่งก็เริ่มทำได้ดี มีส่วนอย่างมากในผลงานที่ร้อนแรงของทีมในระยะหลัง จนทำให้มีลุ้น 4 แชมป์จนถึงปลายฤดูกาลแบบนี้ โดยผลงานส่วนตัวในเวลานี้ มาเนยิงไปแล้ว 21 ประตูในทุกรายการ

 

การสูญเสียมาเน นักเตะอเนกประสงค์ ลำพังก็ว่าแย่แล้ว แต่การเสีย ‘ผู้เสียสละ’ ที่แทบไม่เคยปริปากบ่น (ครั้งที่บ่นชัดเจนที่สุดคือการโวยวายซาลาห์ที่ไม่ยอมจ่ายให้ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าในเกมกับเบิร์นลีย์) และก้มหน้าก้มตาทำผลงานให้ดีที่สุดในแต่ละนัดเสมอ ถือเป็นเรื่องที่เสียหายร้ายแรงยิ่งกว่า

 

เพราะคนแบบนี้แหละคือผู้ปิดทองหลังพระในทีม และการขาดหายไปของนักเตะแบบเขา (หรือเฟอร์มิโน) จะส่งผลต่อทั้งผลงานในสนามและสภาพจิตใจของทีมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

อย่างไรก็ดี ตามรายงานจาก Goal อ้างแหล่งข่าวลิเวอร์พูลว่า ทีมไม่ได้กังวลอะไรกับเรื่องนี้และเตรียมเปิดการเจรจากับ บียอร์น เบซเมอร์ เอเจนต์ของมาเนในช่วงหลังจากจบฤดูกาลนี้

 

เบซเมอร์มีความสัมพันธ์อันดีกับ จูเลียน วอร์ด ว่าที่ผู้อำนวยการฝ่ายกีฬาคนใหม่ที่จะมาแทน ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งการจะพูดคุยกันในเรื่องสัญญาใหม่นั้นอาจจะไม่ใช่ปัญหา

 

ปัญหาเดียวตอนนี้คือวอร์ดและลิเวอร์พูลยังแก้ปัญหาเรื่องสัญญาของซาลาห์ไม่ได้ ทำให้การเจรจากับคนอื่นยังติดค้าง และในเวลานี้ดูเหมือนจะ ‘เป็นไปไม่ได้’ ที่สามประสานชุดดั้งเดิมจะได้ต่อสัญญาฉบับใหม่พร้อมกันทั้งหมด เพราะหากต่อสัญญากับซาลาห์จริง นั่นหมายถึงโครงสร้างเพดานค่าเหนื่อยของสโมสรจะได้รับผลกระทบรุนแรง และอาจหมายถึงการต้องยอม ‘เสียสละ’ ใครออกไปบ้าง

 

ระหว่างมาเนและเฟอร์มิโน คนที่ดูมีทางเลือกและมีโอกาสมากกว่าคือฝ่ายแรก ซึ่งนอกจากบาเยิร์น มิวนิกแล้ว ยังมีข่าวจากสเปนโดย Mundo Deportivo ที่รายงานว่า บาร์ซาเป็นอีกทีมที่ให้ความสนใจในตัวของเขาเช่นกัน

 

เพราะด้วยสัญญาที่เหลือ 1 ปี และวัย 30 ปี ค่าตัวในการย้ายทีมอาจจะไม่สูงมากนัก

 

ตรงนี้จึงขึ้นอยู่กับท่าทีของลิเวอร์พูลมากกว่าว่าพวกเขาจริงจังกับสัญญาของมาเนมากเท่ากับของซาลาห์ไหม – ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีข่าวว่ากัปตันทีมชาติเซเนกัลไม่ค่อยพอใจ – และแฟนเดอะ ค็อปอาจจะต้องหวังกับอิทธิพลของคล็อปป์ว่าจะช่วยทำให้เรื่องนี้ราบรื่นหรือไม่

 

จริงอยู่ที่ด้วยวัยแล้วการต่อสัญญายาวให้นักเตะวัย 30 ปีตามนโยบายของลิเวอร์พูลเป็นเรื่องยากลำบากมาก แต่มาเนก็พิสูจน์ตัวเองให้เห็นมาโดยตลอดระยะเวลาที่อยู่ในแอนฟิลด์มา

 

ของบางอย่าง คนบางคน บางทีเราอาจรู้ว่ามีค่าแค่ไหนก็ต่อเมื่อได้สูญเสียไปแล้ว

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising