วันนี้ (15 กันยายน) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ แก้วสรร อติโพธิ อดีตศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยื่นหนังสือพร้อมรายชื่อศิษย์เก่าธรรมศาสตร์กว่า 2,966 รายชื่อ เพื่อยืนยันว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้ใช้มหาวิทยาลัยในการชุมนุมวันที่ 19 กันยายนนี้ ตามที่แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ประกาศก่อนหน้านี้ ซึ่งการมาวันนี้กรอบอยู่ที่การสนับสนุนการออกคำสั่งไม่อนุญาตของอธิการบดีเท่านั้น ส่วนมหาวิทยาลัยจะปิดประตูมหาวิทยาลัยจริงหรือไม่ ตนไม่ขอก้าวล่วง เพราะจะเป็นการเข้าไปมีอำนาจโดยไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง
แก้วสรรยังย้ำว่าตนไม่ปฏิเสธเสรีภาพทางความคิดของนักศึกษากลุ่มนี้หรือของผู้ใด แต่เห็นว่าการใช้เสรีภาพในการชุมนุมในครั้งนี้เป็นการใช้สิทธิ์ที่ยอมรับไม่ได้ ซึ่งธรรมศาสตร์ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วย ส่วนจะคิดจะพูดอย่างไรไม่ใช่เรื่องที่ตนจะคัดค้าน ขณะเดียวกันเห็นว่าการใช้สถานที่ธรรมศาสตร์เพื่อความเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงสูงสุด แต่จะหาคนรับผิดชอบแท้จริงไม่ได้ เพราะตนเองไม่เชื่อว่าแกนนำนักศึกษาจะควบคุมการชุมนุมได้ หากมีการปลุกปั่นมาจากไซเบอร์ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงความหวั่นวิตก ถือเป็นความน่าจะเป็นที่จะเกิดขึ้น
เมื่อถามว่าการผลักให้นักศึกษาไปชุมนอกมหาวิทยาลัยจะไม่เป็นอันตรายมากกว่าการเปิดพื้นที่ให้ชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยหรือ แก้วสรรตอบว่าตนทำได้แค่แสดงความเป็นห่วง เพราะการชุมนุมครั้งนี้มีคนอยู่เบื้องหลัง เพราะหากบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรจะจัดการชุมนุมในหอประชุมใหญ่ ไม่ใช่ลากเอาคนภายนอกเข้ามาร่วมชุมนุม และยังเห็นว่าหากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาร่วมเป็นจำนวนมาก แกนนำนักศึกษาจะควบคุมการชุมนุมไม่ได้ เพราะเคยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตเมื่อครั้งการชุมนุมพฤษภาทมิฬมาแล้ว
ส่วนกรณีที่นักศึกษาชูธง 10 ข้อเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ นั้น แก้วสรรตอบว่าพวกตนไม่ก้าวล่วงการแสดงความคิดเห็นของนักศึกษา ไม่ขอก้าวล่วงความคิดเห็นว่าจะผิดหรือถูก แต่หากเคลื่อนไหวเช่นนี้ ตนเองไม่เอาด้วย
“บ้านเมืองเวลานี้มีสองพวก พวกหนึ่งคือพวกใช้สิทธิ์ใช้อำนาจตามอำเภอใจทุกสี กับอีกพวกหนึ่งอยากใช้สิทธิ์โดยสงบ เมื่อมีกฎหมายชุมนุมสาธารณะก็บังคับใช้ตามเรื่องเพื่อความโปร่งใส และในสภาขอให้ทำงาน อย่าไปทำเรื่องบ้าๆ บอๆ แบบนี้ มันหมดยุคที่จะนั่งลุ้นว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น ความคับข้องใจตรงนี้ก็คืออยากจะเปลี่ยนอนาคต เปลี่ยนวิธีการเคลื่อนไหวทางการเมือง กฎหมายมีแล้วก็อย่าเลี่ยง ขอให้ทำตัวให้ได้มาตรฐาน” แก้วสรรกล่าว พร้อมยืนยันว่าการชุมนุมในวันที่ 19 กันยายนนี้จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่กลุ่มของตนจะสลายตัว
จากนั้นแก้วสรรได้เข้ายื่นหนังสือตามเวลานัดหมาย แต่อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้มอบหมายให้ ณัฐธยาน์ มิตรมูลพิทักษ์ ผู้อำนวยการกองบริหารศูนย์ท่าพระจันทร์ มารับหนังสือของกลุ่มศิษย์เก่า แต่แก้วสรรระบุว่านัดหมายกับอธิการบดีไว้ และต้องการยื่นหนังสือให้ถึงมืออธิการบดีด้วยตัวเอง
จากนั้น รศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์และท่าพระจันทร์ ได้แจ้งว่าอธิการบดีอนุญาตให้แก้วสรรขึ้นไปยื่นหนังสือบนห้องทำงานได้ พร้อมให้เหตุผลว่าสาเหตุที่ไม่ลงมารับหนังสือตั้งแต่ครั้งแรกนั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้เป็นประเด็นว่าเหตุใดจึงรับของบางกลุ่มและไม่รับบางกลุ่ม แต่เนื่องจากแก้วสรรได้นัดหมายล่วงหน้าจึงยอมให้ขึ้นไปพบ
ภายหลังยื่นหนังสือ แก้วสรรระบุว่าได้ให้กำลังใจอธิการบดีและบอกว่าเคารพการตัดสินใจ เพราะเข้าใจว่าทำงานหนัก
นอกจากนี้แก้วสรรและกลุ่มได้นำช่อดอกไม้ไปวางที่อนุสาวรีย์ปรีดี พนมยงค์ พร้อมกล่าวว่า “เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง และธรรมศาสตร์ต้องพ้นเงื้อมมือเผด็จการม็อบ”
