×

พาไปดู 10 จุดชมเมืองรอบโลกที่วิวแจ่มที่สุด!

29.06.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

12 Mins. Read
  • ‘หอคอยไข่มุก’ ของจีนได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีของราชวงศ์ถังที่แต่งโดยไป๋จวีอี้ (Bai Juyi) ซึ่งเกี่ยวกับความงดงามของเสียงเครื่องดนตรีพิณ ที่เพราะพริ้งราวกับเสียงกระทบกันของไข่มุกและหยก
  • กระเช้าชิงช้าจำนวน 32 กระเช้าของลอนดอน อาย เป็นตัวแทนของเขตการปกครองทั้ง 32 เขตของกรุงลอนดอน
  • คอนกรีตที่ใช้ในการก่อสร้างเบิร์จ คาลิฟา ในดูไบนั้นมีน้ำหนักรวมกันเท่ากับช้าง 100,000 ตัว!
  • ความโดดเด่นในการออกแบบของตึกเปโตรนาส ทาวเวอร์ส ของคนมาเลย์คือการใช้แพตเทิร์นดวงดาว 8 แฉก จากงานศิลปะอิสลามมาเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมเพื่อสะท้อนศาสนาของชาติ

     ในที่สุดกรุงเทพฯ ก็กำลังจะมีหอชมเมืองกับเขาเสียทีท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเรื่องงบประมาณและการประมูลโครงการ แต่ก่อนจะได้ชื่นชมโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ว่า THE STANDARD พาไปโฉบดูสถานที่ชมเมืองของเพื่อนบ้านทั้งใกล้และไกลกันก่อนว่ารอบโลกเขาชมวิวที่ไหนกัน

 

Photo: Ale Argentieri/Shutterstock

 

The London Eye, ลอนดอน

     พิกัดที่คนลอนดอนต่างชี้ไปที่เดียวกันว่าวิวดี (แม้นักท่องเที่ยวจะพลุกพล่านหนักหนา) แต่ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องขึ้นไปยลโฉมกรุงลอนดอนของชาวอังกฤษกันสักครั้ง และแม้จะไม่ใช่หอชมวิว เพราะเป็นชิงช้าสวรรค์ชมวิว แต่ ‘ลอนดอน อาย’ ถูกสร้างมาเพื่อเปลี่ยนทิวทัศน์ที่ถูกถ่ายรูปบ่อยที่สุดของกรุงลอนดอนโดยเฉพาะ โดยก่อสร้างเสร็จสิ้นต้อนรับปีมิลเลนเนียมไปเมื่อมีนาคม ปี 2000 ทั้งยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ว่า ‘มิลเลนเนียม วีล’ (Millennium Wheel) หรือ ‘เดอะ บริติช แอร์เวย์ส ลอนดอน อาย’  (The British Airways London Eye), ‘โคคา-โคลา ลอนดอน อาย’ (Coca-Cola London Eye) ฯลฯ และเป็นชิงช้าสวรรค์ที่สูงที่สุดในโลก โดยมีกระเช้าชิงช้าจำนวน 32 กระเช้า ตัวเลขที่เป็นตัวแทนของเขตการปกครองทั้ง 32 เขตของกรุงลอนดอน โดยแต่ละกระเช้าสามารถรับน้ำหนักเหรียญเงินปอนด์ได้ 1,052,631 เหรียญ และเผยให้เห็นวิวแม่น้ำเทมส์ และย่านสะพานเวสต์มินสเตอร์ อาคารรัฐสภา และหอนาฬิกาบิ๊กเบน อันเก่าแก่และเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่โลกรู้จักของลอนดอน

 

Photo: Ale Argentieri/Shutterstock

 

รู้ไหม: จากการคาดคะเน ในแต่ละปีดวงตาแห่งลอนดอนนี้ต้อนรับผู้มาเยือนมากกว่าทัชมาฮาลในอินเดีย และพีระมิดแห่งเมืองกีซาในอียิปต์เสียอีก!

งบประมาณ: 70 ล้านปอนด์ หรือราว 3,052,350,000 บาท

ค่าเข้า: เริ่มต้นคนละ 23 ปอนด์ หรือราวๆ 1,000 บาท

พิกัด: ถนนสะพานเวสต์มินสเตอร์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ สหราชอาณาจักร

 

Photo: Jung U/Shutterstock

 

Lotte World Tower, เกาหลีใต้

     หากคุณเป็นนักเดินทางที่ไม่ต้องการร่วมกิจกรรมคล้องกุญแจสาบานรักแต่ยังคงต้องการเห็นวิวเมืองเกาหลีสวยๆ ชนิดลมหายใจสะดุด เราขอให้คุณเมิน เอ็น โซล ทาวเวอร์ (N Seoul Tower) ไปซะ แล้วมุ่งหน้าสู่ ‘ลอตเต้ เวิลด์ ทาวเวอร์’ จุดชมวิวใหม่ใสกิ๊ก ที่เปิดให้บริการเมื่อต้นเมษายนที่ผ่านมา ด้วยความสูง 555 เมตร และตำแหน่งอาคารสูงที่สุดอันดับ 5 ของโลก

     ตัวอาคารได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องเคลือบเซรามิกและปลายพู่กันเกาหลี มองไกลๆ มีแสงระยับวิบวับสะท้อนแดด 123 ชั้น อัดแน่นด้วยร้านคาเฟ่ แกลเลอรี โรงละคร โรงแรมหรู โดยชั้น 117-123 เปิดให้บริการเป็นจุดชมวิวในนามของ ‘โซล สกาย’ (Seoul Sky) ที่สะกดผู้เข้าชมด้วยทางเดินและผนังกระจกยาวนับครึ่งกิโลฯ มอบประสบการณ์การชมวิวที่เหนือกว่าแค่ขอบเขตสายตามอง

 

Photo: Jame Pakpoom/Shutterstock

 

รู้ไหม: นอกเหนือจากร้านค้า ร้านอาหาร ที่มีให้เห็นดาษดื่นตามตึกระฟ้าทั่วไป ลอตเต้ เวิลด์ ทาวเวอร์ ยังเนรมิตบางส่วนของตัวอาคารบนชั้นสูงให้เป็นอควาเรียมลอยฟ้า ทั้งยังครองตำแหน่ง ‘ที่สุดในโลก’ หลายรายการ อาทิ สระว่ายน้ำที่อยู่สูงที่สุดในโลก ลิฟต์เร็วที่สุดในโลกโดยใช้เวลาเพียง 1 นาทีจากชั้น 1 สู่ชั้นบนสุดของอาคาร

งบประมาณ: 4 ล้านล้านวอน หรือราว 136,800,000,000 บาท

ค่าเข้า: 27,000 วอน และ 24,000 วอนสำหรับเด็ก

พิกัด: 300 ถนนโอลิมปิก ชินชอนดง เขตซงปา กรุงโซล เกาหลีใต้

 

Photo: chuyuss/Shutterstock

 

Oriental Pearl TV Tower, จีน

     แม้จะมีจุดชมวิวสูงระฟ้าที่เหนือกว่า Oriental Pearl TV Tower หรือ ‘หอไข่มุก’ ตามความคุ้นชินที่เรียกกันติดปาก แต่เราก็ยังอยากแนะนำคุณให้ไปเช็กอินที่นี่อยู่ดี เพราะเปรียบเสมือนแลนด์มาร์กของเซี่ยงไฮ้ ใครจะมาจะไปต้องมาถ่ายรูป ต้องดูให้เห็นกับตา อีกทั้งทิวทัศน์ที่ได้ก็สวยงามน่าดูชม หอไข่มุกที่ว่าเป็นหอส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ เปิดมานานแล้วตั้งแต่ปี 1994 มีลักษณะเป็นหอคอยสูง มีโครงสร้างคล้ายกับเม็ดไข่มุกอยู่ระหว่างเสาของหอคอย 3 เม็ด โดยเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวิวเมืองได้ที่ระดับความสูง 259 เมตร จากความสูงทั้งหมด 468 เมตร คุณสามารถมองเห็นฉากโค้งน้ำขนาบกับตึกรามบ้านช่องผ่านทางเดินและผนังกระจกใสแบบ 360 องศา ยามค่ำคืนหอคอยจะเปิดไฟระยิบระยับ ล้อเล่นแสง มองจากภายนอกส่องประกายสวยราวกับไข่มุกเม็ดงามทีเดียว

 

Photo: ssguy/Shutterstock

 

รู้ไหม: หลายคนเชื่อว่ารูปทรงของ ‘หอคอยไข่มุก’ ได้รับแรงบันดาลใจจากบทกวีของราชวงศ์ถังที่แต่งโดยไป๋จวีอี้ (Bai Juyi) ซึ่งเกี่ยวกับความงดงามของเสียงเครื่องดนตรีพิณ ที่เพราะพริ้งราวกับเสียงกระทบกันของไข่มุกและหยก แต่นักออกแบบผู้รับผิดชอบโครงการนี้ เจียงฮวนเฉิง (Jiang Huancheng) กลับปฏิเสธว่า เขาออกแบบโดยไม่ได้อิงบทกวีเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่นั่นแหละ ก็ยังไม่มีใครเชื่อ

งบประมาณ: 830 ล้านหยวน หรือประมาณ 4,145,000,000 บาท

ค่าเข้า: 230 หยวน หรือราว 1,150 บาท (รวมแล้วทั้งค่าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ล่องแม่น้ำ และจุดชมวิวชั้นบนสุด)

พิกัด: เลขที่ 1 ถนนเซนจูรี ลูเจียซุย ผู่ดง เซียงไฮ้ ประเทศจีน

 

Photo: Rafael Xavier/Shutterstock

 

Top of the Rock, นิวยอร์ก

     ‘ท็อป ออฟ เดอะ ร็อก’ (Top of the Rock) แท้จริงแล้วเป็นชื่อเล่นของลานชมวิวของอาคารร็อกกีเฟลเลอร์ พลาซ่า (Rockefeller Plaza) และเป็นจุดชมวิวที่สวยและคุ้นตาที่สุดที่มั่นใจว่าต้องเคยผ่านตาคุณมาแล้ว ลานชมวิวแมนฮัตตันนี้เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2005 หลังจากปรับซ่อมอยู่นานตั้งแต่ปี 1986 โดยใช้พื้นที่ 3 ชั้นของอาคาร ด้วยความสูงบนตึก 70 ชั้น ต้อนรับคนที่มาชมด้วยโคมไฟแชนเดอเลียร์คริสตัลของ Swarovski ก่อนจะเข้าสู่มุมนิทรรศการที่บอกเล่าความเป็นมาของตึกและตระกูลร็อกกีเฟลเลอร์ จนสู่ลานที่เผยวิว 360 องศา ออกแบบมาเสมือนว่ากำลังมองจากกาบเรือ เผยให้เห็นวิวที่สร้างนิวยอร์กให้เป็น ‘นิวยอร์ก’ ที่เราคุ้นตาเอาไว้ในที่เดียว ทั้งสวนเซ็นทรัลพาร์ก ตึกไครสเลอร์ (Chrysler Building) เอ็มไพร์ สเตท (Empire State) ที่ตั้งเด่นสง่าอยู่ตรงหน้า ไปจนถึงเทพีเสรีภาพในวันที่อากาศเป็นใจ ฯลฯ ตึกแห่งนี้ยังได้รับการประกาศจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าเป็นสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งชาติ หรือ National Historic Landmark และแน่นอนว่ามีภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ มิวสิกวิดีโอจำนวนมากที่มาขอยืมวิวจากตึกแห่งนี้เป็นฉากหลัง

 

Photo: Taiga/Shutterstock

 

รู้ไหม: เอกลักษณ์ของท็อป ออฟ เดอะ ร็อก ยังอยู่ที่กล้องส่องทางไกลสีเงินที่ต้องหยอดเหรียญ 50 เซ็นต์ เพื่อใช้ชมวิว และลานด้านหน้าตึกยังคึกคักที่สุดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส (จำ Home Alone ได้ไหมล่ะ)

งบประมาณ: 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2,550,000,000 บาท ในการปรับปรุง

ค่าเข้า: เริ่มต้นคนละ 37 เหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 1,265 บาทสำหรับผู้ใหญ่

พิกัด: ร็อกกีเฟลเลอร์ พลาซ่า นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

 

Photo: RastoS Photographer/Shutterstock

 

Burj Khalifa, ดูไบ

     เจ้าของตำแหน่งตึกสูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 828 เมตร ทั้งยังครองตำแหน่งตึกที่มีจุดชมวิวและตึกที่มีลิฟต์สูงที่สุดในโลกด้วย เบิร์จ คาลิฟา เริ่มสร้างตั้งแต่ ปี 2005 โดยใช้เวลาเพียง 6 ปีเท่านั้นก็แล้วเสร็จ ออกแบบโดย SOM บริษัทผู้ออกแบบเดียวกับ ‘เซียร์ทาวเวอร์’ อาคารสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เราจะไม่ขอเอ่ยถึงสารพัดความโอ่อ่าทางตัวเลขที่เบิร์จ คาลิฟา ได้กระทำไว้ แต่ในแง่ของไลฟ์สไตล์ ที่นี่คือที่สุดของทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารหรู ณ ยอดตึกระฟ้า งานตกแต่งภายในโดยฝีมือของดีไซเนอร์ จิออร์จิโอ อาร์มานี (Giorgio Armani) แถมยังมีโรงแรม Armani เปิดให้บริการด้วยในชั้น 1-37 เท่ากับว่าเฟอร์นิเจอร์และของใช้ทุกชิ้นเป็นแบรนด์ Armani หมด จุดชมวิวชั้นที่ 123 และ 124 เปิดให้ชมทั้งกลางวันและกลางคืน ว่ากันว่าในวันที่ฟ้าเปิดไร้ก้อนเมฆบดบัง สามารถมองทอดไกลได้ถึง 95 กิโลเมตร ถ้าเป็นบ้านเราก็จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิถึงพระนครศรีอยุธยาโน้นแน่ะ

 

Photo: ardiwebs/Shutterstock

 

รู้ไหม: คอนกรีตที่ใช้ในการก่อสร้างเบิร์จ คาลิฟา นั้นมีน้ำหนักรวมกันเท่ากับช้าง 100,000 ตัว ส่วนน้ำหนักของอลูมิเนียมที่ใช้ในการก่อสร้างสามารถเทียบเท่ากับเครื่องบินแอร์บัส A380 ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก 5 ลำ

งบประมาณ: 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 57,000,000,000 บาท

ค่าเข้า: 125 AED หรือราว 1,100 บาท

พิกัด: เลขที่ 1 ถนนชีคมูฮัมเมดบินราชิด ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

Photo: Dmitriy Yakovlev/Shutterstock

 

Ostankino Tower, รัสเซีย

     หนึ่งในอาคารสูงที่น่าสนใจนี้ตั้งอยู่ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย หอคอย ‘ออสตานกิโน ทาวเวอร์’ (Ostankino Tower) มีความสูงที่ราว 540 เมตร ถูกสร้างขึ้นในปี 1967 ปัจจุบันยังเป็นอาคารที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปอีกด้วย โดยสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบ 50 ปี ของการปฏิวัติเดือนตุลาคมในรัสเซียในปี 1917 ใช้เวลาประกอบสร้างราว 4 ปี ก่อนจะเปิดให้บริการ ซึ่งในแง่ของเทคนิคการก่อสร้างสถาปัตยกรรมในยุคนั้น ต้องบอกว่าหอคอยนี้เป็นความสำเร็จชิ้นเอกชิ้นหนึ่งของรัสเซียเลยก็ว่าได้ เพราะเคยเบียดตึกเอ็มไพร์ สเตท ที่นิวยอร์กที่สูงที่สุดในโลกขณะนั้น ขึ้นมาเป็นอาคารที่มีความสูงที่สุดในโลกอยู่ถึง 9 ปีเต็ม และยังเป็นอาคารแรกในโลกที่มีความสูงเกิน 500 เมตร เป็นอาคารแรกของโลก ปัจจุบันนอกจากจะต้อนรับนักท่องเที่ยวให้ขึ้นไปชมวิวเมืองมอสโกแบบ 360 องศาแล้ว ยังเป็นสถานที่กระจายสัญญาณวิทยุโทรทัศน์ที่สำคัญอีกด้วย

รู้ไหม: ในปี 1994 หอคอยนี้เคยมีแผนจะต่อเติมเสาอากาศเพื่อเพิ่มความสูงเข้าไปอีก 20 เมตร แต่ก็ต้องพับโปรเจกต์ทิ้งไป เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ

งบประมาณ: 65 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวๆ 2.2 พันล้านบาท

ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 1,000 รูเบิลรัสเซีย หรือประมาณ 570 บาท เด็ก 500 รูเบิลรัสเซีย หรือราว 285 บาท

พิกัด: ถนนดูโบวอย รอสชี มอสโก รัสเซีย

 

Photo: robbin lee/Shutterstock

 

Taipei 101, ไต้หวัน

     อาคาร 101 ชั้นตามชื่อ ‘ไทเป 101’ คืออาคารระฟ้าที่สูงที่สุดในไต้หวัน และยังเคยได้ชื่อว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกเมื่อแรกเสร็จในปี 2004 ด้วยความสูง 509.2 เมตร ก่อนจะผิดหวังเพราะถูกโค่นตำแหน่งโดยตึกเบิร์จ คาลิฟา ในปี 2009 อาคารไทเป 101 นอกจากจะเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวต้องแวะเวียนไปเยี่ยมชมสักครั้งเมื่อไปเยือนไต้หวัน โดยแบ่งจุดชมวิวออกเป็น 2 แห่งคือ ชั้น 89 เป็นจุดชมวิวภายในอาคาร และชั้น 91 เป็นจุดชมวิวแบบเอาต์ดอร์ ซึ่งการเปิดให้เข้าชมนั้นขึ้นอยู่กับโอกาสพิเศษและสภาพอากาศ

     ในทุกๆ วัน ไฟที่เปล่งแสงออกมาจากยอดตึกจะถูกเปลี่ยนสีไปตามสีของแต่ละวันอีกด้วย และอาคารแห่งนี้ยังเป็นจุดเคาต์ดาวน์เฉลิมฉลองปีใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ด้วยดอกไม้ไฟจำนวนมหาศาลที่จะค่อยๆ ถูกจุดไล่ตั้งแต่ชั้นล่างๆ ไปจนถึงยอดอย่างดงาม และแม้ไต้หวันจะอยู่ในเขตแดนที่ถูกภัยพิบัติจากอากาศที่แปรปรวนอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะส่งผลกระทบต่ออาคารสูงชะลูดนี้ เพราะเขาดีไซน์ให้อาคารทนกับสภาพอากาศได้อย่างดีทั้งพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหว

รู้ไหม: ตึกไทเป 101 มีมาสคอตเป็นของตัวเองด้วย และทางบริษัทผู้บริหารตึกได้ว่าจ้างบริษัท Sanrio ชื่อดังของญี่ปุ่นให้ดีไซน์คาแรกเตอร์ของ ‘The Damper Baby’ ที่หน้าตาเหมือนช่องเสียบปลั๊กไฟออกมาถึง 5 แบบ 5 คาแรกเตอร์

งบประมาณ: 1.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 6.45 หมื่นล้านบาทไทย

ค่าเข้า: ราคาอยู่ที่ 600 ไต้หวันดอลลาร์ หรือประมาณ 670 บาทไทย

พิกัด: เลขที่ 7 เซ็กชัน 5 ถนนซินยี ซินยี เมืองไทเป ไต้หวัน

 

Photo: Rat007/Shutterstock

 

Petronas Twin Towers, มาเลเซีย

     อาคารแฝดที่สูงที่สุดในโลกที่ยังคงตั้งตระหง่านอยู่ในเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย คือจุดชมวิวในความสูงลิบลิ่วที่ใกล้เมืองไทยมากที่สุดแล้ว ‘อาคารเปโตรนาส ทาวเวอร์’ คืออาคารที่ใครๆ ก็ต้องรู้จักด้วยเอกลักษณ์ของตึกแฝดจำนวน 88 ชั้น ที่มีทางเชื่อมอยู่ระหว่างกลาง ยืนหยัดเป็นศรีแก่เมืองกัวลาลัมเปอร์มาร่วม 21 ปีตั้งแต่ปี 1996 โดยการออกแบบของสถาปนิกชาวอาร์เจนตินา ซีซาร์ เปลลี (César Pelli) ตึกมีความสูง 451.9 เมตร และจุดเด่นในการออกแบบของตึกนี้คือการใช้แพตเทิร์นดวงดาวแปดแฉกจากงานศิลปะอิสลามมาเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมเพื่อสะท้อนความเป็นศาสนาของชาติ โดยสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองกัวลาลัมเปอร์ได้แบบเต็มอิ่มที่จุดชมวิวชั้น 86

รู้ไหม: เสาเหนือยอดตึกทั้งสองยอดนั้นไม่ใช่เสาธรรมดา เพราะ 2 เสาที่ว่านั้นถูกผลิตขึ้นจากคนละประเทศ เสาหนึ่งจากญี่ปุ่น และอีกเสาหนึ่งจากเกาหลี ซึ่งใช้เวลาร่วม 19 สัปดาห์ในการผลิต และไม่ใช่แค่ประดับไว้เพื่อเพิ่มความสูง แต่ประติมากรรมนั้นมีแรงบันดาลใจมาจากยอดโดมของมัสยิด

งบประมาณ: 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.43 หมื่นล้านบาทไทย

ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ราคา 85 ริงกิต หรือประมาณ 425 บาท ส่วนเด็กราคาอยู่ที่ 35 ริงกิต หรือประมาณ 175 บาท (อายุไม่เกิน 12 ปี)

พิกัด: กัวลาลัมเปอร์ ซิตี้ เซ็นเตอร์ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย

 

Photo: windwalk/Shutterstock

 

A’DAM Look Out, อัมสเตอร์ดัม

     อะดัม ลุคเอาต์ (A’DAM Look Out) ดาดฟ้าชมวิวที่ชาวอัมสเตอร์ดัมอยากนำเสนอ ตั้งอยู่บนอาคารอะดัม ทอเร็น (A’DAM Toren) หรืออะดัม ทาวเวอร์ (A’DAM Tower) อาคาร 21 ชั้น ริมแม่น้ำทางตอนเหนือของอัมสเตอร์ดัม นี่เป็นสิ่งก่อสร้างที่เพิ่งอวดโฉมใหม่ในปี 2016 ที่ผ่านมา นอกจากจะเผยให้เห็นวิวแบบพาโนรามาแล้ว ยังเป็นจุดที่สามารถชมทิวทัศน์ย่านประวัติศาสตร์ให้เห็น รวมถึงท่าเรือฝั่งตะวันตกที่คึกคัก ไปจนถึงผืนดินอันราบลุ่มของชาวดัตช์ และแน่นอนว่าต้องเห็นคลองอันโด่งดังที่ขึ้นเป็นมรดกขององค์การยูเนสโก (UNESCO) อันเป็นเอกลักษณ์ราวกับยกโปสต์การ์ดมาแปะไว้ตรงหน้า จุดเด่นของอะดัม ลุคเอาต์ ที่ดึงดูดให้ต้องท้าความสูงขึ้นไปสักครั้ง คือ ‘โอเวอร์ ดิ เอ็ดจ์’ (Over the Edge) ชิงช้าที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในยุโรปที่ห้อยอยู่ที่ริมตึก! ท้าผู้กล้าให้มาทดสอบความหวาดเสียวแต่แลกมาด้วยวิวชวนตะลึง เพราะสูงจากพื้นถึง 100 เมตร ภายในยังมีร้านอาหารให้ขึ้นมาละเลียดรสและชมวิวไปพลางด้วย

 

Photo: Protasov AN/Shutterstock

 

รู้ไหม: ลิฟต์ที่รับส่งมีชื่อว่า ‘โกส์ ทู เฮเวน’ (Goes to Heaven) เพราะขึ้นลงบนตึก 20 กว่าชั้นนี้ภายในเวลา 22 วินาทีเท่านั้น และถ้ามองดาดฟ้าจากมุมบนจะเห็นว่าบนพื้นดาดฟ้าเขียนเอาไว้ว่า ‘HELLO, I’M A’DAM’ ซึ่ง ‘A’DAM’ เป็นชื่อย่อของกรุงอัมสเตอร์ดัมนั่นเอง

ค่าเข้า: ราวๆ คนละ 12.50 ยูโร หรือ 483 บาท ค่าแกว่งชิงช้าราคา 5 ยูโร หรือ 193 บาท

พิกัด: โอเวอร์โฮกสเปลน อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์

 

Photo: Michael Neil Thomas/Shutterstock

 

Guangzhou TV & Sightseeing Tower, จีน

     ถ้าอยากเห็นวิวเมืองสุดลูกหูลูกตาในกวางโจว สถานที่เดียวที่คุณต้องเช็กอิน คือ ‘กวางโจว ทีวี & ไซต์ซีอิ้ง ทาวเวอร์’ (Guangzhou TV & Sightseeing Tower) รู้จักกันดีในนามของ ‘แคนตัน ทาวเวอร์’ (Canton Tower) หอส่งสัญญาณโทรทัศน์เมืองกวางโจว ที่เคยรั้งตำแหน่งหอคอยสูงที่สุดในโลกอยู่หลายปี ก่อนโดน Tokyo Sky Tree ของญี่ปุ่นโค่นมาอยู่อันดับ 2 ด้วยความสูงต่างกันเพียง 16 เมตรเท่านั้น จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่โครงสร้างรูปบิดเกลียว โชว์ส่วนเว้าโค้งจนได้รับสมญานามจากชาวกวางโจวว่า ‘ซูเปอร์โมเดล’ เนื่องจากส่วนที่แคบที่สุดวัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้เพียง 30 เมตร ในขณะที่ตัวตึกมีความสูงถึง 618 เมตร หุ่นนางแบบเชียวล่ะ

     จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นแม่น้ำจูเจียง หรือแม่น้ำไข่มุก แม่น้ำสายหลักของเมืองกวางโจว โดยมีกวางโจว โอเปรา เฮาส์ ตั้งอยู่ขนาบข้าง บริเวณทางเดินบางส่วนทำเป็นกระจกยื่นออกไปนอกตัวอาคาร เพิ่มความเสียวให้หัวใจเต้นเล็กๆ ด้วยกรุกระจกใสรอบทิศ และถ้ายังไม่เต็มอิ่ม ยังเห็นวิวเมืองไม่สาแก่ใจ แนะนำให้ตีตั๋วนั่งกระเช้ารถรางกระจกใสที่เรียกว่า ‘บับเบิล ทีม’ (Bubble Team) ออกไปชมวิวกันเต็มที่ รถรางจะค่อยๆ เคลื่อนตัวตามเส้นรอบนอกของอาคารที่ความสูง 455 เมตร เห็นวิวเต็มตาแบบไร้สิ่งใดบดบัง

 

Photo: Justin X/Shutterstock

 

รู้ไหม: นอกจากจุดชมวิว ที่นี่ยังมีเครื่องเล่นชนิดหนึ่ง ชื่อ ‘สกาย ดร็อป’ (Sky Drop) เป็นเครื่องเล่นที่จะปล่อยคุณลงจากบนความสูง 485 เมตร แล้วพาคุณทิ้งดิ่งลงมาเป็นระยะทาง 30 เมตร

งบประมาณ: 450 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 17,100,000,000 บาท

ค่าเข้า: 150 หยวน หรือประมาณ 750 บาท

พิกัด: 222 ถนนโย่วเข่อซี่ใต้ ไห้ซื่อ กวางโจว กวางตุ้ง จีน

 

ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai

อ้างอิง:

FYI
  • หากมองย้อนกลับมาที่บ้านเรา หอชมเมืองที่จวนจะเสร็จในเร็ววันแล้วคือ ‘หอคอยชมเมืองสมุทรปราการ’ ซึ่งใช้งบประมาณราว 500 ล้านบาท และมีความสูง 179.5 เมตร ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานการเรียนรู้ของจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งก็คือบริเวณเรือนจำประจำจังหวัดเก่า ใกล้ๆ กับสามแยกปากน้ำ และที่สำคัญในอนาคตอันใกล้ก็จะสามารถเดินทางไปชมวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาที่งดงามได้ที่หอชมเมืองแห่งนี้ด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเขียว ส่วนต่อขยายเมืองสมุทรปราการ
  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising