“ดีไซน์ที่ดีแต่ปราศจาก Craftsmanship ดีไซน์ตรงนั้นก็ไม่สามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่” – หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา ผู้ก่อตั้ง Asava Group
ทุกคนรู้จัก ‘หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา’ ในฐานะเจ้าของแบรนด์ Asava แบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าสตรีที่แสดงออกถึงความเรียบโก้สง่างาม ในอีกหมวกหนึ่ง หมู พลพัฒน์ ยังรับบทเป็นเจ้าของร้านอาหาร SAVA Modern THAI Flavour เป็น Personal Stylist คนแรกให้ห้างสรรพสินค้า และยังเป็นกูรูแฟชั่นผู้ทรงอิทธิพลในหน้าหนังสือและวงการแฟชั่นในเมืองไทย แต่ไม่ว่าบทบาทไหน มักมี 2 คำที่เรานึกถึงขึ้นมาเสมอ คือ Craftsmanship และ Sophistication การสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยความประณีต ละเอียดลออ มีความเรียบง่ายแต่ลุ่มลึก ทั้งยังเต็มไปด้วยทักษะและเทคนิคชั้นสูง เมื่อสบโอกาสเจอ หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา ในงาน LIFE TABLE: The Symphony of Taste & Tales เราจึงพูดคุยกับเขาแบบสบายๆ ถึงนิยาม ความหมาย และตัวตนของเขาผ่าน 2 คำนี้
Craftsmanship เป็นหนึ่งในคำที่เรานึกถึง หมู พลพัฒน์ อยู่เสมอ และคุณเองก็ให้ความสำคัญมาก ทำไมถึงให้ความสำคัญกับ Craftsmanship มากขนาดนี้
ต้องเล่าย้อนไปตอนเด็ก เราเห็นงานดีไซน์ เราเห็นความสวยงาม รู้สึกชื่นชอบชื่นชม แต่พอเราได้ศึกษาและหันมาเป็นผู้สร้างสรรค์เอง เรารู้ว่าความงามเหล่านี้ไม่ได้เกิดด้วยความบังเอิญ แต่เกิดด้วยรายละเอียด ทักษะ เกิดได้ด้วย Craftsmanship ต่างๆ งานดีไซน์ถ้าปราศจาก Craftsmanship จะไม่สามารถนำไปสู่วัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้ได้ เพราะทุกๆ รายละเอียดที่เราจัดวาง มีความสำคัญ และส่งผลต่อองค์รวมหรือผลลัพธ์ของงานเสมอ ไม่ใช่แค่ชิ้นงาน แต่ยังประกอบกันเป็นอีโมชัน เป็นความสวยงามที่ไม่ได้สัมผัสด้วยตาอย่างเดียว แต่เป็นความสวยที่เราสัมผัสได้ด้วยใจ
คุณมีเกณฑ์อะไรในการเลือกว่าสิ่งนี้คือ Craftsmanship อย่างแท้จริง
จริงๆ Craftsmanship ไม่ได้จำกัดอยู่ที่งานออกแบบและศิลปะ แต่นักกีฬา นักบัลเลต์ นักมวย ก็มี Craftsmanship ได้เช่นกัน สิ่งต่างๆ นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน แต่เป็นทักษะที่ต้องได้รับการฝึกฝน ต้องเรียนรู้ ต่อยอดพัฒนา ต้องมีความตั้งใจจริง มีความมุ่งมั่น และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญ เวลาเราไปดูสิ่งที่สวยงามสักอย่างหนึ่ง ไปดูภาพบนผนังโบสถ์ ทั้งหมดไม่ได้เกิดภายในวันเดียว บางภาพใช้เวลาเป็นร้อยปีในดีเทลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงหรือสี เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าเรามีเกณฑ์อะไร คือเราไม่มีเกณฑ์อะไรชัดเจน แต่สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วเราเห็นถึงความตั้งใจ เห็นถึงทักษะ เห็นถึงชั่วโมงงานที่แฝงอยู่ในนั้น เป็นสิ่งที่พิสูจน์คุณค่าในตัวเอง นั่นคือ Craftsmanship
แล้วคำว่า Sophistication ล่ะ คุณมีมุมมองอย่างไรต่อคำนี้
Sophistication เป็นคำใหญ่เหมือนกันนะ จริงๆ คำนี้เป็นหนึ่งใน DNA ของ Asava ด้วย คือ Urban, Sophisticated, Realistic, Authentic และ Intelligent เป็น 5 คำที่เป็นไบเบิลการทำงานของดีไซเนอร์ Asava ทุกคน งานออกแบบทุกชนิดต้องมาพร้อมกับฟังก์ชัน งานดีไซน์ที่ดี ใช้งานได้จริง แต่สิ่งที่ต้องมีควบคู่กันคือรายละเอียด นั่นคือ Craftsmanship ที่ซ่อนอยู่ในดีไซน์และฟังก์ชันเหล่านั้น เมื่อคุณผนวกดีไซน์ ฟังก์ชัน และ Craftsmanship เข้าด้วยกัน สิ่งนั้นจะกลายเป็น Sophistication อย่างแท้จริง
ในยุคที่การออกแบบเน้นนวัตกรรม คุณมีวิธีการผสมผสาน Craftsmanship และ Sophistication เข้ากับสิ่งนี้อย่างไร
นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ในยุคนี้ ซึ่งเป็นโจทย์ที่นักออกแบบต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก เข้าใจนวัตกรรม เข้าใจไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทัศนคติของคนที่เปลี่ยนไปจากเดิม ในฐานะนักออกแบบเราต้องเข้าใจความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้น
นวัตกรรมมีอิทธิพลอย่างยิ่งกับลักษณะการใช้ชีวิตเรา แต่ในที่สุดแล้วความเป็นมนุษย์มีอะไรมากกว่านั้น สุดท้ายสิ่งที่จะนั่งอยู่ในใจเราคือสิ่งที่เราสัมผัสได้ด้วยหัวใจ และหน้าที่ของนักออกแบบคือการสอดแทรกและสร้างสรรค์อารมณ์ความรู้สึกนั้นเข้าไปในชิ้นงาน ทั้งความละเมียดละไม ความประณีต ความ Craftsmanship แน่นอนว่าเราคงปฏิเสธอิทธิพลของนวัตกรรมไม่ได้ เพราะนวัตกรรมช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมักง่ายได้
มีงานออกแบบชิ้นไหนที่คุณคิดว่าเป็นตัวแทนของคำว่า Craftsmanship และ Sophistication ได้ดีที่สุด
จริงๆ มีหลายชิ้นงานที่สะท้อนเรื่องราวตรงนี้ อะไรที่มีดีไซน์ก่อนกาลแล้วยังมีเหตุผลให้ดำรงอยู่ ทั้งยังรักษาคุณค่าและความสำคัญได้จนถึงทุกวันนี้ อย่าง ‘วัดพระแก้ว’ สถาปัตยกรรมใกล้ตัวเรา หรือพวก ‘ทฤษฎีการออกแบบของ Bauhaus’, ‘คำสอนของพระพุทธเจ้า’ แนวคิดต่างๆ ก็ใช่ สำหรับผมการออกแบบไม่ใช่วัตถุอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงคำสอน แนวคิด ที่มีคุณค่า มีเหตุผล มีความยั่งยืน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสิ่งต่างๆ ได้
สิ่งใดก็แล้วแต่ที่สร้างขึ้นจากแนวความคิดที่ชัดเจน ที่สำคัญมี Craftsmanship ซ่อนอยู่ มีความละเอียดลออที่สอดใส่และสอดแทรกเข้าไปในงานดีไซน์ และทำให้แนวคิดนั้นๆ สิ่งปลูกสร้างนั้นๆ สามารถมีคุณค่าและดำรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง วิธีคิดหรือกระบวนการทำงานแบบนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักออกแบบ