ผ่านไปอีกปีที่เต็มไปด้วยร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ใหม่ๆ ที่เปิดให้ตามไปเช็กอินกันไม่เว้นวัน จนบางทีเราเองก็อยากแยกร่างแวะไปชิมมันให้ครบเสียทุกที่ เพราะแต่ละร้านช่างน่าอร่อย น่าตื่นเต้น คนรักของกินอย่างเราจึงไม่อยากพลาดเลยสักคำเดียว
แล้วตลอดปีนี้จะมีร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่แห่งไหนที่ THE STANDARD LIFE ขอยกให้เป็น Best New ในดวงใจ จะมีร้านไหนที่พวกเราขอแนะนำเพราะอยากกลับไปกินซ้ำเองบ้าง และก็อยากชวนทุกคนไปกินด้วย รีบมาดูกันเลยดีกว่ากับ ‘36 ร้านอาหาร บาร์ และคาเฟ่ที่พวกเราชื่นชอบในปี 2023’
Midlife Crisis BKK
บาร์มู้ดดีที่มาพร้อมบรรยากาศชิลๆ ที่นี่เกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มเพื่อนที่อยากมีสถานที่ไว้แฮงเอาต์ พูดคุยตามภาษาเพื่อนสนิท บาร์นี้จึงมีความง่ายๆ เป็นกันเอง อาหารและเครื่องดื่มจะเน้นไปทางโมเดิร์นอิซากายะ ถ้าหากวันไหนใครอยากได้ร้านนั่งชิลไวบ์ดี ไม่ต้องมีพิธีรีตองเยอะ นี่คือบาร์ที่เหมาะกับวันนั้น
Midlife Crisis BKK อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 16 (ตรงข้ามสำนักกฎหมายธรรมสาส์น) เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 19.00-00.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: https://thestandard.co/life/midlife-crisis-bkk/
Den Kushi Flori
โอมากาเสะสไตล์ของเสียบไม้โดยสองเชฟชาวญี่ปุ่นฝีมือดี ซาอิยุ ฮาเซกาวะ เจ้าของร้าน 2 ดาวมิชลิน DEN และ ฮิโรยาสุ คาวาเตะ เจ้าของร้าน 2 ดาวมิชลิน Florilège
สำหรับสาขากรุงเทพฯ พวกเขาชวน เชฟซูซูมุ ชิมิสึ มาเป็นหัวหน้าทีม และนำเสนออาหารญี่ปุ่นกลิ่นอายไทยๆ พร้อมกับเมนูพิเศษที่มีเฉพาะสาขากรุงเทพฯ เท่านั้น เมนูเด็ดคือข้าวอบข้าวโพดในหม้อดิน เสิร์ฟคู่กับเนื้อวากิวเสียบไม้จุ่มซอสสุกี้ยากี้ และ ‘น้ำจิ้มแจ่ว’ ที่รสชาติเด็ดสุดๆ
Den Kushi Flori อยู่ที่ Erawan Bangkok ชั้น LG เปิดทุกวันพุธ-จันทร์ เวลา 12.00-14.30 น. และ 18.00-22.30 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/den-kushi-flori-bangkok/
INDDEE
ร้านอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่งแห่งใหม่ย่านหลังสวนที่เพิ่งได้รางวัลดาวมิชลิน 1 ดวงในปีนี้ ที่นี่น่าสนใจเพราะเชฟใช้แนวคิดแบบญี่ปุ่นเข้าไปผสม อาหารอินเดียสไตล์ INDDEE จึงรสไม่หนัก แปลกใหม่ นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ ที่สำคัญมาพร้อมไวน์แพริ่งฝีมือ เจย์-ธนากร บอทอร์ฟ ซอมเมอลิเยร์เจ้าของรางวัล MICHELIN Sommelier Award 2024 ด้วย
INDDEE อยู่ที่ซอยหลังสวน เปิดทุกวัน เวลา 17.30-23.30 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/inddee/
Nikaku Bangkok
โอมากาเสะจากเกาะคิวซูที่ปัจจุบันสืบทอดโดยเชฟรุ่นที่ 3 ของตระกูล สำหรับสาขากรุงเทพฯ ทีมเชฟตั้งใจนำวัตถุดิบต่างๆ มาจากเกาะคิวชูเลย เพื่อให้ทุกคนได้ลองลิ้มรสเนื้อปลาจากรอบๆ เกาะ เมนูในแต่ละวันจึงอาจต่างกันไปตามปลาที่ได้มา เสน่ห์ของร้านนี้คือการปรุงรสข้าวด้วยวิธีดั้งเดิม ทำให้ชิมแล้วมีความหวานจากธรรมชาติแบบไม่ต้องพึ่งน้ำตาล
Nikaku Bangkok อยู่ที่โรงแรม W Bangkok เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อังคาร เวลา 12.00-14.30 น. และ 17.30-22.30 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/nikaku-bangkok-omakase/
Nawa Thai Cuisine
ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งรางวัล MICHELIN Opening of the Year 2024 และได้รับ 1 ดาวมิชลินตั้งแต่ปีแรกของการเปิดร้าน ที่นี่นำโดย เชฟโจ-ณพล จันทรเกตุ และ เชฟซากิ โฮชิโนะ สองคู่รักผู้อยากผลักดันอาหารไทยไปพร้อมๆ กับการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น โดยร้านเน้นนำเสนอรสชาติอาหารสไตล์ภาคกลางแต่เต็มไปด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นจากทุกที่ในประเทศไทย
Nawa Thai Cuisine อยู่ที่โครงการ Park Lane เปิดทุกวันพุธ-จันทร์ เวลา 18.00-22.30 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/nawa-thai-cuisine/
Suki Masa Erawan Bangkok
ร้านสุกี้ยากี้สไตล์คันไซที่ขึ้นชื่อเรื่องเนื้อวากิวสุดๆ โดยร้านนี้คือสาขาใหม่แห่งที่ 4 มาพร้อมบรรยากาศของป่าไผ่อาราชิยามะ และมีเมนูใหม่อย่าง Suki Masa Yaki ยากินิกุสไตล์สุกี้ยากี้ที่แฟนๆ Suki Masa ต้องไม่อยากพลาด
Suki Masa Erawan Bangkok อยู่ที่ Erawan Bangkok ชั้น LG เปิดทุกวัน เวลา 11.00-20.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/suki-masa-erawan-bangkok/
4th Wall
บาร์ค็อกเทลคอนเซปต์ใหม่จากทีม Vesper ที่คราวนี้ตั้งใจมาเสิร์ฟคลาสสิกค็อกเทลโดยเฉพาะ ความพิเศษคือเมนูที่ไม่ซ้ำเดิมในแต่ละวัน เพราะร้านมีคลาสสิกค็อกเทลกว่า 500 สูตร ที่สำคัญบาร์นี้นำทีมโดย แมค สหรัฐ บาร์เทนเดอร์ผู้ชนะจากเวที World Class Thailand 2022
4th Wall อยู่ที่โรงแรม LUXX Langsuan ชั้น 2 เปิดทุกวัน เวลา 17.30-01.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/4th-wall-bkk-cocktail-bar
Sushi Saito
ร้านซูชิ 3 ดาวมิชลินจากโตเกียวที่มาเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเรียบง่ายและยิ่งใหญ่เหมือนกับซูชิที่เสิร์ฟ หากใครเป็นแฟนโอมากาเสะก็จะรู้ว่านี่คือร้านซูชิสไตล์เอโดะมาเอะที่ต้องลองสักครั้งในชีวิต โดย Sushi Saito เปิดอยู่ในโรงแรม Four Seasons ย่านเจริญกรุง และได้มีชื่ออยู่ในร้านแนะนำของ MICHELIN Guide ประเทศไทยไปเรียบร้อย
สำหรับสาขาประเทศไทยนำโดยเชฟมารุยามะ ผู้เคยประจำอยู่ที่ Sushi Saito สาขาออริจินัล ส่วนวัตถุดิบที่ร้านใช้จากตลาดปลาโทโยสุ ก่อนนำมาทำเป็นซูชิสไตล์เอโดะมาเอะที่เรียบง่าย ปรุงรสน้อย เพื่อชูรสชาติธรรมชาติของวัตถุดิบ
Sushi Saito Thailand อยู่ที่โรงแรม Four Seasons เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 12.00-14.00 น. และ 18.00-22.00 น.
Bottomless S33
ร้านกาแฟสเปเชียลตี้ที่คราวนี้มาเปิดสาขาใหม่ล่าสุดใจกลางเมือง พร้อมจะกลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ใจกลางพร้อมพงษ์ สำหรับ Bottomless สาขาสุขุมวิท 33 นอกจากจะโดดเด่นด้วยเมนูกาแฟแล้ว ร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มใหม่อย่าง Slushy ที่สามารถสั่งผสมกับกาแฟ หรือเพิ่มท็อปปิ้งเป็นเครื่องดื่มขนมก็ได้ด้วย
แล้วอย่าลืมเดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า เพราะเขามีจุดถ่ายรูปให้เช็กอินกันอีก
Bottomless S33 อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 33 เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. (วันศุกร์-อาทิตย์ ปิดเวลา 22.00 น.)
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/bottomless-s33/
Ayatana Cafe
คาเฟ่ชื่อดังจากชลบุรีที่มาเปิดบ้านหลังใหม่ในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก แถมยังอยู่ในตึกเก่าทรงคลาสสิกริมถนนเจริญกรุงด้วย เราชอบที่นี่เพราะมีดีทั้งบรรยากาศไปจนถึงรสชาติของเครื่องดื่มและขนม โดยร้านยกเมนูซิกเนเจอร์ทั้งหมดมาจากสาขาบางแสน และมีเมนูพิเศษสำหรับสาขาเจริญกรุงเท่านั้นด้วย
แต่สิ่งที่เราชอบที่สุดคือการที่ทุกคนจะได้เป็นผู้ให้ เพราะหากใครสั่งออร์เดอร์ที่ร้านนี้ คุณจะได้รับ 1 เหรียญกลับไป เพื่อเลือกว่าอยากบริจาคให้กับผู้ยากไร้ด้านไหน
Ayatana Cafe อยู่ที่ซอยเจริญกรุง 13 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/ayatana-charoenkrung/
Araksa Tea Room
ร้านน้ำชาออร์แกนิกจากเชียงใหม่ที่การันตีว่าออร์แกนิกจริงทุกขั้นตอน เพราะร้านมีไร่ของตัวเอง ดูแลเองตั้งแต่การปลูก การเก็บ ไปจนถึงขั้นตอนอื่นๆ ส่วนเมนูก็มีให้เลือกเยอะมาก ตั้งแต่ชา ขนม อาหาร ไปจนถึงค็อกเทลที่มีส่วนผสมของชาอยู่ด้วย ที่นี่จึงน่าแวะมาได้ทั้งวัน เหมาะกับใครที่อยากหาร้านนั่งจิบชาพักสมอง
Araksa Tea Room อยู่ที่ซอยเจริญกรุง 38 เปิดทุกวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/araksa-tea-room/
Onibus
ร้านกาแฟยอดฮิตจากกรุงโตเกียวที่มาเปิดสาขาแรกอยู่ในย่านประตูผี เอกลักษณ์ของกาแฟของร้านนี้คือเน้นเมล็ดคั่วอ่อน มีความคลีน ดื่มง่าย และที่สำคัญคือยังคงรสชาติและมาตรฐานตามสาขาต้นฉบับ
Onibus อยู่ที่ใต้โฮสเทล Once Again ซอยสำราญราษฎร์ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/onibus-coffee-bangkok/
Mini ミニ oriental speedbar
เชื่อว่าคนชอบดื่มชาทุกคนต้องรู้จัก แถมยังเป็นร้านชาน้องใหม่ที่เติบโตไวมาก เริ่มจากร้านสาขาแรกใน BACC สู่ร้านสาขาที่ 5 ในห้างเปิดใหม่ใจกลางพร้อมพงษ์ เราว่าเป็นเพราะ Mini ขายทุกเมนูราคาเดียว 65 บาท ส่วนเรื่องคุณภาพก็ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะเป็นร้านจากเครือเดียวกับร้านชา Peace
Mini ミニ oriental speedbar สาขาแรกเปิดอยู่ที่ BACC ชั้น 3 เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-19.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/mini-oriental-peace-teahouse/
THE SHOYU STAND
ร้านราเมนสไตล์ยาไตจากทีม No Name Noodle ที่นำโดยเชฟชิน อิโนะอุเอะ สำหรับร้านนี้มีราเมนให้เลือกเพียง 3 เมนู แต่ความพิเศษของทุกเมนูอยู่ตรงการใช้เส้นและอุณหภูมิเสิร์ฟที่แตกต่างกัน ทำให้เป็นอีกร้านราเมนที่สนุก น่าสนใจ หากใครเป็นแฟน No Name Noodle ต้องไม่พลาดอีกเช่นกัน
THE SHOYU STAND อยู่ที่ J Avenue ชั้น 2 เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-15.00 น. และ 17.00-20.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/the-shoyu-stand-ramen/
OCKEN
หลังจากหายหน้าไปนาน ตอนนี้ร้านอาหารแนวไฟน์-แคชวลไดนิ่งที่ทุกคนคิดถึงได้กลับมาเปิดให้บริการแล้ว แถมคราวนี้เชฟยังปล่อยเมนูใหม่ๆ น่าสนใจมาให้ชิมอีกเพียบ และที่สำคัญคือมีเครื่องดื่มให้นั่งชิลกันต่อได้ยาวๆ จนร้านปิดด้วย
OCKEN อยู่ที่ Bhiraj Tower ชั้น 1 เปิดทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/ocken-where-you-can-stay-all-night/
KHAAN
ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งแห่งใหม่ของเชฟอ้อม สุจิรา เจ้าของรางวัล MICHELIN Young Chef Award 2021 เชฟกลับมาพร้อมรสชาติอาหารไทยที่ลุ่มลึกแตกต่างจากที่อื่น และตั้งใจสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นที่ทำงานด้วยกันมานาน โดยเมนูเปิดประเดิมร้านตอนนี้เป็นอาหารไทย 11 คอร์ส นำเสนอวัตถุดิบไทยทั้ง 4 ภาค ทุกจานเต็มไปด้วยเรื่องเล่า ความสร้างสรรค์ และความจัดจ้านในสไตล์ของเชฟ
KHAAN อยู่ที่ซอยสมคิด เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-01.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/khaan
161 Crypt Bar
บาร์ค็อกเทลของคนเข้มๆ สไตล์ Gentlemen Club โดยบาร์นี้ซ่อนตัวอยู่ในห้องใต้ดินของร้านอาหารอิตาเลียน มาพร้อมบรรยากาศย้อนยุคไปในสมัย 1870 ทำให้ทั้งการตกแต่ง แนวเพลง รวมถึงคอนเซปต์ของค็อกเทลซิกเนเจอร์แต่ละแก้วมีความเฉพาะตัว ซับซ้อน และมีเรื่องเล่าให้นั่งฟัง
161 Cafeteria and Crypt อยู่ที่ซอยเอกมัย 10 เปิดทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: https://thestandard.co/161-crypt-bar/
BigMark Burger
คราฟต์เบอร์เกอร์ฝีมือคนไทยที่ต้องตามไปลองให้ได้ จุดเด่นของร้านนี้คือบันมันฝรั่งที่หน้าตาอาจดูไม่สวยเป๊ะเหมือนคนอื่น แต่เพราะแบบนี้แหละบันของร้านจึงนุ่มฉ่ำ เข้ากับเนื้อแพตตี้สไตล์สแมชเบอร์เกอร์สุดๆ
แถมยังมาพร้อมเมนูเบอร์เกอร์ที่คัสตอมได้ทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะเป็นสายเนื้อๆ เน้นๆ หรือสายอเมริกันคลาสสิกที่มีผักดอง
BigMark Burger อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 28 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.30 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/bigmark-burger-thai-craft-burger/
BIRDIES Bangkok
ร้านอาหารสไตล์ไฟน์แคชวลไดนิ่งที่มีเมนคอร์สคือ ‘ไก่ทอด’ ซึ่งความพิเศษของไก่ทอดร้านนี้ที่ทำเอาหลายต่อหลายคนบอกต่อก็คือเนื้อไก่ที่หมักจนกัดไปแล้วฉ่ำ เข้ากับรสชาติและซอสสูตรพิเศษของร้านที่มีให้เลือกหลายรส แน่นอนว่าถ้าใครกลัวไม่อิ่มก็ต้องสั่งเครื่องเคียงต่างๆ ด้วย และเชื่อเราได้เลยว่าสิ่งเหล่านั้นก็จะทำให้ประทับใจเช่นกัน
BIRDIES Bangkok อยู่ติดกับ BTS สถานีพร้อมพงษ์ ทางออก 3 เปิดทุกวันพุธ-จันทร์ เวลา 17.00-01.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/birdies-bangkok/
Shersanctuary
ร้านน้ำชาที่จะทำให้เราได้หลีกหนีจากความวุ่นวาย ที่นี่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 4 ของตึก Ground For เมื่อมาถึงทุกคนสามารถเลือกสั่งได้ทั้งชาจีน ชาญี่ปุ่น และชาเบลนด์พิเศษที่ร้านคิดขึ้นเอง โดยบางวันจะมีขนมเมนูพิเศษให้สั่งมาจับคู่กับชาด้วย ลองสอบถามร้านได้เลย
Shersanctuary อยู่ที่โครงการ Ground For ชั้น 4 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/shersanctuary-tea-bar/
Homeland Cafe & Grocer
คาเฟ่และร้านชำคอนเซปต์ดีในย่านทองหล่อ-สุขุมวิท ที่อยากสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น ในขณะเดียวกันก็มุ่งที่จะส่งมอบรสชาติอาหารดีๆ ด้วยการใช้วัตถุดิบคุณภาพดีที่รับมาจากเกษตรกร นำมาเปลี่ยนเป็นเมนูหน้าตาน่ากินให้กับลูกค้า ส่วนใครที่เป็นสายเข้าครัวทำอาหารกินเองก็สามารถแวะมาช้อปของสดเข้าบ้าน หรือจะแค่มาแวะจิบกาแฟคลายร้อนยามบ่ายก็ได้
Homeland Cafe & Grocer อยู่ที่ซอยทองหล่อ 13 เปิดทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 08.00-18.00 น. (วันศุกร์-อาทิตย์ ปิดเวลา 19.00 น.)
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/homeland-cafe-grocer/
SONG WAT COFFEE ROASTER
ร้านกาแฟย่านทรงวาดที่หากใครมาเดินเล่นบนถนนเส้นนี้ก็ต้องแวะ เมนูอันเลื่องชื่อคือ Very Very Dirty เดอร์ตี้ในสไตล์ของ SCR ที่ทำนมเย็นๆ ให้เป็นเกล็ดน้ำแข็ง ดื่มพร้อมกาแฟแล้วละมุนเข้ากันสุดๆ โดยไอเดียได้มาจากเมนูน้ำแข็งไสของ After You (เพราะเจ้าของ After You ก็เป็นหุ้นส่วนของร้าน) ทำให้กาแฟแก้วนี้ดื่มแล้วแปลกใหม่ดี
SONG WAT COFFEE ROASTER อยู่ที่ถนนทรงวาด (เยื้องกับโรงเรียนเผยอิง) เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/song-wat-coffee-roaster/
Zaozen
ร้านอาหารอีสานรสแซ่บคอนเซปต์ใหม่จาก Zao (ซาว) ที่คราวนี้เน้นเสิร์ฟเมนูเส้นๆ และทำเส้นสดกันตรงหน้าบาร์ โดยตัวเส้นจะมีให้เลือกหลายแบบ แต่ทีเด็ดคือ ‘เส้นหัวไก่โอก’ ที่เท็กซ์เจอร์หนึบหนับ ส่วนเมนูที่ห้ามพลาดคือ ‘ผัดหมี่พิมาย’ ที่ใช้เวลาทำเส้นนาน 15 ชั่วโมง
Zaozen อยู่ที่ EMSPHERE ชั้น G เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: instagram.com/thestandard.life/reel/C0x4SsNrTYm/
Kasnäs 2.0
ร้านอาหารเช้าสไตล์บริติช-นอร์ดิก โดยเชฟพุธ เกวลิน ผู้ไม่เคยปล่อยให้เมนูอาหารและคอนเซปต์ร้านหยุดนิ่ง ตอนนี้ร้านกลับมาใหม่ในเวอร์ชัน 2.0 พร้อมกับเมนูอาหารเช้าที่ควรสั่งอย่าง Breakfast Board มื้อเช้าที่ทุกคนเลือกเมนูทั้งหมดได้เอง เสิร์ฟมาพร้อมสีสันและรสชาติที่ต้องกลับไปกินซ้ำ
Kasnäs 2.0 อยู่ที่ถนนสาทรเหนือ เปิดทุกวันพุธ-จันทร์ เวลา 08.30-17.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: hestandard.co/life/kasnas-breakfast-restaurant/
Tonkatsu Koseki
คนรักของทอดต้องรีบพุ่งตัวมาให้ไว! เพราะทงคัตสึร้านนี้พิเศษกว่าใคร เนื่องจากร้านใช้เครื่องมือพิเศษช่วยให้อาหารทอดไม่อมน้ำมัน ทำให้ทุกชิ้นกรอบฟูตามสไตล์เกียวโต มาพร้อมซอสสูตรเฉพาะที่หาชิมที่อื่นไม่ได้แน่นอน เนื่องจากเจ้าของร้านนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น แถมโรงงานยังทำซอสสูตรนี้เพื่อร้าน Tonkatsu Koseki เท่านั้นด้วย
Tonkatsu Koseki อยู่ที่ตึก Neighbor 24 ชั้น 3 เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/tonkatsu-koseki/
Kenny’s
ร้านพิซซ่าเตาถ่านสไตล์เนเปิลส์ในย่านอารีย์ที่พร้อมเป็นร้านนั่งแฮงเอาต์ให้ชาวออฟฟิศผู้เลิกงานดึกด้วย โดยพิซซ่าของร้านนี้จะถูกใจคนชอบกินพิซซ่าสไตล์แป้งนุ่ม เหนียวหนึบ และหน้าแน่น ส่วนของกินเล่นอื่นๆ ก็มีให้เลือก เราว่าที่นี่ไวบ์ร้านแปลกใหม่ดี ไม่เหมือนร้านพิซซ่าหรือร้านอาหารอิตาเลียนแบบทั่วๆ ไป ให้อารมณ์เหมือนจุดนัดพบเพื่อนฝูงหลังเลิกงาน
Kenny’s อยู่ที่ซอยพหลโยธิน 5 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-03.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/kennys-bkk/
Bisou
แกสโตรบาร์ฝรั่งเศสที่มาพร้อมไวบ์ชิคๆ ชิลๆ เน้นมานั่งแฮงเอาต์สั่งอาหารจิบเครื่องดื่ม เพราะไวน์ที่นี่น่าสนใจหลายตัว มีห้องเก็บไวน์บนชั้น 2 ให้ทุกคนเดินเข้าไปชมและเลือกไวน์เองได้ สิ่งที่เราชอบอีกอย่างหนึ่งคือรสชาติอาหาร เพราะไม่ออกไปทางยุโรปมากเกินไป มีผสมกลิ่นอายเอเชียนิดๆ ทำให้กินง่าย กินสนุก เข้ากับเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเมนูห้ามพลาด ‘BFC’ ไก่ทอดซิกเนเจอร์ประจำร้าน
Bisou อยู่ที่ถนนหลังสวน เปิดทุกวันพุธ-จันทร์ เวลา 17.30-00.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/bisou-french-gastro-bar/
Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club
บรันช์และบาร์ซิตี้ป๊อปร่างใหม่ของ Oh! Vacoda ที่กลับมาอีกครั้งในไวบ์ญี่ปุ่นยุค 80 เน้นเสิร์ฟเครื่องดื่มที่ทำมาจากผลไม้ ส่วนเมนูอาหารและขนมยังคงไม่ละจากดีเอ็นเอของ Oh! Vacoda เพราะมีอะโวคาโดเป็นส่วนประกอบในแทบทุกเมนู ซึ่งนอกจากหน้าตาที่น่ารัก รสชาติก็ยังน่ากินอีกด้วย
Oh! Vacoda & The Fruit Bar Club อยู่ที่ซอยอารีย์สัมพันธ์ 4 เปิดทุกวันพุธ-จันทร์ เวลา 11.00-01.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/oh-vacoda-the-fruit-bar-club/
Casa Formosa
ร้านชาสไตล์ไต้หวันในย่านเยาวราชที่นำเสนอความเป็นไต้หวันออกมาตั้งแต่การตกแต่งร้าน เครื่องดื่ม ไปจนถึงเพลงที่เปิด ใบชาทั้งหมดของที่นี่นำเข้ามาจากไต้หวันเลย และเน้นชาอู่หลงพรีเมียมเป็นหลัก ถ้าหากใครเป็นสายจิบชาต้องแวะมาลอง
Casa Formosa อยู่ที่สำเพ็ง เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/casa-formosa-taiwanese-tea/
Katsura Bangkok Cutlet Bar
ร้านทงคัตสึพรีเมียมที่มาพร้อมเมนูเด็ดแนะนำคือ Truffle Cheese Minced Cutlet with Jumbo Prawn Set เมนูที่รวบรวมจานซิกเนเจอร์และจานขายดีที่สุดของร้านไว้ด้วยกัน ทีเด็ดคือกลิ่นหอมๆ ของทรัฟเฟิลและชีส กินคู่กับกุ้งลายเสือเนื้อเด้ง
Katsura Bangkok Cutlet Bar อยู่ที่ The Millennia Tower ชั้น 2 เปิดทุกวัน เวลา 11.30-15.00 น. และ 17.30-22.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/katsura-premium-quality/
251 by Bar Scofflaws
บาร์ไวน์ลับบนชั้น 2 ของ Bar Scofflaws ที่เปลี่ยนพื้นที่ชั้นบนนี้ให้เป็นบาร์แจ๊สย่านเอกมัยที่พร้อมจะเสิร์ฟทั้งไวน์และดนตรีแจ๊สสนุกๆ แถมยังมีค็อกเทลที่มาในคอนเซปต์ Bespoke ชงเครื่องดื่มตามใจลูกค้าอีกด้วย
251 by Bar Scofflaws อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 63 เปิดทุกวัน เวลา 19.00-02.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/251-by-bar-scofflaws/
Tripper Newroad
มิวสิกบาร์แห่งใหม่ที่จะทำให้ย่านตลาดน้อยคึกคัก มาจากผู้สร้างเดียวกับทีมบาร์ To More ที่โด่งดังเรื่องเพลงแจ๊ส เพราะฉะนั้นหากใครอยากจิบเครื่องดื่มและฟังดนตรีสดเจ๋งๆ ต้องแวะมาที่นี่ โดยบาร์มาในคอนเซปต์สถานีรถไฟ ค็อกเทลซิกเนเจอร์ 10 เมนูจึงดึงการเดินทางมาเป็นแรงบันดาลใจ แต่ละแก้วตั้งชื่อตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ และมีส่วนผสมที่บ่งบอกถึงเมืองนั้นๆ
Tripper Newroad อยู่ที่ตลาดน้อย ถนนเจริญกรุง เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.30-00.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/tripper-bar
Chin Bo Dang
ร้านหมูกระทะจากเครือ iberry ที่ตั้งใจยกระดับเมนูปิ้งย่างสไตล์ไทยๆ ให้กลายเป็นเมนูสร้างชื่อระดับประเทศ ทุกอย่างจึงมาในเลเวลพรีเมียมสมชื่อ ตั้งแต่วัตถุดิบที่คัดสรรมาอย่างดี กระทะทองแดงสั่งทำ เครื่องดูดควันที่เดินออกจากร้านแล้วแทบไม่มีกลิ่น และน้ำจิ้มที่มีให้ถึง 3 แบบ อ้อ! แล้วยังมีเมนูกินเล่นแซ่บๆ สไตล์อีสาน เช่น ยำ ตำ หรือผัด ที่รสชาติก็ควรลองไม่แพ้กันด้วยนะ
Chin Bo Dang อยู่ที่ EMQUARTIER ชั้น 6 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: thestandard.co/life/chin-bo-dang/
The Matcha Tokyo
คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะอันโด่งดังจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยแล้วที่ EMPORIUM และ EMSPHERE แต่สำหรับสาขาใน EMPORIUM จะจัดเต็มกว่า มีทั้งเคาน์เตอร์บาร์ชงชาสดๆ และโซนขายสินค้าให้คนรักมัทฉะซื้อกลับไปชงเองที่บ้านได้ แล้วยังมีไอศกรีม Matcha Soft Cream ที่ต้องลองอีก เป็นซอฟต์เสิร์ฟชาเขียวที่เคลือบด้วยเกล็ดน้ำตาลกรุบๆ
The Matcha Tokyo อยู่ที่ EMPORIUM ชั้น 1 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.
อ่านรีวิวเพิ่มเติม: instagram.com/reel/C0wLBnjLerc/?igsh=MzRlODBiNWFlZA==
Find The Photo Booth
ค็อกเทลบาร์ที่นักดื่มตัวจริงต้องรู้จักเป็นอย่างดี! หลังจากหายหน้าไปนานช่วงโควิด ตอนนี้ร้านกลับมาผงาดอีกครั้งในโลเคชันใหม่ย่านบรรทัดทอง แต่ยังคงคอนเซปต์บาร์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในตู้ถ่ายรูปเช่นเดิม ส่วนเครื่องดื่มก็ได้แรงบันดาลใจมาจากความสนุกของดนตรี จึงเกิดเป็นค็อกเทลซิกเนเจอร์ 7 แก้วที่ใช้ชื่อเรียกตามคอร์ดดนตรี
Find The Photo Booth อยู่ที่ถนนบรรทัดทอง เปิดทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 17.00-02.00 น. (วันอาทิตย์ ปิดเวลา 23.00 น.)
BAR US
บาร์มืดสลัวที่ดึงคอนเซปต์ห้องอาหารมาทวิสต์เป็นห้องดื่ม เสิร์ฟค็อกเทลที่ทำจากส่วนผสมสุดแปลกท้าทายสายชอบลอง เพราะมีวัตถุดิบอาหารคาวเป็นส่วนประกอบ ที่นี่จึงเหมาะสำหรับคนชอบค็อกเทลดีๆ ในมู้ดเท่ๆ แก้วที่ห้ามพลาดคือซิกเนเจอร์ดริงก์ที่มีส่วนผสมอย่างผักชีหรือน้ำปลา
BAR US อยู่ที่ซอยสุขุมวิท 26 เปิดทุกวันอังคาร-เสาร์ เวลา 18.00-00.00 น.