หลังจากที่ปี 2023 เป็นปีที่ผู้คนสนุกสนานกับชีวิตไร้กรอบ ได้ออกจากบ้านอย่างอิสระ ได้ดื่มด่ำกับประสบการณ์การท่องโลกแบบไร้ขอบเขต แวะเวียนไปยังแหล่งท่องเที่ยวเก่าๆ ที่เราคุ้นเคยเพื่อเยียวยาความโหยหาและคิดถึง
ในปี 2024 เทรนด์ท่องเที่ยวต่างๆ ในช่วงก่อนโควิดจะวนกลับมาอีกครั้ง ความเบื่อหน่ายต่อฝูงชน ความรวดเร็วของเทคโนโลยี ทำให้เราถามหาความเนิบช้าแต่เป็นเวอร์ชันที่ลึกซึ้งกว่า ซึ่งไปประจวบเหมาะกับเทรนด์รักษ์โลกและรักสุขภาพที่กำลังมาแรงกว่าเทรนด์ไหนๆ ผู้คนจะเริ่มมองหาทริปปลีกวิเวกเพื่อดูแลสุขภาพกายใจมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เริ่มมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิตมากกว่าแค่การไปดูไปเห็นแล้วจากลา
หน้าตาของโลกท่องเที่ยวปี 2024 จะเป็นเช่นไร รุ่งอรุณแห่งทศวรรษใหม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง นี่คือเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2024 ที่ THE STANDARD LIFE สรุปมาให้คุณ
1. การท่องเที่ยวแบบ ‘ยั่งยืน’ กลายเป็น Motto ของนักเดินทาง
การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนไม่ใช่เรื่องใหม่ และเป็นประเด็นที่เราพูดมาเสมอตั้งแต่ช่วงโควิด แต่ปีนี้นักเดินทางทั่วโลกจะยึดมั่น และให้ความสำคัญกับปัญหานี้จริงๆ เพราะพวกเราตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบโดยตรง ในปี 2024 นักเดินทางจะเริ่มสนใจวางแผนทริปเที่ยวด้วยพื้นฐานของความยั่งยืน พวกเขาจะเลือกจุดหมายปลายทางท้องถิ่นมากขึ้น เดินทางด้วยรถสาธารณะมากขึ้น การพกขวดน้ำและถุงช้อปปิ้งแบบใช้ซ้ำ และหันไปการจับจ่ายใช้สอยร้านค้าท้องถิ่นในจุดหมายปลายทางมากกว่าอุดหนุนธุรกิจนายทุนใหญ่
2. ท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์มาแน่ และมาแรงตลอดปี
การดูดาวเป็นวิธีการผ่อนคลายจิตใจของมนุษย์มาช้านาน และบางส่วนก็ถูกพัฒนาไปศาสตร์แห่งการทำนายหรือโหราศาสตร์ ยิ่งสังคมมนุษย์อยู่ในโลกเสมือนจริงมากเท่าไร มนุษย์เราย่อมมองหาโลกอีกด้านที่ปราศจากสิ่งเหล่านี้มากเท่านั้น การดูดาวจึงไม่ใช่แค่ชมปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ แต่เป็นการหายตัวเข้าสู่ดินแดนปราศจากมลภาวะและฝูงชน ได้อยู่กับธรรมชาติและตัวเอง
ในปี 2024 เราจะเห็นหลายโรงแรมและรีสอร์ตทั่วโลกหันมาโปรโมตกิจกรรมและพื้นที่สำหรับดูดาวมากขึ้น หลายแห่งผุดห้องแบบโดมแก้วเพื่อช่วยให้แขกสามารถนอนบนเตียงกว้างพร้อมดูดวงดาวได้พร้อมกัน ไม่เพียงเท่านั้น ทริปแบบดูดาวจะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง การเข้าป่าแคมปิ้งเพื่อดูดาว การเที่ยวหอดูดาวยามค่ำคืน หรือแม้แต่ศาสตร์ดูแลร่างกายแบบองค์รวมก็อาจบรรจุทรีตเมนต์อาบแสงดาวเข้าไปในหนึ่งศาสตร์แห่งการรักษาด้วย
3. ทริปหนีร้อนไปพึ่ง (อากาศ) เย็น เกิดขึ้นทุกมุมโลก
เราทุกคนต่างรู้ว่าโลกร้อน และร้อนมากขึ้นทุกปี ด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัดถึงขั้นทำลายสถิติในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้นักเดินทางทั่วโลกเริ่มมองหาจุดหมายปลายทางเพื่อหนีร้อนไปสู่พื้นที่เย็นกว่ามากกว่าปักหมุดเพราะเป็นทริปในฝัน ซึ่งเย็นกว่าในที่นี้ไม่ได้รวมแค่เดสติเนชันที่อากาศหนาวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นที่ที่อุณหภูมิเย็นปานกลาง หรือกิจกรรมที่ทำแล้วเย็นด้วย เช่น การเที่ยวทะเลแบบเกาะส่วนตัว กิจกรรมดำน้ำ โดย Virtuoso บริษัทที่ปรึกษาด้านการท่องเที่ยวจากแคลิฟอร์เนียเผยว่า 82% ของลูกค้ากำลังพิจารณาจุดหมายปลายทางที่มีสภาพอากาศปานกลางมากขึ้นในปี 2024 โดยมีจุดหมายยอดนิยมเป็นไอซ์แลนด์ ฟินแลนด์ และสกอตแลนด์ ฯลฯ
4. การนอนหลับยังอยู่ในสปอตไลต์
โลกดิจิทัลทำให้มนุษย์นอนหลับยากขึ้น การแสวงหาการนอนที่ดีจึงกลายเป็นประเด็นหลักที่นักเดินทางยังคงให้ความใส่ใจ เตียงนอนสบายไหม? มีเมนูหมอนให้เลือกสรรหรือเปล่า หรือถ้ารายใดเป็น Wellness Retreat ก็อาจดูลึกถึงว่ามีโปรแกรมบำบัดเพื่อการนอนหรือไม่ อย่างไรก็ดี Sleep Tourism เป็นเทรนด์ที่ก่อตัวอย่างเงียบๆ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่าน และปีนี้ยังคงอยู่ในสปอตไลต์ของนักเดินทางอย่างต่อเนื่อง ปี 2024 เราจะเห็นหลายโรงแรม ทั้งมิดสเกลไปจนถึงอัลตราลักชัวรีให้ความสำคัญกับเครื่องนอนมากขึ้น และอาจถึงขั้นมี Sleep Concierge ผุดขึ้นในหลายโรงแรม รวมถึงทรีตเมนต์พิเศษที่ช่วยให้เกิดการนอนหลับอย่างมีคุณภาพในชีวิตประจำวัน
5. รีสอร์ตคือจุดหมายปลายทางเพื่อ ‘อายุยืน’
ตั้งแต่เกิดโรคระบาด มนุษย์ให้ความสนใจกับสุขภาพตัวเองและหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพในทุกระดับ คำว่า ‘อายุยืน’ (Longevity) กลายเป็นคีย์เวิร์ดและเทรนด์สุขภาพมาแรงในปีนี้ ดูได้จากหนังสือขายดีอย่าง Outlive และสารคดียอดนิยมของ Netflix ชุดล่าสุด Live to 100: Secrets of the Blue Zones
ในปี 2024 มนุษย์กล้าลองอะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น เราเต็มใจก้าวไปไกลกว่าการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย และเปิดรับการบำบัดทางชีวภาพที่ฟังดูเป็นแนวไซไฟ เช่น การบำบัดด้วยโอโซน การบำบัดด้วยเครื่องทำความเย็น หรือบำบัดห้องออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง ฯลฯ และฐานการบำบัดเหล่านั้นจะเกิดขึ้นในโรงแรมและรีสอร์ต Wellness Resort จะกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นในการพักผ่อน และรีสอร์ตใหม่ๆ ก็หันมาเอาดีด้านเวลเนส ซึ่งมีแบรนด์ดังหลายแบรนด์ตอบรับเทรนด์นี้แล้ว เช่น Six Senses Ibiza, Four Seasons Resort Maui, Hotel Hanalei Bay และอีกหลายแห่งทั่วโลก
6. AI กลายเป็นเพื่อนสนิทยามท่องเที่ยว
ในปี 2023 ChatGPT ทำลายสถิติในฐานะแอปสำหรับผู้บริโภคที่เติบโตเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา นักเดินทางหลายคนเริ่มใช้แชตบอต AI เพื่อหาแรงบันดาลใจว่าพวกเขาจะไปไหนได้บ้าง ทว่าในปี 2024 AI จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวแบบเข้มข้น เริ่มตั้งแต่แพลตฟอร์มการจองที่ผสานแชตบอต AI เข้ากับประสบการณ์ผู้ใช้ หรือผู้เล่นหน้าใหม่ที่กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันและฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น Samsung วางแผนที่จะเปิดตัวฟีเจอร์แปลสด ให้เราสามารถพูดคุยแบบเรียลไทม์โดยไม่มีกำแพงภาษามาขวางกั้น นึกภาพคนต่างถิ่นต่างภาษาแต่สามารถคุยโทรศัพท์กันได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ล่ามแปล หรือ Humane AI Pin เข็มกลัดติดหน้าอก พลัง AI ที่ช่วยทุกเรื่องของคุณ ทั้งตอบคำถาม ถ่ายภาพ แปลภาษา เล่นเพลง เขียนข้อความ และโทรศัพท์
7. การเดินทางแบบข้ามเจเนอเรชันได้รับความนิยม
ต้องขอบคุณโควิดที่ทำให้เราหันมาใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเห็นทริปแบบครอบครัวเกิดขึ้นในวันพักผ่อนหรือวันหยุด เช่น คุณพ่อคุณแม่จูงมือลูกๆ มาเที่ยวทะเลหรือสวนสัตว์ บางทีก็แวะไปยังสวนสนุกหรือเล่นยังสวนสาธารณะ แต่ในปี 2024 ทริปแบบข้ามเจนจะได้รับความนิยม ทริปแบบครอบครัวจะไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวระหว่างพ่อแม่กับลูกๆ เท่านั้น แต่จะเป็นการเดินทาง ‘ข้ามเจน’ ของปู่ย่าตายายกับหลานๆ ที่อยากใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นหลังผ่านวิกฤตโควิด ประกอบกับโลกกำลังก้าวสู่ยุคของผู้สูงอายุที่อายุยืนมากขึ้น และยังกระตือรือร้นออกไปผจญภัยเปิดรับประสบการณ์ใหม่ไม่ต่างกับวัยรุ่น
8. คนท่องเที่ยว ‘ด้านวัฒนธรรม’ มากขึ้น
ในรายงานแนวโน้มการท่องเที่ยวประจำปี 2024 ของ Skyscanner ระบุว่า ‘การสำรวจวัฒนธรรม’ จะมากขึ้นกว่าเดิม นักเดินทางจัดทริปการเดินทางโดยมีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ตนเองสนใจเป็นหลัก เช่น การออกไปคอนเสิร์ตหรือพบศิลปินโปรด การเดินทางเพื่อชิมไวน์หรือชิมเหล้าที่ตนสนใจ หรือทัวร์กินตามรอยร้านดังประจำถิ่น เพื่อเติมเต็มความชอบและประสบการณ์ส่วนตัว ที่จริงเทรนด์นี้ไม่ใช่เทรนด์ใหม่ แต่จะเป็นเทรนด์ที่เราเห็นได้ชัดขึ้นจากนักเดินทางทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าในปีนี้
9. ทริปสถานที่ ‘แปลก’ เพื่อค้นหาตัวเอง
ความยุ่งเหยิงทางสังคมและการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็วของเทคโนโลยีทำให้ผู้คนเริ่มถามหาความเนิบช้าและตัวตนของตนเองอีกครั้ง เราเป็นใคร ชอบอะไร และมีจุดยืนอย่างไร นักเดินทางรุ่นเยาว์และวัยเปลี่ยนผ่านจะมองหาประสบการณ์การเดินทางแปลกใหม่ให้แก่ตนเอง การเดินทางอันยากลำบากในสถานที่ไม่คุ้นเคยจะได้รับความนิยม กิจกรรมใหม่ๆ ที่ท้าทายขีดความสามารถ การแคมปิ้ง (ในพื้นที่ห่างไกล) และเดินป่าระยะยาว จะถูกพิจารณาเป็นทริปแห่งปี
10. รถไฟกลับมานิยม และกลายเป็นปลายทางด้านอาหารแห่งใหม่
ในประเทศไทยเราอาจไม่รู้สึก แต่หลายประเทศทั่วโลก การเดินทางโดยรถไฟกำลังได้รับความนิยมอีกครั้ง ตั้งแต่นักเดินทางแบบประหยัดไปจนถึงนักเดินทางแบบหรูหรา ในปี 2024 มีเส้นทางรถไฟฟ้าหรูหราเปิดให้บริการมากกว่าปีไหนๆ ไม่ว่าจะเป็น Eastern & Oriental Express ที่หยุดชั่วคราวก่อนหน้าจะกลับมาให้บริการอย่างยิ่งใหญ่ La Dolce Vita ของ Accor พร้อมห้องสวีทใหม่ ที่ออกแบบโดย Dimorestudio หรือเส้นทางใหม่ของ Railbookers แพลตฟอร์มวางแผนเที่ยวรถไฟ ที่ปล่อยแพ็กเกจเส้นทางเที่ยวรอบโลกด้วยรถไฟหรู 80 วัน ข้าม 4 ทวีป และ 13 ประเทศ
นอกจากการเที่ยวด้วยรถไฟจะกลับมา บรรดาสถานีต่างๆ หลายแห่งทั่วโลกถูกปรับปรุงใหม่และพัฒนาให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหาร มีร้านดังร้านอร่อยมาจับจองเพียบ เช่น Moynihan Train Hall ที่นิวยอร์ก, Glasgow Central Station ของกลาสโกว์
ภาพ: Shutterstock, Belmon Hotel
อ้างอิง: