จุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้จักกับกราโนลาหรือธัญพืชอบกรอบ เกิดจากเทรนด์การรักษาสุขภาพที่เข้ามาในเมืองไทยช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และทำให้ Diamond Grains กราโนลาเจ้าแรกในไทยประสบความสำเร็จ เราจึงอยากชวนไปพูดคุยกับสองผู้ก่อตั้งอย่าง อูน-ชนิสรา โททอง และ แพ็ค-วุฒิกานต์ วงศ์ดีประสิทธิ์ คู่รักนักคิดที่ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน แต่เชื่อมั่นในสินค้าและพัฒนาจนประสบความสำเร็จ และเปลี่ยนความคิดของเราว่าอาหารเพื่อสุขภาพก็อร่อยได้
DO NOT FEAR, ONLY BELIEVE
อูน: เราเป็นเด็กธรรมดาที่อยากมีกิจการเป็นของตัวเอง เราชอบอาหารด้วยกันทั้งคู่ แต่ก็รู้ว่าอาศัยความชอบอย่างเดียวคงไม่พอ ก็เลยลองศึกษาเทรนด์ต่างประเทศ ทำให้เรารู้ว่าเทรนด์สุขภาพกำลังมา แล้วในเมืองไทยก็ยังมีผู้เล่นอยู่น้อย ขนมสุขภาพที่เรานึกถึงส่วนใหญ่คือจะมีรสชาติที่ไม่อร่อย เรามองเห็นช่องว่างตรงนี้ ก็เลยคิดว่าน่าจะลองทำดู
แพ็ค: ขนมหรืออาหารสุขภาพที่เราคิดทำจะต้องไม่มีส่วนผสมของแป้ง นี่คือไอเดียหลักมาโดยตลอด ตอนที่คิดจะทำก็ไม่มีความกลัวอะไรเลย เพราะเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ลองทำธุรกิจมาก่อน อูนทำงานเล็กๆ น้อยๆ ส่วนเราก็เล่นหุ้น พอยังไม่เคยมีใครทำธุรกิจมาก่อน เราก็เลยไม่รู้สึกกลัว
KNOW-HOW IS POWER
อูน: หลังจากคิดแล้วว่าจะทำอะไร เราก็ทดลองทำขนมเองในครัวที่บ้าน จุดเริ่มต้นเกิดจากเตาเล็กๆ แล้วก็เอาขนมมาให้เพื่อนๆ กิน ทดลองไปเรื่อยๆ เกือบ 3 ปีจนหาสูตรกราโนลาแบบปัจจุบันได้ เลยได้ผลิตภัณฑ์ออกมาเป็นกราโนลาซีเรียลธัญพืช ก็เหมือนกับซีเรียลอาหารเช้า แต่ไม่ใส่แป้งและน้ำตาล ที่ใช้เวลาในการพัฒนาสินค้านานมากก็เพราะเราทดลองทำหลายอย่างมาก พอได้สินค้าอย่างหนึ่งก็ทำออกมาขาย ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เราก็พัฒนาสินค้าใหม่ๆ เรื่อยๆ การคิดค้นสินค้าออกมาแต่ละอย่างมันทำให้เรารู้ know-how
บางอย่างเพื่อที่จะเอาไปพัฒนาเป็นสินค้าต่อๆ ไปได้ การทดลองผิดถูกทั้งหลายที่ผ่านมาทำให้เราได้กราโนลาแบบปัจจุบัน
WIN THE CUSTOMER’S HEART
อูน: รู้สึกว่าทุกประสบการณ์ที่เราได้รับมันเป็นเรื่องจริง เราต้องลองพลาด ลองผิดหวังจริงๆ ถึงจะเข้าใจ การเรียนคอร์สต่างๆ ทั้งหลายไม่ได้สอนให้เรารู้จักกับความกลัวหรือความผิดหวังที่แท้จริงเลย การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงจะทำให้เราเข้าใจลูกค้ามากขึ้น มีความรู้สึกหวงแหนลูกค้า หรือมีความรักในตัวลูกค้ามากขึ้น เพราะเรารู้แล้วว่าการได้ลูกค้ามาสักคนไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่ว่าลูกค้าคือพระเจ้านะ แต่เขาเป็นผู้มีพระคุณจริงๆ
แพ็ค: แผนการเราง่ายมาก คือเอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจใส่ทุกคนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ร้านค้า พนักงานที่ทำงานด้วย ลูกค้าทุกคน ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้น เราก็จะช่วยกันแก้ แล้วทุกอย่างมันก็จะผ่านไปด้วยดี ยิ่งเฉพาะลูกค้า เราต้องยิ่งเอาใจใส่ เวลาที่เขาอยากจะถามอะไรเพิ่มเติม เราก็จะมีทีมงานที่คอยให้ความรู้ หรือตอบคำถาม ไม่ได้ให้ความรู้ด้านสินค้าอย่างเดียวนะ แต่ไว้คุยเล่นก็ได้ บางทีมีอะไรก็มาระบายให้น้องๆ ในทีมฟัง
COMPETITOR IS A CHANCE
อูน: การมีคู่แข่งเป็นเรื่องปกติเลย ไม่ว่าจะทำธุรกิจแบบไหน แบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ๆ คือถ้าขายได้ มันก็มีคู่แข่งหมด แต่สุดท้ายแล้วเราไม่ได้เป็นคู่แข่งใครเลยนอกจากตัวเอง คือเราเชื่อว่าลูกค้าควรจะมีสิทธิเลือก ถ้าคู่แข่งทำสินค้าได้ดี ลูกค้าก็มีสิทธิเลือกเจ้าอื่น แต่ถ้าเราทำได้ดี ลูกค้าก็จะเลือกเรา สุดท้ายมันคือการทำสินค้าของตัวเองให้ดี ทำบริการของตัวเองให้ดี
แพ็ค: เวลาที่มีคู่แข่งเข้ามาในตลาด เขาไม่ได้แย่งยอดขายจากเรา แต่คู่แข่งจะเข้ามาขยายภาพรวมของตลาด พอลูกค้ามีทางเลือก เขาก็อาจจะไม่เบื่อสินค้าของเรา เช่น ถ้าลูกค้าเลือกเราได้เจ้าเดียว วันหนึ่งเขาอาจจะเบื่อแล้วก็หยุดกินสินค้าประเภทนั้นๆ ไปเลย แต่ถ้ามีหลายตัวเลือก ลูกค้าก็อาจจะเลือกบริโภคต่างแบรนด์กันไป แต่เขาก็ยังกินอยู่ สุดท้ายถ้าสินค้าเราดี ลูกค้าก็อาจจะเลือกเราเจ้าเดียวไปเลย อย่างสภาพทุกวันนี้ แม้จะมีคู่แข่ง ยอดขายของเราก็ไม่ได้ตกเลยนะ
Do’s
“ไม่ว่าธุรกิจที่ทำจะเล็กหรือใหญ่ ตราบใดที่อยู่ในตำแหน่งที่มีความสุขและสบายใจ นั่นก็เป็นปัจจัยที่จะทำให้สิ่งที่ทำประสบความสำเร็จแล้ว” วุฒิกานต์ วงศ์ดีประสิทธิ์
Don’ts
“อย่าทำในสิ่งที่จะถูกมองว่าเลียนแบบคนอื่นเพราะสุดท้ายแล้วลูกค้าก็จะเบื่อ หรือทำให้แบรนด์นั้นๆ พูดอะไรก็ลำบากไปหมด” ชนิสรา โททอง
“ถ้าเรายังมองปัญหาเป็นปัญหา แล้วมานั่งกังวล เราก็ไม่ควรที่จะทำธุรกิจ เพราะการทำธุรกิจคือการแก้ปัญหา”
– ชนิสรา โททอง
