×

โคตาคินาบาลู เมืองนอกสายตาที่ตอบโจทย์ทั้งขาลุยและสายชิล

04.10.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ปัจจุบันเมืองโคตาคิตาบาลูไปง่ายขึ้นเพียง 3 ชั่วโมงนิดๆ จากกรุงเทพฯ มีกิจกรรมผจญภัยหลากหลาย นอกจากการพิชิตยอดเขาสูง ไม่ว่าจะเป็น Canopy Treetop Walk ที่ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวความสูง การเดินป่าภายในอุทยานแห่งชาติ Kinabalu National Park และล่องแก่ง White Water Rafting ในแม่น้ำคาดามายัน
  • สิ่งที่ขาดไม่ได้ของการมาเยือนเมืองชายฝั่งคือ กิจกรรมทางน้ำที่อุทยานทางทะเลทุนกูอับดุลราห์มัน (Tunku Abdul Rahman Marine Park) มีทั้งดําน้ำตื้น ดูปะการังใต้น้ำใสที่มีความอุดมสมบูรณ์ ชมความงามใต้ท้องทะเลด้วย Seawalking ปิดท้ายด้วยการโหนสลิงซิปไลน์ Coral Flyer ระหว่างเกาะ
  • ตามล่ากราฟฟิตี้กลางเมืองและ Cafe Hopping บนถนน Jalan Dewan ที่ถือเป็นย่านฮิปสเตอร์แห่งเมือง มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่ และจุดเก็บภาพกราฟฟิตี้เจ๋งๆ  

โคตาคินาบาลู (Kota Kinabalu หรือ KK) เป็นเมืองนอกสายตา แต่อาจคุ้นหูนักเดินทางหลายคน และคงเป็นเมืองปลายทางในฝันของคนมากมายที่หลงรักการพิชิตยอดเขาสูง เนื่องจากเมืองนี้เป็นบ้านของภูเขาคินาบาลูเจ้าของสถิติความสูง 4,095 เมตร 

 

การเดินทางครั้งนี้ THE STANDARD ขอชวนไปทำความรู้จักด้านอื่นๆ ของเมืองหลวงของรัฐซาบาห์ เกาะบอร์เนียวเหนือ ประเทศมาเลเซีย ว่าไม่ได้มีดีแต่ยอดเขาที่รอคอยให้เราไปพิชิตเท่านั้น การท่องเที่ยวไม่ว่าจะสายผจญภัย สายภูเขา หรือทะเล รวมทั้งสายชิลเน้นความสบาย สามารถร่วมแก๊งเดินไป ‘โคตาคินาบาลู’ ที่ตอบโจทย์การเดินทางได้ทุกคน

 

ทำความรู้จัก ‘โคตาคินาบาลู’ แห่งมาเลเซียตะวันออก

ถ้าพูดถึงประเทศมาเลเซีย ทุกคนจะนึกถึงเมืองหลักๆ ที่อยู่ทางใต้ของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ปีนัง หรือกัวลาลัมเปอร์ แต่ยังมีอีกหนึ่งเมืองหลักที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกบนเกาะบอร์เนียว ซึ่งเกาะนี้เองยังเป็นที่ตั้งของประเทศบรูไนและอินโดนีเซีย

 

เมืองโคตาคินาบาลูเป็นเมืองชายฝั่งสำคัญ มีสนามบินประจำเมืองซึ่งปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ ทำให้การเดินทางสั้นลงเหลือเพียง 3 ชั่วโมงนิดๆ นอกจากการท่องเที่ยวทางทะเล สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะเป็นภูเขาคินาบาลู ภูเขาหินแกรนิตสีเทาเข้มใจกลางป่าฝนเขตร้อน ที่เชื้อเชิญให้ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาพิชิตยอดสูง ที่ต้องใช้เวลาปีนเขา 2 วัน 1 คืน

 

 

สบตากับ ‘คินาบาลู’ ผู้ยิ่งใหญ่

แม้ว่าเป้าหมายการเดินทางครั้งนี้จะไม่ใช่การพิชิต Low’s Peak Summit ของภูเขาคินาบาลูที่มีความสูงถึง 4,095 เมตร (เนื่องจากภูเขานี้ถือว่าเป็น ‘ภูเขาใหม่’ ทำให้ตัวเลขมีการเปลี่ยนแปลงตลอด เพราะยอดเขาสูงขึ้นทุกปี) ซึ่งสูงกว่าภูกระดึงประมาณ 3 เท่า และยังมีความสูงกว่าฟูจิซัง (3,776 เมตร) อีกด้วย แต่คือการชื่นชมความงามของภูผาหินแกรนิตด้วยความยิ่งใหญ่ของภูเขาคินาบาลู ทำให้เราสามารถบันทึกภาพประทับใจได้หลายมุม ทั้งยังมีกิจกรรมผจญภัยหลากหลายสำหรับสายลุย ไม่ว่าจะเป็น Canopy Treetop Walk ที่ไม่เหมาะสำหรับคนกลัวความสูง การเดินป่าภายในอุทยานแห่งชาติ Kinabalu National Park ซึ่งมีให้เลือกหลายเส้นทางตามระดับความยากและเวลา และล่องแก่ง White Water Rafting ในแม่น้ำคาดามายัน ซึ่งระหว่างทางสามารถเห็นวิวของภูเขาได้

 

 

หนึ่งในมุมถ่ายรูปยอดฮิตและสถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดเมื่อนั่งรถมาสบตากับยอดขุนเขาคินาบาลูคือ ฟาร์มโคนม Desa Dairy Farm หนึ่งในฟาร์มโคนมสองแห่งในเมือง ที่นี่สามารถผลิตนมได้ปริมาณเก้าแสนลิตรต่อปี ซึ่งเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศเท่านั้น ถือเป็นโอกาสดีที่เราจะแวะซื้อนมสดและไอศกรีมเป็นของฝาก ข้อแนะนำคือควรเดินทางมาช่วงเช้าๆ เพราะยิ่งสายก็อาจจะไม่ได้เห็นยอดเขา แถมช่วงวันเสาร์-อาทิตย์จะมีครอบครัวนักท่องเที่ยวเดินทางมาสถานที่แห่งนี้กันอย่างอบอุ่น (และเนืองแน่น)  

 

 

ร่างกายต้องการทะเล น้ำใส ‘เดินใต้น้ำ’ เพียง 15 นาทีจากฝั่ง

สิ่งที่ขาดไม่ได้ของการมาเยือนเมืองชายฝั่งคือ กิจกรรมทางน้ำที่อุทยานทางทะเลทุนกูอับดุลราห์มัน (Tunku Abdul Rahman Marine Park) ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งเพียง 15 นาที เริ่มจากกิจกรรม ดําน้ำตื้น ดูปะการังใต้น้ำใสที่มีความอุดมสมบูรณ์ หรือใครที่มีปัญหาทางสายตา เช่น ต้องใส่แว่นสายตา หรือเด็กเล็กก็สามารถชมความงามใต้ท้องทะเลด้วย Seawalking และปิดท้ายกิจกรรมแอดเวนเจอร์ด้วยการโหนสลิงซิปไลน์ Coral Flyer ระหว่างเกาะ

 

 

สายชิลล Cafe Hopping พร้อมตามล่ากราฟฟิตี้กลางเมือง

หลังแอดเวนเจอร์กันมามากแล้วก็ต้องพักร่างกาย เดินชิลในเมืองโคตาคินาบาลู นอกเหนือจากกิจกรรมช้อปปิ้ง (ตอนนี้มาเลเซียเลิกเก็บภาษี GST 6% แล้ว) สิ่งที่พลาดไม่ได้คือCafe Hopping ซึ่งเส้นทางแนะนำได้แก่ ถนน Jalan Dewan ที่ถือเป็นย่านฮิปสเตอร์แห่งเมือง เนื่องจากอยู่ใกล้ย่านโฮสเทลของเหล่าแบ็กแพ็กเกอร์ต่างชาติและสถานศึกษา จากอดีตที่เคยเป็น Campsite ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่มีชื่อเรียกว่า ‘Australia Place’ นอกจากร้านอาหารและคาเฟ่แล้ว ถนนเส้นนี้ยังเป็นแหล่งโรงพิมพ์สำคัญ แม้ปัจจุบันจะเหลือเปิดทำการเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น

 

 

ร้านแรกที่ควรมีอยู่ในลิสต์ได้แก่ ร้านหัวมุมถนนสีฟ้าโดดเด่น Biru Biru Cafe & Bar (เปิดทุกวัน 8.00-23.00 น.) ที่มีเมนูเด็ดอย่างวาฟเฟิลท็อปปิ้งด้วยไอศกรีมมะพร้าว

 

 

ก่อนเดินเท้าสำรวจ ศิลปะกราฟฟิตี้ ที่ซ่อนตัวบนกำแพงรอบเมือง ควรมีเครื่องดื่มเย็นๆ ติดไม้ติดมือไปสักหน่อย ลองเลือกจากคาเฟ่ที่มีให้เลือกหลากหลาย เพราะเราจะใช้สองขาของเรานี่แหละในการเดินลัดเลาะชมเมือง โดยเริ่มจากซากตึกเก่าตั้งแต่สมัยอาณานิคม ที่สามารถหาพิกัดได้ในแผนที่ในชื่อ Street Art Grafitti Gallery ซึ่งอยู่ตรงข้ามห้าง Suria Sabah

 

 

แต่สำหรับใครที่ยังอยากแอดเวนเจอร์ในเมืองต่อก็สามารถเดินขึ้นเขาไปที่จุดชมวิวในมุมสูงอย่างไม่เสียเงินได้ที่ Signal Hill Observatory Tower ห้ามพลาดแวะถ่ายรูปกับหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองนั่นก็คือ Kota Kinabalu City Mosque หรือมัสยิดกลางน้ำที่สวยงามและมีขนาดใหญ่ที่สุดของโคตาคินาบาลู สามารถจุคนได้มากถึง 12,000 คน หากถ่ายรูปด้านนอกอาคารจะไม่มีค่าใช้จ่าย แต่หากอยากได้ภาพระดับโคลสอัปต้องยอมจ่ายเงินเล็กน้อย

 

 

ก่อนดวงอาทิตย์จะโบกมือลาลับขอบฟ้าลงสู่มหาสมุทร อย่าลืมจองโต๊ะที่ Sunset Bar ภายใน Shangri-La’s Tanjung Aru Resort and Spa ซึ่งติดอันดับบาร์ที่มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกสวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง แม้ไม่ใช่แขกของรีสอร์ตก็มาได้ แต่อาจต้องโทรเช็กคิวล่วงหน้า หรือจะเลือกไปล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกไปกับ North Borneo Sunset Cruise พร้อมรับประทานอาหารค่ำ ไม่ว่าจะเลือกชอยส์ไหนก็การันตีภาพสวยๆ พร้อมติด #goldenhour ลงโซเชียลได้เลย

 

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

FYI
  • สายการบินแอร์เอเชีย เปิดเส้นทางบินตรง กรุงเทพฯ (ดอนเมือง) ถึง โคตาคินาบาลู 3 เที่ยวบินไปกลับต่อสัปดาห์ (วันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันเสาร์) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง
  • ในปัจจุบัน เที่ยวบินนี้เป็นเที่ยวบินเดียวที่ให้บริการบินตรงในเส้นทางนี้ และถือเป็นเส้นทางแรกที่แอร์เอเชียให้บริการระหว่างไทยและมาเลเซียฝั่งตะวันออก
  • คุณสามารถจองที่นั่งหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.airasia.com
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising