ถึงจะเคยถูกปรามาสว่าเป็นแค่ถ้วย ‘Mickey Mouse Cup’ ที่ไม่มีทีมใหญ่ใส่ใจเหลียวแลมาก่อน แต่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลลีกคัพ หรือ ‘คาราบาวคัพ’ ประจำปี 2022 คือการพบกันเองของ 2 สโมสรยักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่ไม่คิดจะมีใครยอมใครแน่นอน
ฝั่งหนึ่งคือแชมป์ยุโรปและแชมป์สโมสรโลกหมาดๆ อย่างเชลซี ขณะที่อีกฟากคือทีมที่กำลังทำผลงานร้อนแรงที่สุดในเวลานี้ และเป็นทีมเดียวในอังกฤษที่มีลุ้นครบ 4 แชมป์ และทั้งสองทีมต่างมีนายใหญ่เป็นสุดยอดกุนซือชาวเยอรมนีเหมือนกัน
ก่อนที่จะรู้ว่าฝั่งใดจะได้รับถ้วยแชมป์จากมือของ ยืนยง โอภากุล กรรมการบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เรามาเช็กความพร้อมของทั้งสองฝ่ายกันก่อน
ลูกากูหรือฮาเวิร์ตซ์ โชตาจะมาไหม?
ข่าวดีสำหรับเชลซีคือการกลับมาของ มาเตโอ โควาซิช, ฮาคิม ซิเยค และ รีซ เจมส์ ที่สามารถกลับมาลงฝึกซ้อมได้ก่อนถึงเกมนัดชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ ซึ่งจะเป็นการกลับมาเข้าชิงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีของเชลซี และเป็นโอกาสในการลุ้นคว้าแชมป์รายการนี้อีกครั้งหลังจากที่ได้ครั้งสุดท้ายในปี 2015
การกลับมาของตัวเลือกเหล่านี้ทำให้ โธมัส ทูเคิล เบาใจขึ้นเยอะ โดยเฉพาะรายของโควาซิช ที่เป็นห้องเครื่องคนสำคัญของทีมที่มีโอกาสลงจับคู่ได้ทั้งกับ เอ็นโกโล ก็องเต ยอดมิดฟิลด์ที่ชื่นชอบการเล่นในเกมใหญ่ หรือ จอร์จินโญ วาทยากรลูกหนังที่ควบคุมจังหวะการเล่นของทีมได้ดี ขณะที่ซิเยคเองก็ถือเป็นอีกคนที่ทำผลงานได้ดีในช่วงที่ผ่านมา
ขณะที่ตำแหน่งอื่นๆ เกปา อาร์ริซาบาลากา ยังมีความหวังจะได้ลงเฝ้าเสาตัวจริงในนัดนี้หลังจากทำหน้าที่ได้ดีมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่มีการการันตีจากทูเคิลก็ตาม แต่คำถามสำคัญที่สุดที่หลายคนอยากรู้คือ ในแดนหน้าจะเป็น โรเมลู ลูกากู ที่ฟอร์มตกอย่างหนักหรือ ไค ฮาเวิร์ตซ์ ที่ทำผลงานได้ดีในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
ขณะที่ลิเวอร์พูลอยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์ยกเว้นในแดนหน้าที่ต้องรอลุ้นว่า ดีโอโก โชตา จะหายกลับมาลงสนามได้ทันหรือไม่ โดยรายของ โรแบร์โต เฟียร์มิโน ไม่สามารถหายกลับมาทันในเกมนี้ไปแล้วหนึ่งราย หากไม่สามารถลงสนามได้จะเป็น ซาดิโอ มาเน ที่ทำหน้าที่แทนร่วมกับ หลุยส์ ดิอาซ และ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์
สำหรับตำแหน่งผู้รักษาประตู เจอร์เกน คล็อปป์ ยืนยันจะให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายทวารดาวรุ่งชาวไอร์แลนด์ลงเฝ้าเสาในเกมนี้แทนที่อลิสซง เนื่องจากเป็นคนที่ลงทำหน้าที่ในรายการนี้มาตลอดทุกนัด
จุดยุทธศาสตร์ของเกม
เชลซีและลิเวอร์พูลถือเป็นสองทีมที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันอย่างมาก และการพบกันใน 2 นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกก็จบลงด้วยการเสมอกันทั้งสองนัด
แชมป์ยุโรปและแชมป์โลกเมื่อพบกับลิเวอร์พูลจะเน้นการแพ็กเกมให้แน่นและตอบโต้ด้วยจังหวะสวนกลับที่รวดเร็ว ซึ่งนักเตะอย่าง เมสัน เมาท์ หรือ คริสเตียน พูลิซิช จะมีประโยชน์อย่างมาก แต่การจะตรึงกำลังต้านทีมของคล็อปป์คนที่มีความสำคัญมากและสำคัญเสมอมาคือก็องเต ที่เป็น ‘เดอะ แบก’ ของทีมไม่ว่าจะเป็นเกมรับหรือเกมรุก
ดังนั้นจุดที่หากลิเวอร์พูลต้องโฟกัสหากอยากจะเอาชนะเชลซีให้ได้คือแดนกลาง ซึ่งคาดว่าเกมนี้จะมี ฟาบินโญ, ติอาโก อัลกันตารา และกัปตันทีม จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ลงประจำการ ถ้าหากสามารถทำได้เหนือกว่าก็องเตและโควาซิชหรือจอร์จินโญแล้ว ทีมจะมีโอกาสมากขึ้นกับการได้แชมป์รายการนี้ครั้งแรกในรอบ 10 ปี
ขณะที่ตัวริมเส้นน้องใหม่อย่างดิอาซ น่าจับตามองเช่นกัน เพราะเป็นผู้เล่นที่มีความเร็วจัดจ้าน ไปกับบอลได้ดี และมีความกล้าที่จะท้าดวลกับแนวรับ ซึ่งน่าจะสร้างความปวดหัวเพิ่มให้กับแนวรับของเชลซีไม่น้อย
เพียงแต่หากเชลซีสามารถต้านทานเกมรุกได้ และสามารถหาช่องเจาะแนวรับที่ยืนสูงของลิเวอร์พูลได้ ซึ่งมีหลายทีมทำให้เห็นมาแล้วว่ามีช่องโหว่ที่สามารถจะเล่นงานได้ โอกาสที่พวกเขาจะได้แชมป์รายการนี้เช่นกัน
อ้างอิง:
- https://global.espn.com/football/english-carabao-cup/story/4601876/chelsea-vs-liverpool-carabao-cup-final-preview-key-playerstactical-battlespredictions
- https://www.bbc.com/sport/football/60515103
- https://liverpooloffside.sbnation.com/2022/2/26/22951725/carabao-cup-final-chelsea-vs-liverpool-2022-game-preview-team-news-injuries-predicted-lineups
- https://www.skysports.com/football/news/11095/12549757/carabao-cup-final-stats-analysis-for-chelsea-vs-liverpool-live-on-sky-sports-this-sunday
- ถ้าลิเวอร์พูลชนะนี่จะเป็นแชมป์รายการที่ 66 ของพวกเขา และจะเท่ากับจำนวนแชมป์ของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่เคลมว่าเป็นทีมของอังกฤษที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด (ไม่นับถ้วยยุโรป)
- การเข้าชิงครั้งนี้ของเชลซี เป็นการเข้าชิงฟุตบอลถ้วยในประเทศเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน (เอฟเอคัพ 2017, 2018, 2020, 2021 ลีกคัพ 2019, 2022) และแน่นอนไม่เคยมีทีมใดทำได้มาก่อน
- ในการเข้าชิงเมื่อปี 2019 เกปาสร้างชื่อเสียง (?) ด้วยการไม่ยอมเปลี่ยนตัวออกตามที่ เมาริซิโอ ซาร์รี โค้ชของทีมสั่ง
- ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วผู้จัดการทีมของทั้งสองสโมสรจะต้องใส่ชุดสูทในการทำหน้าที่ในนัดชิงฟุตบอลถ้วย แต่คล็อปป์บอกเป็นนัยว่าวันนี้จะไม่ยอมใส่ชุดสูทในสนาม