×
SCB Omnibus Fund 2024

จับตาต่ออายุ ‘พาวเวลล์’ ตำแหน่งประธาน Fed กูรูชี้จุดอ่อนใจดีเกิน เพิกเฉยต่อการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์

10.09.2021
  • LOADING...
Jerome Powell

เชียร์ลา แบร์ (Sheila Bair) หนึ่งในเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านการกำกับดูแลทางการเงินของสหรัฐฯ และเป็นเพียงไม่กี่คนที่ออกมาเตือนก่อนเกิดวิกฤตซับไพรม์ ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยระบุว่า พาวเวลล์ใจดีเกินไป คือไม่มีการบังคับใช้กฎระเบียบอย่างเข้มงวดกับภาคธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะรายใหญ่อย่างเข้มงวดจริงจัง ทำให้ระบบการเงินของสหรัฐฯ ในขณะนี้ตกอยู่ในความเสี่ยง

 

ทั้งนี้ แบร์แสดงความเห็นระหว่างการให้สัมภาษณ์กับทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า กฎระเบียบส่วนใหญ่ของ Fed ในขณะนี้ล้วนจัดทำขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตการเงินซ้ำรอยเดิมในปี 2008 แต่ทว่าการกำกับดูแลของ Fed กลับอ่อนลงมากนับตั้งแต่ที่ เจเน็ต เยลเลน ก้าวลงจากตำแหน่ง

 

นอกจากนี้แบร์ยังมองว่า พาวเวลล์ค่อนข้างหละหลวมกับการกำกับดูแลธนาคารในประเด็นความเสี่ยงภาวะโลกร้อน ก่อนเรียกร้องให้พาวเวลล์พิจารณาปรับโครงสร้างของธนาคารให้มีความพร้อมต่อการรับมือกับความเสียหายที่เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งหมายรวมถึงการทำ Stress Test

 

ความคิดเห็นของแบร์ในครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ต้องพิจารณาต่ออายุงานของพาวเวลล์ต่ออีก 4 ปี โดยพาวเวลล์จะครบวาระดำรงตำแหน่งประธาน Fed ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งทำเนียบขาวเผยว่า ประธานาธิบดีไบเดนกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครที่เหมาะสม

 

ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นยังได้เผยแพร่รายงานรวบรวมความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลายสำนัก หลังธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลก นำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ออกมาส่งสัญญาณที่ชัดเจนในการลดจำนวนการซื้อคืนพันธบัตรในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

 

โดยความเห็นของนักวิเคราะห์เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจมากกว่ากำหนดเวลาที่ธนาคารกลางแต่ละแห่งจะเริ่มลด QE ก็คือ ขนาดและความเร็ว (Size and Speed) ของแผน และรายละเอียดของการดำเนินการที่จะส่งผลต่อทิศทางนโยบายการเงินของประเทศนั้นๆ ในระยะยาว

 

ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของธนาคารกลางออสเตรเลียที่ประกาศลดการซื้อคืนพันธบัตรรายสัปดาห์จาก 5,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียมาอยู่ที่ 4,000 ล้านออสเตรเลีย ยาวไปจนถึงปีกุมภาพันธ์ปีหน้า แสดงให้เห็นว่า ธนาคารกลางยังคงเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจต่อ เพียงแต่กระตุ้นน้อยลงเท่านั้น และรอดูสถานการณ์โควิดก่อน

 

ในส่วนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) นักวิเคราะห์มองว่า ประเด็นสำคัญมากกว่าการลดจำนวนซื้อคืนพันธบัตรก็คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการสิ้นสุดมาตรการ QE อย่างถาวร ซึ่งส่วนใหญ่มองว่า ทั้ง Fed และ ECB น่าจะเลิก QE ได้ภายในช่วงกลางปี 2022 โดยมีตัวแปรสำคัญอยู่ที่สถานการณ์โควิด, อัตราเงินเฟ้อ และการฟื้นตัวของตลาดงาน

 

รายงานระบุว่า การที่ธนาคารกลางยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ทำให้นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ต่างตัดสินใจชะลอการลงทุน หรือใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีท โดยนอกจากจะรอความชัดเจนจากการประชุม Fed ในวันที่ 22 กันยายนนี้แล้ว นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวจากทางสภาคองเกรสที่จะต้องพิจารณาเรื่องปรับขนาดเพดานหนี้อีกครั้ง

 

อ้างอิง:

 


 

เตรียมพบกับฟอรัมที่ผู้บริหารต้องดูก่อนวางแผนกลยุทธ์ปีหน้า! The Secret Sauce Strategy Forum คัมภีร์กลยุทธ์ฝ่าวิกฤตปี 2022


📌
เฟรมเวิร์กกลยุทธ์ใช้ได้จริง
📌
ฉากทัศน์เศรษฐกิจไทยโลก
📌
เทรนด์ผู้บริโภคการตลาด
📌
เคสจริงจากผู้บริหาร

 

ซื้อบัตรได้แล้วที่ www.zipeventapp.com/e/the-secret-sauce

 

#TheSecretSauceStrategyForum2022

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising