สำนักข่าว AP ออกรายงานพิเศษรวบรวมความเห็นของนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสำนักเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สองต่อไปอีก 4 ปีจะต้องเผชิญ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ภาระงานของพาวเวลล์ในสมัยที่สองนี้จะแตกต่างจาก 4 ปีแรกอย่างสิ้นเชิง เหตุเพราะมีความซับซ้อนกว่ามาก กล่าวคือ ในขณะที่ 4 ปีแรกจะเน้นไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มการจ้างงาน รวมถึงดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น เวลา 4 ปีนับจากนี้ พาวเวลล์ต้องหาทางจัดการไม่ให้เงินเฟ้อสูงเกินไป ในขณะเดียวกันก็ต้องจัดการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นจากวิกฤตโควิดได้อย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า ตามปกติแล้วเงินเฟ้อจะสูง เพราะเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป และธนาคารกลางมักจะลดความร้อนแรงด้วยมาตรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อไม่ให้เงินเฟ้อพุ่ง ซึ่งทำให้ลดการกู้ยืมและการใช้จ่ายลง แต่เพราะสถานการณ์นับจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงต้องการแรงกระตุ้นจากภาครัฐ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเพราะปัญหาซัพพลาย จึงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและระมัดระวังมากกว่าเดิม
ภายใต้นโยบายกระตุ้นด้วยร่างกฎหมายโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่หลายฝ่ายมองว่าเสี่ยงทำให้เงินเฟ้อพุ่ง งานนี้พาวเวลล์ในฐานะประธาน Fed จึงต้องงัดทักษะและชั้นเชิงหลายด้านออกมาใช้ ซึ่งอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่นักวิเคราะห์หวังตรงกันว่า อย่างน้อยก็ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เกิดภาวะ Soft Landing ที่เงินเฟ้อไม่พุ่งสูงเกินไป และมาตรการจัดการเงินเฟ้อที่นำมาใช้ไม่เสี่ยงฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ต้องเข้าสู่ภาวะถดถอยนั่นเอง
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP