Jamie Dimon ซีอีโอของธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา JPMorgan Chase ออกมาเตือนว่า ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือนข้างหน้า พร้อมเรียกร้องให้สหรัฐฯ เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันและก๊าซเพื่อบรรเทาวิกฤตพลังงานโลก
Dimon ระบุว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคของสหรัฐฯ ในปัจจุบันจะยังดูดีกว่าเมื่อเทียบกับในช่วงวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 แต่เขามองเห็นปัจจัยเสี่ยงในอนาคตหลายประการที่จะทำให้เกิดภาวะถดถอยขึ้นในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง, การปรับขึ้นดอกเบี้ยที่แรงกว่าคาด, ผลกระทบจากการดูดกลับสภาพคล่องผ่านมาตรการ QT และสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เศรษฐกิจโลก กำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่มี 7 ปัจจัย ที่รอบนี้แตกต่างจากวิกฤตการเงินปี 2008
- เปิด 5 สัญญาณอันตรายเศรษฐกิจ บ่งชี้โลกเสี่ยงเผชิญภาวะถดถอย
- นักเศรษฐศาสตร์ฟันธง เงินเฟ้อ ทั่วโลกผ่านจุดพีค แต่จะไม่กลับไปต่ำเท่ากับช่วงก่อนโควิด
“ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นความเสี่ยงสำคัญที่จะทำให้สหรัฐฯ และโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือนจากปัจจุบัน โดยตอนนี้ยุโรปได้เข้าสู่ภาวะถดถอยไปแล้ว” Dimon กล่าว
ซีอีโอชื่อดังระบุว่า เขายังไม่สามารถประเมินได้ว่าภาวะถดถอยของสหรัฐฯ จะลากยาวเพียงใด โดยมีความเป็นไปได้ที่รูปแบบของการถดถอยจะเกิดเพียงระยะสั้นและไม่รุนแรง ไปจนถึงค่อนข้างรุนแรงและกินเวลานาน แต่สิ่งที่เขามั่นใจว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนคือความผันผวนของตลาด
“เราคงต้องหวังให้การต่อสู้เงินเฟ้อของ Fed ประสบความสำเร็จโดยที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงไม่มากนัก ซึ่งมีความเป็นไปได้เช่นกัน” Dimon กล่าว
นอกจากนี้ Dimon ยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ เดินหน้าผลิตน้ำมันและก๊าซเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาวิกฤตพลังงานโลก หลังหลายประเทศในยุโรปต้องเผชิญกับปัญหาความมั่นคงทางพลังงาน
“สหรัฐฯ จำเป็นต้องเล่นบทผู้นำในเรื่องนี้ เราเป็นผู้ผลิตน้ำมันที่สำคัญต่อตลาดมากกว่าซาอุดีอาระเบีย เราควรต้องเริ่มผลิตให้มากขึ้นตั้งแต่สงครามเริ่มเกิดในเดือนมีนาคมแล้ว” Dimon ระบุ
Dimon กล่าวอีกว่า ในมุมมองของเขา โลกยังจำเป็นต้องผลิตน้ำมันและก๊าซมากขึ้นเพื่อลดปริมาณการใช้ถ่านหินลง ก่อนที่จะสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานสีเขียวที่ยั่งยืนได้ในระยะยาว
อ้างอิง: