เวลาใครรบกวนหรือออกคำสั่งว่า “ช่วยหยิบแก้วไวน์ให้หน่อย” เรามักจะมีความกังวลเกิดขึ้นเสมอ
“สำหรับไวน์ชีราซนะ”
เมื่อระบุประเภทไวน์ ความยากจะเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว แถมความกังวลก็เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นความแตกต่างของแก้วไวน์ เริ่มตั้งแต่ระดับฉงนงุนงงกับขนาดแก้วเล็ก แก้วใหญ่ มาถึงระดับลนลานที่ต้องเลือกระหว่างแก้วทรงสูง ทรงเตี้ย หรือถึงขั้นสติแตกกับการชั่งใจระหว่างแก้วปากกว้างกับแก้วปากแคบ จนหลายครั้งหวาดกลัวว่าจะหยิบผิดหยิบถูก ทำตัวไม่ถูกไปหมด
แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปในบัดดล เพราะ THE STANDARD รวมพื้นฐานการเลือกและลักษณะของแก้วไวน์แบบเบสิกๆ มาให้ เพราะแก้วไวน์บนชั้นทั้งที่บ้านและที่ซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นมีสารพัดไซส์ให้หยิบจับมาใช้งาน แต่จะเลือกใบไหนให้ถูกต้องตามการใช้งานและประเภทของไวน์ ไม่ใช่แค่รินใส่แก้วแล้วจบกัน เพราะแก้วบางใบยังช่วยส่งเสริมให้คุณได้รับรสชาติที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
แก้ว ก้าน และฐาน
แก้วไวน์แบ่งออกง่ายๆ เป็น 3 ส่วนที่คุณควรรู้จักไว้ เพราะมันช่างง่ายดายต่อการจดจำ นั่นคือแก้ว ก้าน และฐาน และส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือตัวแก้วที่มีขนาดและรูปทรงหลากหลาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การที่คุณจะรินไวน์เสิร์ฟสักแก้ว ต้องจำไว้เสมอว่าปริมาณที่เหมาะสมที่สุดคือไม่เกิน 2 ใน 3 ของความจุแก้ว หรือเล็งหาจุดที่กว้างที่สุดของเส้นรอบวงแก้วแล้วรินลงไป เหตุผลช่างง่ายดาย ก็เพื่อเหลือที่ว่างไว้ให้เครื่องดื่มนั้นหายใจเอารสและกลิ่นออกมาอย่างสมบูรณ์ที่สุด และเมื่อคุณจับก้านและหมุนวนไวน์อย่างเบามือเพื่อให้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของไวน์แต่ละประเภทออกมามากขึ้น การรินไวน์ในปริมาณดังกล่าวก็จะไม่ทำให้เสื้อตัวโปรดของคุณเปรอะเปื้อนจากการหกเลอะเทอะขณะหมุนและชนแก้วอีกด้วย!
แก้วสำหรับไวน์มีฟอง
ไวน์มีฟองฟู่อย่างสปาร์กลิงไวน์และแชมเปญ ครั้นจะเสิร์ฟมาในแก้วปากกว้าง รินหนึ่งครั้ง ความซ่าหายไป 50% แล้วมันจะอร่อยได้อย่างไร?!
สำหรับแชมเปญ ใครๆ ก็คุ้นกันอยู่แล้วว่าแก้วของมันหน้าตาเป็นอย่างไร กับแก้วทรงสูงเรียวตรง มีความโค้งมนเพียงนิดเดียวบริเวณโคนแก้ว มากับก้านจับที่ยาว ให้คุณได้ถืออย่างมีจริต เรียกได้ว่าเป็นความมีระดับของบรรดาแก้วทั้งหลาย แต่จริงๆ แล้วชื่อแก้วประเภทนี้เรียกง่ายๆ ว่า ‘Flute’ ซึ่งช่วยกักเก็บฟองฟู่และรสชาติของไวน์ได้เป็นอย่างดี
ส่วนสปาร์กลิงไวน์ ลองเลือกแก้วไวน์ที่ใกล้เคียงกับแก้วแชมเปญมาใช้ดู เพราะไวน์ทั้งสองประเภทนี้ต้องการผู้ช่วยกักเก็บฟองอันเปรียบเสมือนพระเอกให้คงอยู่จนหยดสุดท้ายที่คุณดื่ม
แก้วสำหรับไวน์ขาว
คุณสามารถมองเห็นความแตกต่างระหว่างแก้วไวน์ขาวและไวน์แดงได้อย่างง่ายๆ เพราะแก้วสำหรับไวน์ขาวมักมีรูปร่างเกือบจะคล้ายตัว U อาจผอมเพรียวหรืออวบอ้วนก็ได้ แต่ลักษณะของมันจะต้องก้นหนา ปากแคบ นั่นก็เพราะมันจำเป็นสำหรับการกักไม่ให้รสชาติ อุณหภูมิ และกลิ่นระเหยไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งปริมาณการรินไวน์ขาวในแก้วไม่ควรเกิน 2 ใน 3 ส่วนของแก้วเท่านั้น
อีกความโดดเด่นของแก้วไวน์ขาวคือก้านแก้วที่มีขนาดยาว นั่นก็เพื่อให้คุณจับก้านดื่มอย่างถนัดมือ หลีกเลี่ยงการที่อุณหภูมิบนมือของคุณจะไปสัมผัสกับตัวแก้ว เพราะจะทำให้ไวน์นั้นคลายความเย็นเร็วเกินไป
แก้วที่เหมาะกับไวน์ขาวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือแก้วสำหรับไวน์ขาวแบบ full-bodied และ light-bodied ซึ่งไวน์อย่างชาร์ดอนเนย์ที่เป็นไวน์ขาวมวลหนัก มักจะรินเสิร์ฟในแก้วที่ปากค่อนข้างกว้าง ตัวแก้วเรียวโค้งมนคล้ายๆ กับแก้วสำหรับปิโนต์ นัวร์ แต่ก้านจะยาวกว่า นั่นก็เพื่อดึงกลิ่นหอมให้เดินทางออกมาได้อย่างเต็มที่
ส่วนไวน์แบบมวลเบาอย่างรีสลิง สิ่งที่เหมาะกับไวน์ประเภทนี้ก็คือแก้วทรงสูง เรียว ปากแคบ ความโค้งของแก้วจะขับดันให้ความหอมของไวน์มาเริงระบำกันอยู่บริเวณปากแก้วอย่างพอดิบพอดี ทั้งยังรักษาอุณหภูมิให้อยู่ได้อย่างยาวนานจากลักษณะก้านแก้วที่ยาวระดับหนึ่ง
แก้วสำหรับไวน์แดง
ต้องทำความเข้าใจเสียก่อนว่าไวน์แดงนั้นเข้มข้นด้วยความฝาดและเปรี้ยวในบางประเภท ดังนั้นการที่ไวน์แดงถูกเสิร์ฟในแก้วที่ปากกว้างๆ นั้น บ้างก็เพื่อให้รสชาติที่เข้มข้นของมันอ่อนนุ่มลง หรือบ้างก็เพื่อให้มันได้ออกมาส่งกลิ่นเย้ายวนคุณได้เต็มที่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประเภทของไวน์ด้วย
เริ่มต้นง่ายๆ จากไวน์ที่เข้มข้นด้วยความขมและรสชาติหนักๆ มีปริมาณแอลกฮอลล์สูงๆ อย่างชีราซ, ซินแฟนเดล หรือมาลเบค ควรเสิร์ฟมาในแก้วไวน์แดงที่ปากค่อนข้างแคบ ทรงเล็ก คล้ายๆ กับที่แม่นางเซอร์ซีใน Game of Thrones ชอบถือดื่มนั่นแหละ ซึ่งนั่นก็เพื่อรักษาระดับแอลกอฮอล์ไม่ให้เถลไถลออกนอกแก้วไปเสียหมดก่อนจะได้ลิ้มรสของมัน
ส่วนไวน์อย่างคาเบอร์เนต์ หรือเมอร์โลต์ ควรจะให้มันนอนสวยๆ ในแก้วปากกว้างและมีทรงสูง ซึ่งปากกว้างของแก้วจะช่วยให้ออกซิเจนเข้าถึงตัวไวน์ได้อย่างทั่วถึง ขับกลิ่นหอมทรงพลังของมันไปพร้อมๆ กับรสชาติขณะที่คุณยกแก้วดื่ม และปากที่กว้างยังจะช่วยให้ไวน์ลื่นปากได้อย่างนุ่มนวล เสริมให้รสชาติคงอยู่ตั้งแต่ริมฝีปากไปจนถึงหลังลิ้น
ไวน์แดงเบาๆ อย่างปิโนต์ นัวร์ ควรจะเสิร์ฟลงในแก้วไวน์ที่ปากกว้าง แต่รูปทรงสั้น และมีก้านสั้นกว่าแก้วสำหรับไวน์คาเบอร์เนต์ ช่วงกว้างของแก้วนั้นอวบอ้วน ก่อนจะค่อยๆ เรียวลงไปถึงปากแก้ว นั่นก็เพื่อให้รสชาติและกลิ่นของปิโนต์ นัวร์ ขับไปถึงจมูกของคุณได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
แก้วไวน์ไม่ได้เป็นเพียงการเลือกตามใจของผู้ดื่มเท่านั้น แต่แก้วของไวน์แต่ละประเภทเกิดมาคู่กันราวกับดาวพระศุกร์และคุณภาคย์ ด้วยลักษณะทางกายภาพที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมรสชาติตามธรรมชาติของไวน์แต่ละประเภท
ใส่ใจรายละเอียดสักนิดเพื่อให้ได้ความสุขในการดื่มที่มากขึ้น ว่าแต่แก้วใส่ไวน์ชีราซที่ให้หยิบนี่หน้าตาเป็นยังไงนะ…
ภาพประกอบ: Pichamon Wannasan
อ้างอิง: