เคยสงสัยไหม เวลาที่คนในร้านไวน์ถามว่า มองหาไวน์ ‘บอดี้’ (Body) แบบไหนครับ/คะ เขาหมายถึงอะไร เขาหมายถึงทรงขวดสะโอดสะองราวหุ่นคิม คาร์ดาเชียน หรือไร หรือเกี่ยวอะไรกับร่างกายของเรา แล้วมีไวน์ตัวไหนที่เป็น ‘Nobody’ กับเขาบ้างไหม? อะไรคือไวน์บอดี้?!
หลังจากหาคำตอบอยู่นาน และหลายคนก็ให้คำตอบที่ดูจะคล้าย แต่แตกต่างกันไป บ้างก็ว่าคือน้ำหนักของน้ำไวน์ที่อยู่ในปาก (แล้วปากฉันจะหนักอึ้งเวลาดื่มอย่างนั้นหรือ) กูรูไวน์อีกคนบอกว่าคือความเข้มข้นของน้ำไวน์ ยิ่งรสจัดยิ่งดี คำตอบชวนฉงนเหล่านี้ทำให้ผู้เขียนจิบไวน์เพื่อหาคำตอบเองจนมึนไปแล้วตื่นมาก็ยังมึนไม่หายมาหลายครั้ง และสุดท้ายเราก็ค้นพบคำตอบที่เข้าใจง่ายที่สุดดังนี้
บอดี้ที่ไม่เกี่ยวกับเรือนร่าง
ตามคำอธิบายจากคลาสสอนเรื่องไวน์เบื้องต้นกับ ‘ลีอา’ ลีอาปา ออซัวส์ไกเตะ (Liepa Olsauskaite) ไวน์แอมบาสเดอร์สาวแห่ง Pernod Ricard บริษัทนำเข้าเครื่องดื่มจากฝรั่งเศส เธอได้อธิบายถึง ‘บอดี้’ ของไวน์ไว้ดังนี้
“บอดี้ คือความรู้สึกถึงความหนักของไวน์ที่อยู่ในปากหลังจากดื่มไวน์เข้าไป”
หรือว่าง่ายๆ คือรสชาติเข้มข้นของไวน์ที่อยู่ในปาก รสสัมผัสที่เข้มข้นหรือ ‘หนืด’ นั่นเอง โดยหากคิดไม่ออก ให้นึกถึงเครื่องดื่มที่มี ‘บอดี้’ แตกต่างกันอย่างน้ำ น้ำส้ม และน้ำผึ้ง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีความข้นที่ต่างกันอย่างชัดเจน หรือนึกถึงนมก็ได้ ซึ่งนมจืดไร้มันจะมีความเจือจางสูงคล้ายกับน้ำ นมจืดธรรมดาจะข้นขึ้นมาหน่อย และครีมที่ให้รสสัมผัสที่ข้นหนืด เป็นต้น ซึ่งไวน์แต่ละชนิดก็มีความเข้มข้นแตกต่างกันออกไป โดยสามารถอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้
บอดี้ของไวน์บอกอะไรได้
บอดี้ของไวน์สามารถบ่งบอกถึงแอลกอฮอล์ในไวน์นั้นๆ นั่นคือ ยิ่งมีแอลกอฮอล์ในน้ำไวน์สูง ยิ่งมีบอดี้ที่หนัก หรือที่เรียกๆ กันว่า ‘ฟูลบอดี้’ (Full Body) ในขณะที่ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ไม่แรงนักจะเรียกว่า ‘ไลต์บอดี้’ (Light Body) และไวน์ที่ยิ่งมีแอลกอฮอล์สูง ยิ่งมีน้ำตาลในไวน์สูงตามไปด้วย และนี่คือคำอธิบายประเภทของบอดี้ไวน์ ซึ่งมี 3 ชนิดด้วยกันคือ ฟูลบอดี้, มีเดียมบอดี้ (Medium Body) และไลต์บอดี้
Light Body หรือ Light-bodied คือไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ต่ำกว่า 12.5% มีเนื้อสัมผัสที่เบา ทำให้ดื่มง่าย เช่น ไวน์โปรเซกโก (Prosecco) หรือรีสลิง (Riesling) เรียกว่าดื่มได้ยาวไป ไม่ทำให้รู้สึกหนักหรือแน่น
Medium Body หรือ Medium-bodied คือไวน์ที่มีแอลกอฮอล์อยู่ระหว่าง 12.5-13.5% นั่นคือไม่สูงปรี๊ด ดื่มได้เรื่อยๆ สำหรับคนคอไม่อ่อนนัก ประเภทของไวน์ที่ว่า เช่น โรเซ (Rose), ซาวิญง บลอง (Sauvignon Blanc), เมอร์โลต์ (Merlot), เฟรนช์ เบอร์กันดี (French Burgundy) หรือปิโนต์ กริจิโอ (Pinot Grigio)
Full Body หรือ Full-bodied คือไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ที่ 13.5% ขึ้นไป ซึ่งแอลกอฮอล์นี่เองที่ทำให้เนื้อของไวน์มีความเข้มข้น (นึกถึงรสสัมผัสของนมแบบรสชาติแน่นมาเต็มเข้าไว้) ไวน์ที่มีความฟูลบอดี้ เช่น ซินแฟนเดล (Zinfandel), บอร์กโดซ์ (Bordeaux), คาเบอร์เนต (Cabernet), ชีราส (Shiraz) หรือชีราห์ (Syrah) และเมลเบก (Melbec) เป็นต้น
ฟูลบอดี้คือไวน์แดงสินะ…
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่าไวน์ฟูลบอดี้นั้นมักเป็นไวน์แดง นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายๆ คนรู้สึก ‘อิ่ม’ หรือแน่นเมื่อได้ดื่มไวน์แดง และทำให้หลายคนรู้สึกโปรดไวน์ขาวมากกว่า เนื่องจากให้ความรู้สึกที่เบา สดชื่น ไม่หนักจนเกินไป โดยเฉพาะในอากาศอุ่นอย่างบ้านเรา แต่ถึงกระนั้น หาใช่ทุกไวน์ขาวที่ไม่หนักหรอกนะ… ไวน์ขาวบางชนิดก็มีลักษณะฟูลบอดี้ได้เหมือนกัน และเป็นไวน์ชนิดที่เราเห็นกันบ่อยมากๆ เสียด้วย นั่นคือ ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) ที่บ่อยครั้งมีแอลกอฮอล์สูงจนถูกจัดอยู่ในไวน์ฟูลบอดี้นั่นเอง
รู้จักบอดี้ (ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับเรือนร่างเสียหน่อย) อย่างนี้แล้ว ก่อนจะเลือกไวน์สักขวดไปดื่มริมหาดทริปหน้า จะได้รู้ไว้ว่าอยากจัดเต็มเข้มข้นเบอร์ไหน และไวน์ที่เลือก ‘เบา’ อย่างที่ตั้งใจจริงไหม
ภาพประกอบ: Pichamon Wannasan
- หากอยู่ที่ไวน์ดินเนอร์หรืองานไวน์เทสติ้ง เหลือบไปดูข้างขวดเสียหน่อยว่าไวน์นั้นมีดีกรีแอลกอฮอล์เท่าไร หากดีกรีสูง จิบแล้วแนะให้เอ่ยออกมาว่า ‘ไวน์นี้ฟูลบอดี้นะ’ แล้วคุณจะฟังดูราวกับเป็นมือโปรขึ้นมาทันที เชื่อเราสิ
- ปัจจัยที่ส่งผลกับบอดี้ของไวน์หลักๆ แล้วคือดินฟ้าอากาศ พันธุ์องุ่น และกรรมวิธีการผลิตไวน์
- สภาพอากาศที่ว่านั้น ได้แก่ หากไวน์ผลิตในเขตร้อน เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ อาร์เจนตินา ฯลฯ น้ำองุ่นมักสุกงอมจนมีรสหวาน และส่งผลให้มีปริมาณแอลกอฮอล์สูง เป็นต้น โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมฉบับเต็มถึงอิทธิพลของอากาศกับไวน์ได้ที่นี่