×

‘อินเวสทรี’ หนุน SMEs ระดมทุนออกหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง-รับมือเศรษฐกิจผันผวน

01.07.2022
  • LOADING...
ณัทสุดา พุกกะณะสุต

‘อินเวสทรี’ ชูแพลตฟอร์มคราวด์ฟันดิงเป็นทางเลือกใหม่เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) ที่ประสบปัญหาในช่วงเศรษฐกิจผันผวน วอนรัฐออกเกณฑ์ส่งเสริมต่อเนื่อง สร้างโอกาสการเติบโตทั้ง SMEs และนักลงทุน

 

ณัทสุดา พุกกะณะสุต ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเวสทรี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีโอกาสเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการคลังเอเปค (APEC Senior Finance Officials’ Meeting: APEC SFOM) ในฐานะตัวแทนภาคเอกชนที่ให้บริการคราวด์ฟันดิงแพลตฟอร์ม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาระบบนิเวศของตลาดทุน เพื่อส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อสนับสนุนการระดมทุนในตลาดทุนซึ่งมีแนวโน้มเติบโตทั่วโลก และเป็นโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการรายย่อย

 

จากรายงานของ International Finance Corporation (IFC) ภายใต้ธนาคารโลก ปี 2017 พบว่า ผู้ประกอบการ MSMEs ไทยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้น้อย ช่องว่างในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนคิดเป็นประมาณ 10% ของ GDP ที่มีมูลค่าสูงถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท) ดังนั้นการส่งเสริมให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนานวัตกรรมและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการดำเนินธุรกิจได้ ซึ่งปัจจุบันการเข้าถึงบริการทางการเงินดิจิทัลกำลังเติบโตสูงทั่วโลก โดยในเอเชียแปซิฟิกมีสัดส่วน 8% ของตลาดโลก ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก

 

“ตามคำแนะนำของ IFC ภาครัฐควรเข้าช่วยสนับสนุนนวัตกรรมการเงินดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ทั่วถึง Financial Inclusion รวมถึงการสร้างฐานข้อมูลเครดิตกลาง ยิ่งขยายฐานมากขึ้นเท่าไรโอกาสที่ผู้ประกอบการจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนยิ่งมีมากขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความไว้วางใจของผู้ที่ต้องการระดมทุนและผู้ลงทุนที่ภาครัฐเข้ามาช่วยสร้างความเชื่อมั่น ที่ประเทศมาเลเซียภาครัฐเข้าไปร่วมลงทุนกับแพลตฟอร์ม ช่วยประชาสัมพันธ์ สร้างความไว้วางใจผู้ให้บริการ ซึ่งช่วยลดอุปสรรคและเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น” ณัทสุดากล่าว

 

ข้อเสนอแนะที่ IFC เคยแนะนำให้หน่วยงานรัฐปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เช่น ภาครัฐควรเข้าไปกำกับดูแลธุรกิจสินเชื่อแฟ็กเตอริงให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มการเข้าถึงฐานข้อมูลเครดิตของผู้ให้บริการมากขึ้น รวมถึงควรพัฒนาหลักทรัพย์ค้ำประกันให้มีการเปลี่ยนมือได้ง่ายขึ้น ซึ่งแม้ว่า IFC จะให้คำแนะนำดังกล่าวไปตั้งแต่ปี 2017 และภาครัฐได้นำไปปฏิบัติบ้างแล้ว แต่เรายังพัฒนาต่อยอดได้อีก

 

ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ระหว่างการปรับกฎหมาย National Credit Bureau เพื่ออนุญาตให้คราวด์ฟันดิงแพลตฟอร์มสามารถเป็นสมาชิกได้ แต่ขณะเดียวกัน คราวด์ฟันดิงแพลตฟอร์นั้นๆ อาจต้องมีทุนจดทะเบียนสูงถึง 50 ล้านบาท ถึงจะเป็นสมาชิก NCB ได้ ซึ่งเป็นระดับทุนจดทะเบียนที่เป็นอุปสรรคสำหรับ Non-Bank ที่จะเข้าเป็นสมาชิก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยได้พัฒนาระบบการเงินไทยมาระดับหนึ่งแล้ว และยังมีช่องว่างที่จะพัฒนาต่อยอดได้อีก

 

สำหรับมูลค่าธุรกิจคราวด์ฟันดิงในประเทศไทยปี 2021 ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวมประมาณ 2,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และน้อยมากเมื่อเทียบกับช่องว่างในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SMEs จึงแทบไม่มีความเสี่ยงต่อระบบตลาดเงิน-ตลาดทุนโดยรวม 

 

ขณะที่ธุรกิจของอินเวสทรีเติบโตมากกว่า 300% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความสนใจของ SMEs และนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจนี้ ซึ่งเราเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และการเติบโตของธุรกิจนี้ก็ขึ้นอยู่กับการสนับสนุนของภาครัฐเช่นเดียวกัน ซึ่งความเห็นนี้ก็เป็นความเห็นที่สะท้อนมาจากมุมมองของตัวแทนผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ที่ร่วมในการประชุม APEC SFOM เช่นกัน

 

“เราหวังว่าผู้ประกอบการใหม่เช่นเราจะมีโอกาสร่วมในการประชุมเชิงนโยบายของภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับเรา มีโอกาสได้ออกความเห็น และร่วมพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ถึงเวลาที่ต้องส่งเสริมแพลตฟอร์มบริการทางการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนมากขึ้น” ณัทสุดาระบุ

 

ณัทสุดากล่าวว่า ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่มีความผันผวนสูง ทั้งจากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน, ราคาพลังงาน, ต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น, เงินเฟ้อ และแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนในสินทรัพย์ดิจิทัล การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงแม้จะมีความเสี่ยงแต่เป็นความเสี่ยงที่จับต้องได้ ถือเป็นการลงทุนในธุรกิจจริง และมีโอกาสที่นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจ

 

“การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง เพราะมีโอกาสได้ผลตอบแทนล่าช้าและมีความเสี่ยงที่จะมีเงินสูญเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนที่สนใจลงทุนในสินทรัพย์นี้ควรจัดสรรเงินลงทุนในวงเงินที่จำกัด และกระจายความเสี่ยงโดยลงทุนในหุ้นกู้ที่ออกโดยหลากหลายบริษัท เพื่อป้องกันการกระจุกตัว” ณัทสุดากล่าวเน้นย้ำ

 

สำหรับภาพรวมตลาดการปล่อยสินเชื่อเพื่อ SMEs นั้น ปัจจุบันไทยมีบริษัทจดทะเบียนกว่า 3 ล้านบริษัท 99% หรือประมาณ 2.9 ล้านเป็น SMEs และมากกว่า 2 ล้านบริษัทนั้นเป็นบริษัทขนาดเล็ก มีปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ถึงแม้ในตลาดจะมีการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อสูง แต่บริษัทขนาดเล็กยังคงเจอปัญหาเข้าไม่ถึงเงินกู้เหมือนเดิม จากเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกลายเป็นข้อจำกัด เช่น ประวัติชำระหนี้ไม่ดี, ไม่ยอมชำระหนี้, มีหนี้สินติดค้าง หรือชำระเงินล่าช้า การระดมทุนหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงจึงเป็นโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับ SMEs และแน่นอนว่าเราก็เห็นโอกาสเติบโตจากตลาดนี้เช่นกัน รวมไปถึงโอกาสจากนักลงทุนไทยที่ก็เปิดกว้างในการเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงก็ยังผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising