แนวทางการลงทุนเน้นคุณค่ายังไม่เสื่อมมนตร์ขลัง สำนักข่าว Bloomberg เผยว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ทำกำไรให้กับอาณาจักรลงทุนอย่าง Berkshire Hathaway จากหุ้นญี่ปุ่นอย่าง Mitsubishi และ Mitsui กว่า 100 และ 130% ตามลำดับ นับตั้งแต่ลงทุนครั้งแรกในช่วงวิกฤตโควิดของปี 2020
บัฟเฟตต์อยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ในบริษัท Mitsui & Co ทั้งยังอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท Mitsubishi Corp., Itochu Corp., Sumitomo Corp. และ Marubeni Corp. โดย 5 บริษัทที่กล่าวมาของญี่ปุ่นนั้นถูกเรียกว่า ‘Sogo Shosha’ ที่หมายถึงบริษัทที่ซื้อ-ขายสินค้าทั่วไป
โดยบริษัทเหล่านี้ได้มีการลงทุนในพลังงานและสินค้าด้านโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมัน, ถ่านหิน, ทองแดง และพลังงานธรรมชาติ เช่นกัน ทำให้ในปี 2022 ที่ผ่านมา ราคาของสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง จนทำให้บริษัทเหล่านี้ทำกำไรแตะจุดสูงสุดใหม่
จากการคาดการณ์กำไรพบว่า 5 บริษัทในกลุ่ม Sogo Shosha จะสามารถทำกำไรปิดงบปี 2022 ได้สูงถึง 2.95 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านล้านบาท ซึ่งในช่วงก่อนหน้าเป็นเวลากว่า 10 ปี กลุ่มบริษัทเหล่านี้กลับทำกำไรรวมต่อปีได้เพียงแค่ราว 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.9 แสนล้านบาทเท่านั้นเอง
จากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นนั้นจึงผลักดันให้ราคาหุ้นของ Mitsubishi และ Mitsui ซึ่งเป็น 2 บริษัทที่ทำกำไรได้สูงสุด ปรับตัวขึ้นไป 100 และ 130% นับตั้งแต่การเข้าซื้อครั้งแรกของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในปี 2020
ซึ่ง Berkshire Hathaway เปิดเผยว่า ได้เข้าลงทุนใน 5 บริษัท Sogo Shosha มูลค่าราว 6 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 แสนล้านบาทเป็นครั้งแรก ณ สิงหาคม 2020 และสามารถทำกำไรได้จากการลงทุนครั้งดังกล่าวรวม 50% แม้ค่าเงินเยนจะอ่อนค่าเทียบกับเงินดอลลาร์ก็ตาม
นอกจากนี้เมื่อ 2 เดือนก่อน (ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2022) ยังได้มีการเปิดเผยว่า Berkshire ได้เพิ่มสัดส่วนความเป็นเจ้าของใน 5 บริษัทเหล่านั้นจากเดิมที่ 5% ไปสู่ 6.5% คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันที่ราว 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.2 แสนล้านบาท
บทความที่เกี่ยวข้อง
- อย่าสับสนระหว่าง การพนัน กับ การลงทุน มองวิธีการลงทุนแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในช่วงสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
- หุ้น BYD ทรุดหนักสุดรอบเกือบ 2 ปี นักลงทุนกังวล ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ เทขาย
- วอร์เรน บัฟเฟตต์ ทุ่มอีก 9.9 ล้านดอลลาร์ ซื้อหุ้นน้ำมันเพิ่มเป็น 17.4% ด้าน J.P. Morgan คาดกรณีเลวร้ายสุด ราคาน้ำมันจะพุ่งไปถึง 380 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ้างอิง:
