ธนาคารกลางของอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ต่างปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในวันนี้ (17 พฤศจิกายน) เพื่อพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมาย
ธนาคารกลางอินโดนีเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน อีก 0.50% สู่ระดับ 5.25% ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุด ตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 ตามความคาดหมายของตลาด แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในอินโดนีเซียจะผ่อนคลายลงเล็กน้อยในเดือนตุลาคมอยู่ที่ 5.71% จาก 5.95% ในเดือนกันยายน แต่ก็ยังคงสูงกว่าช่วงเป้าหมายของธนาคารกลางอินโดนีเซียที่ 2-4% ในปีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน และอาจกลายเป็นแค่อดีต
- ส่องกรณีศึกษาการเติบโตของ เศรษฐกิจสิงคโปร์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่รออยู่ข้างหน้า
- เปิดจุดเด่น เวียดนาม หลังจ่อขึ้นแท่นประเทศที่คว้าชัยในยุค Deglobalization
ด้านธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ซึ่งกำลังต่อสู้กับค่าเงินเปโซที่อ่อนค่า ก็ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% สู่ระดับ 5.0% ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2009
โดยการปรับขึ้นครั้งนี้เป็นไปตามคาดเช่นกัน หลังจากเมื่อต้นเดือนนี้ Felipe Medalla ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ส่งสัญญาณว่า เขาพร้อมขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ตามธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) พร้อมระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการรักษาเสถียรภาพด้านราคา โดยจัดการกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างจริงจังจากปัจจัยในประเทศและทั่วโลก
นอกจากนี้ เขายังมองว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องลดผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ครั้งล่าสุด
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของฟิลิปปินส์เร่งตัวขึ้นเป็น 7.7% ในเดือนตุลาคม สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ทำให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 5.4% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 2-4%
ขณะเดียวกัน เงินเปโซฟิลิปปินส์ได้ร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยแตะระดับ 59 เปโซต่อดอลลาร์ในเดือนตุลาคม ก่อนที่จะทรงตัวเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 57-58 เปโซต่อดอลลาร์ในเดือนนี้
อ้างอิง:
