×

เปิดผลสำรวจ ‘นักลงทุนบุคคลไทย’ ใครสนใจหุ้นยั่งยืน (ESG Seeker)

13.11.2022
  • LOADING...

SET NoteSET Note เผย นักลงทุนทุกเจเนอเรชันสนใจลงทุนในหุ้นยั่งยืน โดยยิ่งอายุมากหรือมีประสบการณ์การลงทุนยาวนาน ความสนใจหุ้นยั่งยืน รวมถึงสัดส่วนการลงทุนก็ยิ่งเพิ่มขึ้น 

 

รายงาน SET Note ซึ่งจัดทำโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 มีบริษัทจดทะเบียนไทย 155 บริษัท ที่ได้รับคัดเลือกเข้าเป็นองค์ประกอบในดัชนีความยั่งยืนสากลของ DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) MSCI-ESG หรือได้รับคัดเลือกเป็นหุ้นยั่งยืน THSI (Thailand Sustainability Investment) โดยแบ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม SET100 และ Non-SET100 ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน และมีการกระจายตัวในเชิงกลุ่มอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ซึ่งหุ้นยั่งยืนดังกล่าวได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน สอดคล้องตามทิศทางของตลาดการลงทุนโลกที่นักลงทุนต่างใส่ใจในเรื่องของ ESG (Environmental Social Governance) มากขึ้น

 

ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2565 ตลาดหุ้นไทยมีนักลงทุนที่มีบัญชีซื้อขายหุ้นรวม 5.54 ล้านบัญชี หรือ 2.27 ล้านคน โดยนักลงทุนบุคคลทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นในช่วง 6 เดือนแรกรวม 8.9 แสนคน มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยวันละ 35,487 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นทั้งตลาด 

 

ทั้งนี้ พบว่า 79% ของนักลงทุนบุคคลดังกล่าวซื้อขายหุ้นยั่งยืนอย่างน้อย 1 บริษัท และมีมูลค่าซื้อขายหุ้นยั่งยืนเฉลี่ยสูงถึงวันละ 14,245 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของมูลค่าซื้อขายหุ้นของนักลงทุนบุคคลทั้งหมด 

 

คำถามที่น่าสนใจต่อไปคือ นักลงทุนบุคคลสนใจหุ้นยั่งยืนเหมือนกันทุกกลุ่มหรือไม่ ใครสนใจมากหรือน้อยแตกต่างกันอย่างไ

 

ในมุมเจเนอเรชันพบว่า หุ้นยั่งยืนเป็นที่นิยมของบุคคลในทุกเจเนอเรชัน โดยมากกว่า 70% ของคนในแต่ละเจเนอเรชันต่างซื้อขายหุ้นยั่งยืนในพอร์ต และยิ่งสูงอายุขึ้นยิ่งมีแนวโน้มที่จะสนใจและกระจายมูลค่าซื้อขายให้หุ้นยั่งยืนมากขึ้นด้วย 

 

นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบในเชิงประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นของแต่ละบุคคลแล้ว พบว่านักลงทุนที่มีประสบการณ์เริ่มซื้อขายมาก่อนปี 2564 สนใจและกระจายการซื้อขายให้หุ้นยั่งยืนมากกว่านักลงทุนใหม่ที่เพิ่งเข้าตลาดมาเริ่มซื้อขายในช่วง 2 ปีหลังอยู่บ้าง 

ในมุม Retail Segment มีความสนใจหุ้นยั่งยืนที่ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยบุคคลกลุ่ม Fundamental Group ซึ่งนิยมหุ้นพื้นฐานขนาดใหญ่หรือหุ้นที่ให้ปันผลสูง พบว่ามากกว่า 85% ของบุคคลทุกเซ็กเมนต์ในกลุ่มนี้ ซื้อขายหุ้นยั่งยืน และกระจายมูลค่าซื้อขายให้สูงถึง 60-80% ขณะที่บุคคลในกลุ่ม Risk Group กระจายมูลค่าซื้อขายให้หุ้นยั่งยืนเพียง 15-25%


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising