×

อิมรอน ข่าน ให้สัมภาษณ์พิเศษกับนิตยสาร TIME เผยแผนหวนคืนสู่อำนาจในปากีสถาน

โดย THE STANDARD TEAM
07.04.2023
  • LOADING...

อิมรอน ข่าน โชว์กระสุน 3 นัดที่แพทย์ผ่าตัดนำออกมาจากขาขวาของเขา หลังจากที่มือปืนรายหนึ่งก่อเหตุลอบยิงอดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถานวัย 70 ปีผู้นี้ในระหว่างการชุมนุมทางการเมืองที่เมืองวาซีราบัด ทางตะวันออกของปากีสถาน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ทำให้เขาและผู้สนับสนุนอีกหลายคนได้รับบาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิต 1 คน

 

“กระสุนนัดหนึ่งทำลายเส้นประสาท เท้าของผมจึงยังไม่หายดี” อดีตนายกรัฐมนตรีปากีสถานและอดีตนักคริกเก็ตทีมชาติคนดัง กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับนิตยสาร TIME “ผมมีปัญหาถ้าเดินนานเกินไป”

 

หลังการลงมติไม่ไว้วางใจของรัฐสภาในเดือนเมษายน 2022 ข่านได้ระดมกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนมากมาร่วมกันต่อสู้ด้วยการจัดการชุมนุมประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่าตนถูกโค่นลงจากตำแหน่งอย่างไม่เป็นธรรมในแผนการที่มีสหรัฐฯ ให้การหนุนหลัง แม้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ตาม

 

“อิมรอน ข่าน สามารถสื่อสารกับทุกชนชั้นในสังคมได้” ชาฮีนา ภัตตี อาจารย์ด้านวรรณกรรมวัย 63 ปีในเมืองราวัลปินดีกล่าว “นักการเมืองคนอื่นๆ จะไม่ทำอะไรเพื่อประเทศ พวกเขาทำเพื่อตัวเองเท่านั้น”

 

ข่านสูญเสียการสนับสนุนจากกองทัพที่ทรงอำนาจของประเทศ หลังจากที่เขาปฏิเสธเลือกบุคคลที่กองทัพเสนอให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองของปากีสถาน (ISI) เนื่องจากข่านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้อำนวยการ ISI นำไปสู่การลงมติไม่ไว้วางใจ ถอดถอนเขาจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้กลุ่มผู้สนับสนุนข่านออกมาชุมนุมประท้วงตามท้องถนนทั่วประเทศเป็นเวลาหลายเดือน

 

การลอบสังหารข่านเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 มีแต่จะยิ่งทำให้สมาชิกพรรค Tehreek-e-Insaf หรือ PTI ของข่านรู้สึกถึงความอยุติธรรม และก่อเหตุประท้วงซึ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยเกิดการปะทะกับตำรวจซึ่งใช้หนังสติ๊กและแก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ชุมนุม ขณะที่ข่านกล่าวหาว่านักการเมืองคู่แข่งกลุ่มต่างๆ ร่วมกันชักใยอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารเขา ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ น้องชายของอดีตนายกรัฐมนตรีนาวาซ ชารีฟ ผู้เป็นศัตรูคู่อาฆาตของข่าน ตลอดจน รานา ซานาอุลเลาะห์ รัฐมนตรีมหาดไทย และ พลตรีไฟซาล นาซีร์ ซึ่งทั้งหมดปฏิเสธข้อกล่าวหา

 

นอกจากถูกโจมตีด้วยกระสุนแล้ว ข่านยังถูกตั้งข้อหาอีก 143 กระทง ในช่วง 11 เดือน ซึ่งรวมถึงการทุจริตคอร์รัปชัน การยุยงปลุกปั่น ดูหมิ่นศาสนา และการก่อการร้าย ซึ่งข่านอ้างว่าถูกกุขึ้นเพื่อตัดสิทธิ์ทางการเมืองของเขา

 

นอกจากนี้ตำรวจยังได้บุกค้นและจับกุมผู้สนับสนุนข่านหลายร้อยคน หลังจากคณะรัฐมนตรีของชารีฟประกาศเมื่อวันที่ 20 มีนาคมว่า PTI เป็น ‘กลุ่มติดอาวุธที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ’

 

ความไม่แน่นอนทางการเมืองในปัจจุบันเกิดขึ้นท่ามกลางเหตุการณ์ต่างๆ ที่ประดังเข้าใส่ปากีสถาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมใหญ่ อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง และการโจมตีของผู้ก่อการร้ายข้ามพรมแดนที่ฟื้นคืนชีพจากอัฟกานิสถาน ซึ่งทั้งหมดนี้คุกคามโครงสร้างของประเทศที่มีประชากร 230 ล้านคน ประเทศที่มีการข่มขืนและการทุจริตอยู่มากมาย

 

เศรษฐกิจของปากีสถานขึ้นอยู่กับการปลดล็อกความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งเป็นครั้งที่ 22 ที่ประเทศขอความช่วยเหลือจาก IMF นับตั้งแต่ได้รับเอกราชเมื่อปี 1947 อัตราเงินเฟ้อของปากีสถานพุ่งสูงขึ้นในเดือนมีนาคมเป็น 47% เมื่อเทียบเป็นรายปี ราคาของวัตถุดิบหลักเช่นหัวหอมเพิ่มขึ้น 228% ข้าวสาลีขึ้น 120% และแก๊สหุงต้มขึ้น 108% ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน เงินรูปีร่วงลงถึง 54%

 

“เมื่อ 10 ปีก่อน ผมมีรายได้ 10,000 รูปีต่อเดือน ผมไม่เดือดร้อน” มูฮัมหมัด กาซานเฟอร์ คนดูแลสวนในราวัลปินดีกล่าว “แต่ด้วยเงินเฟ้อในปัจจุบันนี้ แม้ว่าตอนนี้ผมจะมีรายได้ 25,000 รูปีต่อเดือน ผมก็ไม่อาจหาเลี้ยงชีพได้”

 

ประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของโลก มีเงินทุนสำรองต่างประเทศอยู่เพียง 4.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 20 ดอลลาร์ต่อคน

 

คาเมรอน มุนเตอร์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำปากีสถาน กล่าวว่า “หากพวกเขาผิดนัดชำระและไม่สามารถซื้อน้ำมัน บริษัทต่างๆ จะเจ๊ง และผู้คนไม่มีงานทำ”

 

“เศรษฐกิจของเราควบคุมไม่ได้แล้ว” ข่านกล่าว “ขณะนี้เรามีตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์”

 

อย่างไรก็ตาม ความเห็นอกเห็นใจจากชาติตะวันตกยังคงมาไม่ถึง เนื่องจากข่านต่อต้านสหรัฐอเมริกามานานหลายปี และหันไปผูกสัมพันธ์กับอำนาจเผด็จการและกลุ่มหัวรุนแรง ซึ่งรวมถึงกลุ่มตาลีบัน เขาเรียกประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ของตุรกีว่า ‘พี่ชายของผม’ และเดินทางไปพบประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่กรุงมอสโกในวันก่อนการรุกรานยูเครน

 

ข่านยังเคยกล่าวในหลายโอกาสว่า อุซามะห์ บิน ลาดิน เป็น ‘ผู้ยอมพลีชีพ’ และยกย่องการที่ปักกิ่งกักขังชนกลุ่มน้อยมุสลิมอุยกูร์ของจีน เขาหมกมุ่นอยู่กับการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่โทรหาเขาหลังจากเข้ารับตำแหน่งในทำเนียบขาว

 

ไมเคิล คูเกิลแมน รองผู้อำนวยการโครงการเอเชียที่ Woodrow Wilson Center กล่าวว่า “เขาเป็นคนที่จมอยู่กับความรู้สึกคับข้องใจอย่างเหลือเชื่อ”

 

อย่างไรก็ดี ข่านสามารถอ้างสิทธิ์ได้อย่างชอบธรรมว่าเขาเป็นประชาธิปไตย โดยผลสำรวจหลายสำนักชี้ว่า เขาเป็นตัวเต็งที่จะได้กลับคืนสู่อำนาจ หากการเลือกตั้งที่เขาเรียกร้องเกิดขึ้น “ความนิยมของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว” ซามินา ยัสมีน ผู้อำนวยการ Centre for Muslim States and Societies แห่งมหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลียกล่าว “ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร แม้ว่ามันจะไร้เหตุผล แต่ความจริงคือผู้คนโกรธและไม่พอใจไปตามถ้อยแถลงของเขา”

 

“อิมรอน ข่าน เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่เรามีในตอนนี้” โอซามา เรห์มาน วิศวกรโทรคมนาคมวัย 50 ปี ในอิสลามาบัดกล่าว “ถ้าเขาถูกจับหรือถูกตัดสิทธิ์ ผู้คนจะออกมาที่ถนน”

 

รัฐดูเหมือนจะเล่นไปตามแนวคิดนี้ ตำรวจบุกค้นบ้านของข่านในเมืองลาฮอร์ เมืองเอกของรัฐปัญจาบเมื่อต้นเดือนมีนาคม ทำให้เขาแทบสำลักแก๊สน้ำตา ขณะที่ผู้สนับสนุนใช้ไม้ฟาดต่อสู้กับตำรวจในชุดปราบจลาจลโดยมีกระสอบทรายและเหล็กเส้นกั้นขวาง “การปราบปรามแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในปากีสถาน” ข่านกล่าว

 

หลังจากที่ข่านออกจากบ้านพักเพื่อไปขึ้นศาลในวันที่ 18 มีนาคม โดยเดินทางด้วยรถเอสยูวีหุ้มเกราะซึ่งโรยด้วยกลีบดอกไม้และขนาบข้างด้วยบอดี้การ์ด ข่านเผยว่า ตำรวจได้บุกเข้ามาในขณะที่ภรรยาของเขาอยู่บ้าน ทุบตีคนรับใช้ และรวบตัวพ่อครัวประจำบ้านไปไว้ในห้องขัง ข่านอ้างว่ามีความพยายามลอบสังหารเขาอีกครั้งภายใน Islamabad Judicial Complex ซึ่งถูกยึดครองโดยหน่วยข่าวกรองและกองกำลังกึ่งทหาร

 

การเผชิญหน้าตามท้องถนนอาจดำเนินต่อไปอย่างไม่มีกำหนด นายกรัฐมนตรีชารีฟปฏิเสธข้อเรียกร้องของข่านในการยุบสภาเลือกตั้งก่อนกำหนด โดยกล่าวว่าการเลือกตั้งจะจัดขึ้นตามกำหนดในฤดูใบไม้ร่วง

 

อย่างไรก็ดี ยัสมีนกล่าวว่า “เรื่องราวต่างๆ ถูกแต่งขึ้นเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลในการเลื่อนการเลือกตั้ง” เมื่อวันที่ 22 มีนาคม คณะกรรมการการเลือกตั้งของปากีสถานประกาศเลื่อนการเลือกตั้งท้องถิ่นในรัฐปัญจาบ ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ จากวันที่ 30 เมษายน ไปเป็นวันที่ 8 ตุลาคม

 

“เสถียรภาพทางการเมืองในปากีสถานมาจากการเลือกตั้ง” ข่านระบุ “นั่นคือจุดเริ่มต้นของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ”

 

ข่านเป็นลูกชายคนเดียวในบรรดาลูกทั้งหมด 5 คน เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 1952 ในครอบครัวชาวปัชตุน (Pashtun) ที่ร่ำรวยในเมืองลาฮอร์ เขาศึกษาการเมือง ปรัชญา และเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และที่สหราชอาณาจักรนี้เองที่เขาได้ลงเล่นคริกเก็ตให้ปากีสถานเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 18 ปี นอกจากนี้อังกฤษยังเป็นสถานที่ที่ทำให้เขาเริ่มสนใจการเมือง

 

“ตอนที่ผมมาถึงอังกฤษ ประเทศของเราถูกปกครองโดยเผด็จการทหารมาเป็นเวลา 10 ปี ประเทศมหาอำนาจมีกฎหมายเดียว ส่วนที่อื่นๆ นั้นโดยพื้นฐานแล้วไม่ได้ปลดปล่อยมนุษย์” เขากล่าว “หลักนิติธรรมปลดปล่อยมนุษย์ ปลดปล่อยศักยภาพ นี่คือสิ่งที่ผมค้นพบ”

 

ในสนามคริกเก็ต ข่านเปรียบเสมือนเครื่องรางนำโชค เขาพาทีมชาติปากีสถานชูถ้วย Cricket World Cup เมื่อปี 1992 ชื่อเสียงอันโด่งดังสมัยเป็นนักกีฬา ประกอบกับคุณสมบัติต่างๆ ทำให้ข่านผงาดขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี

 

แม้ข่านไม่ได้มีตำแหน่งแห่งหนในแวดวงการเมืองก่อนที่เขาจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2018 แต่เมื่อขึ้นสู่อำนาจ เขาก็ทำหน้าที่ผู้นำอย่างไม่เกรงกลัว เช่น การต่อต้านการรับสินบนด้วยการรวมกลุ่มนักศึกษา แรงงาน ชาวมุสลิมผู้เคร่งศาสนา และกองทัพที่มีอำนาจของประเทศเพื่อโค่นล้มอำนาจของชารีฟ ผลงานโดดเด่นที่สุดของเขาคือการสร้างโรงพยาบาลรักษาโรคมะเร็ง Shaukat Khanum Cancer Hospital ในเมืองลาฮอร์ ซึ่งเขาทำพิธีเปิดในปี 1994 เพื่อรำลึกถึงแม่ของเขาที่เสียชีวิตด้วยโรคร้าย เป็นโรงพยาบาลมะเร็งที่ใหญ่ที่สุดที่ให้บริการผู้ยากไร้ในปากีสถาน

 

นอกจากนี้ปากีสถานภายใต้การนำของข่านยังได้รับคำชมเกี่ยวกับการจัดการกับโควิด โดยมีผู้เสียชีวิตต่อประชากรเพียงหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดีย โครงการรณรงค์ปลูกป่า Ten Billion Tree Tsunami ของเขาได้รับความนิยม นอกจากนี้ปากีสถานยังได้รับสิทธิ์ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันคริกเก็ตนานาชาติอีกครั้งเมื่อปี 2019 หลังจากที่เคยเกิดเหตุมือปืนโจมตีนักกีฬาคริกเก็ตทีมชาติศรีลังกาเมื่อปี 2009 จนทำให้ปากีสถานไม่ได้รับสิทธิ์ให้จัดการแข่งขันคริกเก็ตระหว่างประเทศนานนับทศวรรษ

 

อย่างไรก็ดี ข่านไม่ได้รับแต่เสียงชื่นชม โดยเกิดกระแสความไม่พอใจอย่างรุนแรงเมื่อเขากล่าวในเดือนสิงหาคม 2021 ว่ากลุ่มตาลีบัน ‘ทำลายโซ่ตรวนของการเป็นทาส’ ด้วยการยึดอำนาจกลับคืน (อย่างไรก็ดี เขายืนยันกับ TIME ว่าคำพูดของเขาถูกนำไปกล่าวอ้างโดยไม่ได้อธิบายหรือให้บริบท ทำให้เกิดความเข้าใจผิด) และแสดงความคิดเห็นต่างๆ นานาที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าแสดงถึงการเกลียดผู้หญิง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเขาถูกถามเกี่ยวกับปัจจัยที่ทำให้เกิดความรุนแรงทางเพศในปากีสถาน เขากล่าวว่า “การที่ผู้หญิงสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นนั้นส่งผลต่อผู้ชาย เว้นแต่ว่าพวกเขาจะเป็นหุ่นยนต์”

 

นอกจากนี้ข่านปฏิเสธที่จะประณามการรุกรานยูเครนของปูติน โดยยืนกรานเช่นเดียวกับจีนที่ยังคง ‘เป็นกลาง’ และเบี่ยงเบนคำถามนี้ไปสู่ประเด็นการรุกล้ำของอินเดียเข้าไปในพื้นที่พิพาทในแคชเมียร์ “ศีลธรรมในนโยบายต่างประเทศถูกสงวนไว้สำหรับประเทศมหาอำนาจ” เขากล่าวพร้อมกับยักไหล่

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ข่านหาโอกาสเหน็บแนมสหรัฐฯ อยู่เนืองๆ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำลายความสัมพันธ์ของข่านกับกองทัพ ซึ่งต้องการที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับวอชิงตัน ข่านกล่าวกับบรรดานักข่าวและผู้สนับสนุนว่า สหรัฐฯ ยัดเยียดความสัมพันธ์แบบ ‘เจ้านาย-ทาส’ ในปากีสถาน แต่เขายืนยันกับ TIME ว่า “การวิจารณ์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ไม่ได้ทำให้คุณต่อต้านคนอเมริกัน”

 

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ข่านกล่าวกับผู้สนับสนุนหลายพันคนในกล่องกันกระสุนใจกลางเมืองลาฮอร์ว่า “ผมรู้ว่าคุณตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้ อิมรอน ข่าน กลับมามีอำนาจอีกครั้ง” เขากล่าว “นั่นโอเคสำหรับผม แต่คุณมีแผนหรือรู้แล้วหรือว่าจะทำให้ประเทศพ้นวิกฤตในปัจจุบันได้อย่างไร”

 

เมื่อปี 2018 ข่านให้คำมั่นว่าจะไม่กู้ยืมเงินต่างประเทศเหมือนรัฐบาลชุดก่อนๆ เพื่อยุติวงจรหนี้สินของปากีสถาน แต่ไม่ถึงหนึ่งปีต่อมา เขาต้องกลืนน้ำลายตัวเอง เมื่อมีการทำข้อตกลงกับ IMF เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสังคมและการพัฒนา ในขณะที่ขึ้นภาษีเพื่อแลกกับเงินกู้ 6 พันล้านดอลลาร์

 

อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงแล้วมีเพียงไม่กี่คนที่จ่ายภาษี ข้อมูลในปี 2021 ระบุว่า มีชาวปากีสถานเพียง 2.5 ล้านคนที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษี หรือคิดเป็นไม่ถึง 1% ของประชากรผู้ใหญ่ “ประชาชนไม่เสียภาษี โดยเฉพาะชนชั้นสูงที่ร่ำรวย” ข่านกล่าว “พวกเขาเอาแต่สูบเงินและฟอกเงินในต่างประเทศ”

 

ปากีสถานต้องพึ่งพาเงินต่างประเทศเพื่อสร้างความสมดุลของงบประมาณและให้บริการภาครัฐ สหรัฐฯ ส่งเงินเกือบ 7.83 หมื่นล้านดอลลาร์ให้ปากีสถานในระหว่างปี 1948-2016 แต่ในปี 2018 ประธานาธิบดีทรัมป์ยุติความช่วยเหลือด้านความมั่นคงมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯ มอบให้ทุกปี ทำให้ปัจจุบันปากีสถานต้องหาผู้มีอุปการคุณรายใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่คือซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และจีน โดยข่านเดินทางไปพบปูตินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อหารือการนำเข้าน้ำมันและข้าวสาลีราคาถูก รวมทั้งการสร้างท่อส่งแก๊สมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ไม่นานมานี้จีนได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหม่ โดยเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม ธนาคาร Industrial and Commercial Bank of China ได้อนุมัติเงินกู้ 1.3 พันล้านดอลลาร์ให้กับประเทศ

 

เมื่อถูกถามถึงแผนการทีละขั้นตอนที่จะทำให้ปากีสถานกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ข่านไม่ได้ให้รายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง เขากล่าวเพียงว่าต้องมีการทำ ‘สัญญาประชาคม’ ใหม่ เพื่อหล่อเลี้ยงอำนาจในสถาบันทางการเมืองแทนที่จะเป็นกองทัพ หากผู้บัญชาการกองทัพ “ไม่คิดว่าการทุจริตเป็นเรื่องใหญ่ ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ข่านกล่าว “ผมหมดหนทาง”

 

แต่การที่กองทัพปากีสถานมีขนาดใหญ่และทรงอำนาจนั้นส่วนหนึ่งเป็นเพราะความมั่นคงของชาติเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อ ก่อนหน้านี้หลายฝ่ายคาดกันว่ากลุ่มตาลีบันจะหยุดการโจมตีข้ามพรมแดนจากอัฟกานิสถาน แต่ข้อมูลล่าสุดกลับพบว่า ปากีสถานมีอัตราการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายเพิ่มขึ้นมากเป็นอันดับสองของโลกในปี 2022 โดยเพิ่มขึ้นถึง 120% เมื่อเทียบเป็นรายปี “ข่านเป็นคนผลักดันให้มีการพูดคุยกับกลุ่มตาลีบันในทุกวิถีทาง” คูเกิลแมนจาก Woodrow Wilson Center กล่าว “แต่ความพยายามนั้นกำลังส่งผลสะท้อนกลับ”

 

จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? สมาชิกพรรค PTI หลายคนสงสัยว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันอาจประกาศให้พรรคของพวกเขาเป็นองค์กรก่อการร้าย หรือห้ามไม่ให้เข้าร่วมการเมือง ขณะที่อีกหลายคนเชื่อว่าความวุ่นวายทางเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงของปากีสถานอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนตุลาคม

 

แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทุกฝ่ายกำลังใช้เครื่องมือที่ตนมีอยู่เพื่อป้องกันจุดจบของตนเอง ข่านใช้การประท้วงและประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือ ขณะที่รัฐบาลมีศาลและเครื่องมือด้านความมั่นคง ส่วนผู้ที่ติดอยู่ตรงกลางระหว่างสองฝ่ายคือประชาชนผู้เดือดร้อน “ที่นี่ไม่มีฮีโร่” คูเกิลแมนกล่าว “ฝ่ายการเมืองและกองทัพต่างต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้”

 

อย่างไรก็ดี ข่านยังคงยืนกรานว่าวิกฤตดังกล่าวสามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกตั้ง แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ที่แตกหักกับกองทัพก็ตาม “คนกลุ่มเดียวกับที่พยายามจะฆ่าผมยังคงมีอำนาจอยู่” เขากล่าว “และพวกเขากลัวว่าถ้าผมกลับไป พวกเขาจะต้องถูกนำตัวมารับผิด ดังนั้นพวกเขาจึงอันตรายกว่า”

 

ภาพ: Yousuf Khan / Anadolu Agency via Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising