*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์
“รู้ไหมว่าฉันรังเกียจอะไรที่สุด แม่ที่ผลักดันความฝันของตัวเองให้ลูก”
เมื่อพูดถึงซีรีส์ที่ว่าด้วยปัญหาการเลี้ยงลูกในสังคมเอเชีย หลายๆ คนคงนึกถึงซีรีส์เกาหลีใต้ดราม่าแสนดุเดือดอย่าง Sky Castle และ The Penthouse ที่นำผู้ชมเข้าไปสำรวจปัญหาการเลี้ยงลูกของสังคมเอเชีย ที่พ่อแม่หวังดีกับลูกมากเกินไป จนนำไปสู่ปัญหา ‘พ่อแม่รังแกฉัน’ ซึ่งหลายคนคุ้ยเคยกันเป็นอย่างดี ส่งให้ซีรีส์ทั้งสองเรื่องนี้ประสบความสำเร็จจนกอบโกยเรตติ้งไปแบบถล่มทลาย
เช่นเดียวกันกับ Green Mothers’ Club ซีรีส์เรื่องใหม่จากช่อง JTBC มาพร้อมชื่อเรื่องและโปสเตอร์สีสันสดใส แต่เนื้อหาข้างในกลับอัดแน่นไปด้วยการสะท้อนถึงปัญหาการเลี้ยงลูกในสังคมเอเชียอย่างเข้มข้น ผ่านเรื่องราวของบรรดาคุณแม่ที่คอยเคี่ยวเข็ญและเข้มงวดเรื่องการเรียนของลูกๆ ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ด้วยความเชื่อที่ว่ายิ่งเริ่มเร็วก็จะยิ่งทำให้ลูกประสบความสำเร็จได้ไวกว่าและมากกว่าคนอื่น
แต่นอกจากการสะท้อนปัญหาที่เกิดกับลูกๆ แล้ว ในอีกแง่หนึ่งซีรีส์เรื่องนี้กำลังนำเราเข้าไปสำรวจความคิดเบื้องหลังและชีวิตของบรรดาแม่ๆ ให้ผู้ชมได้เข้าใจมากขึ้น ผ่านการสำรวจสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เพื่อนบ้านที่แข่งกันอวดความสำเร็จของลูกๆ และครอบครัวที่ผลักภาระการเลี้ยงลูกให้เป็นหน้าที่ของพวกเธอเพียงคนเดียว
‘การเลี้ยงลูก’ จึงกลายเป็นภาระที่บรรดาแม่ๆ ต้องแบกไว้เต็มสองบ่า จนทำให้แม่หลายคนเลือกที่จะยัดเยียดความกดดันของตนเองมาในคราบของความรักและความหวังดีที่มีต่อลูก จนสุดท้ายพวกเธอก็ละเลยสิ่งที่ลูกๆ ต้องการไปโดยไม่ตั้งใจ
เอพิโสดแรกของ Green Mothers’ Club เริ่มต้นด้วยการนำเราไปสำรวจชีวิตและวิธีการเลี้ยงลูกของแต่ละบ้านในย่านซังวี ย่านที่เต็มไปด้วยการแข่งขันทางการศึกษา ทำให้สองฝั่งถนนเต็มไปด้วยสถาบันกวดวิชาที่พร้อมสอนเด็กประถมศึกษาให้เรียนล่วงหน้าไปจนถึงหลักสูตรมัธยมศึกษา
หากไม่ใช่ครอบครัวที่มีฐานะร่ำรวย บรรดาพ่อแม่ก็จำเป็นจะต้องทำงานหลังขดหลังแข็งเพื่อส่งลูกๆ เข้าเรียนกวดวิชา ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะสามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมศึกษาดีๆ ที่รายล้อมไปด้วยสังคมเด็กเรียนเก่ง และได้รับการศึกษาที่พ่อแม่เชื่อมั่นได้ว่าจะดีพอ
นอกจากนั้นภาพที่เราสามารถพบเห็นได้จนชินตาในย่านนี้ คือภาพของเด็กประถมศึกษาที่ถือกระดาษคำศัพท์ภาษาอังกฤษระดับมัธยมศึกษาเดินอ่านไปมาจนเป็นเรื่องปกติ หรือภาพของเด็กๆ ที่นั่งแก้โจทย์คณิตศาสตร์ในช่วงเวลาพัก แทนการออกไปวิ่งเล่นเหมือนเด็กๆ ทั่วไป
แต่แล้วความเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อ อีอึนพโย (อีโยวอน) คุณแม่ลูกสองได้ย้ายบ้านเข้ามาที่อพาร์ตเมนต์ย่านซังวี เธอเลี้ยงลูกมาด้วยความคิดที่แตกต่าง อึนพโยไม่เห็นด้วยกับการเข้มงวดเรื่องการเรียนหรือการส่งลูกไปเข้าโรงเรียนกวดวิชาตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่เมื่อ อีดงซอก ลูกชายของเธอเข้าไปเรียนในโรงเรียนประถมศึกษาซังวี เขากลับโดนบรรดาผู้ปกครองและครูประจำชั้นเพ่งเล็ง เพียงเพราะดงซอกชอบเล่นซนตามประสาเด็กทั่วไป แต่สิ่งนั้นกลับกลายเป็นเรื่องผิดปกติในสังคมที่เด็กทุกคนต้องสนใจการเรียน และเตรียมตัวเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
แต่แม้จะโดนครูประจำชั้นเรียกพบเพื่อตักเตือนเรื่องพฤติกรรมของลูกชาย อึนพโยก็ยังเชื่อมั่นว่าลูกของเธอกำลังเติบโตไปตามวัยของตัวเอง และไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจำเป็นจะต้องเร่งรัดให้เขาโตไวกว่าที่ควรจะเป็น
สุดท้ายอึนพโยจึงตัดสินใจที่จะย้ายลูกชายของตัวเองไปเรียนที่อื่น เพราะคิดว่าสังคมในซังวีจะทำให้ดงซอกรู้สึกกดดันมากเกินไป แต่สุดท้ายเธอกลับโดนแม่สามีต่อว่าที่เธอไม่สามารถเลี้ยงลูกให้แข่งขันกับเด็กคนอื่นๆ ได้ รวมทั้งยังตำหนิที่อึนพโยมัวแต่ทุ่มเทเวลาไปกับการทำงานหนักเพื่อเตรียมตัวเป็นศาสตราจารย์
“ทำไมการที่ฉันไม่ยอมละทิ้งความฝันถึงกลายเป็นความผิดร้ายแรงต่อครอบครัวล่ะคะ ฉันก็แค่พยายามใช้ชีวิตก็เท่านั้นเอง”
ประโยคตัดพ้อของอึนพโยกำลังสะท้อนภาพชีวิตของแม่อีกหลายคนในสังคมเอเชียที่จำเป็นต้องละทิ้งความฝันและชีวิตของตัวเองไปกับการเลี้ยงลูก จนทำให้ตัวตนและความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งค่อยๆ ถูกพรากไป เหลือเพียงความฝันใน
‘ฐานะแม่’ ที่ต้องการให้ลูกเติบโตไปอย่างดีและประสบความสำเร็จ โดยที่สังคมรอบข้างเลือกจะใช้ความสำเร็จของลูก เป็นเครื่องมือตัดสินความสำเร็จของพวกเธอในฐานะแม่
นอกจากเรื่องราวของอึนพโยที่นำเสนอมุมมองของแม่ที่เลือกจะไม่เข้มงวดกับลูก ซีรีส์ยังค่อยๆ เปิดเผยเรื่องราวของบยอนซุนฮี (ชูจาฮยอน) เพื่อนบ้านร่วมอพาร์ตเมนต์ที่ภายนอกเป็นคุณแม่แสนเพอร์เฟกต์ สามารถเลี้ยงลูกๆ ได้อย่างดีจนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
ทุกเช้าซุนฮีจะตื่นมาเตรียมอาหารเช้าให้กับลูกๆ และปลุกให้พวกเขาตื่นมาฟังวิทยุภาษาอังกฤษเป็นเวลา 30 นาที ในตอนกลางคืนหลังจากจัดการภาระทุกอย่างในบ้านเรียบร้อยและส่งสามีเข้านอน เธอจะต้องอยู่กับลูกๆ จนดึกดื่นเพื่อบังคับให้พวกเขาทบทวนบทเรียนในแต่ละวัน
แต่ภายใต้ความเข้มงวดที่ทำให้บรรดาแม่ๆ คนอื่นชื่นชมและมองว่าเธอเป็นต้นแบบของคุณแม่ยุคใหม่ ซุนฮีกลับกำลังแบกรับความกดดันไว้มากมาย ทั้งความคาดหวังจากครอบครัว สังคมรอบข้าง และโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันจนทำให้เธอเชื่อมั่นว่าการเข้มงวดกับลูกและเตรียมพร้อมให้พวกเขาสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้คือสิ่งที่ดีที่สุดที่แม่อย่างเธอจะมอบให้ลูกได้
กระทั่งคืนหนึ่งที่อึนพโยและซุนฮีบังเอิญพบกันบนดาดฟ้าของอพาร์ตเมนต์ จนเกิดเป็นบทสนทนาสั้นๆ ที่ทำให้พวกเธอได้มีโอกาสแบ่งปันความยากลำบากในฐานะแม่ให้กันและกันฟัง สุดท้ายที่นั่นจึงกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่แม่อย่างพวกเธอจะสามารถระบายความในใจโดยมีใครบางคนคอยรับฟัง
เรื่องราวในซีรีส์ยังคงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยที่การเป็นแม่ในแบบของอึนพโยยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเชื่อของบรรดาแม่ๆ ในย่านซังวีได้ เพราะพวกเธอยังคงยึดมั่นกับการแข่งขันกันเคี่ยวเข็ญลูกของตัวเอง รวมทั้งชื่นชอบการพูดจาอวดความสำเร็จของลูกๆ เช่นเดิม
แต่เราเชื่อว่าการปรากฏตัวของอึนพโยจะกลายเป็นคลื่นใต้น้ำที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในอนาคต และหากวันนั้นมาถึงเราก็หวังว่าบรรดาแม่ๆ คงจะได้เรียนรู้ว่าเด็กแต่ละคนก็เปรียบเหมือนดอกไม้ต่างชนิดที่มีช่วงเวลาผลิบานต่างกัน
พวกเธอไม่จำเป็นต้องเร่งใส่ปุ๋ยหรือสารเคมีให้กับดอกไม้เหล่านั้นมากนัก แค่ค่อยๆ รดน้ำหรือพรวนดินให้พวกเขาเติบโตไปอย่างงดงามในแบบฉบับของตนเองก็เพียงพอแล้ว
Green Mothers’ Club ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี ทาง Netflix เวลา 22.00 น.