×

Grab ปลดพนักงาน 1,000 คน ย้ำนี่ไม่ใช่ทางลัดสู่การทำกำไร แต่เป็นกลยุทธ์บริหารต้นทุน ท่ามกลางเป้าหมาย EBITDA เป็นบวกภายในสิ้นปีนี้

21.06.2023
  • LOADING...
Grab

ถือเป็นการสั่นคลอนครั้งใหญ่ เมื่อ Grab Holdings ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในสิงคโปร์ เพิ่งเปิดเผยแผนการที่จะเลิกจ้างงานกว่า 1,000 ตำแหน่ง ซึ่งคิดเป็นประมาณ 11% ของพนักงานทั้งหมด 

 

การตัดสินใจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการจัดการต้นทุนและส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางบรรยากาศทางธุรกิจที่ท้าทายและไม่แน่นอนมากขึ้น

 

แอนโธนี ตัน ซีอีโอของ Grab ออกบันทึกถึงพนักงานในช่วงเย็นวันอังคารที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ว่า “ผมต้องการบอกให้ชัดเจนว่าเราไม่ได้ทำเช่นนี้เพื่อเป็นทางลัดไปสู่การทำกำไร” ตันเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการบริหารต้นทุนในทุกพื้นที่ของธุรกิจ และความพยายามอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแพลตฟอร์ม

 

ภายในสิ้นปี 2022 พนักงานของ Grab อยู่ที่ 9,942 คน โดยไม่รวมพนักงานอีก 2,000 คน จาก Jaya Grocer ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านขายของชำในมาเลเซียที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการในเดือนมกราคมปีเดียวกัน ตันไม่ได้ระบุว่าบทบาทหรือตลาดใดที่จะได้รับผลกระทบจากการลดงานเหล่านี้

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 

 


 

เป็นที่น่าสังเกตว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Grab ต้องหันไปพึ่งการปลดพนักงาน ในช่วงที่การระบาดของโควิดสูงขึ้นในปี 2020 Grab ได้ปรับลดตำแหน่งงานประมาณ 360 ตำแหน่ง เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ

 

ในขณะที่คู่แข่งในภูมิภาคอย่าง Sea ของสิงคโปร์ และ GoTo ของอินโดนีเซีย เลิกจ้างพนักงานหลายพันคนเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ Grab ก็เลี่ยงการปลดพนักงานจำนวนมากจนถึงตอนนี้ โดยเลือกที่จะชะลออัตราการจ้างงานลงและปรับปรุงการดำเนินงานบางอย่างแทน

 

ในช่วงปลายปีที่แล้ว Grab เริ่มใช้มาตรการลดต้นทุนหลายชุด ซึ่งรวมถึงการหยุดการจ้างงานส่วนใหญ่ ระงับการขึ้นเงินเดือนสำหรับผู้จัดการอาวุโส และลดงบประมาณการเดินทางและค่าใช้จ่ายลงอย่างมาก

 

ถึงแม้จะมีการปลดพนักงานรอบล่าสุดนี้ แต่ตันก็สร้างความมั่นใจให้กับพนักงานของเขาว่า บริษัทกำลังจะถึงจุดคุ้มทุนตามเกณฑ์ EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย) ภายในสิ้นปีนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ บริษัทเชื่อว่าจะสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งไม่รวมรายการต่างๆ เช่น ดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา ด้วยรายได้จากการดำเนินงาน

 

น่าเสียดายที่ความสามารถในการทำกำไรเป็นคนละเรื่องกัน เพราะยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่สามารถทำกำไรได้ ในความเป็นจริงในไตรมาสแรกของปี Grab รายงานผลขาดทุนสุทธิ 250 ล้านดอลลาร์

 

แม้ว่าตัวเลขนี้จะลดลงอย่างมากถึง 43% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ก็ยังเน้นให้เห็นถึงการต่อสู้อย่างต่อเนื่องของบริษัทเพื่อทำกำไร การต่อสู้นี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นจากการเติบโตของการทำธุรกรรมที่ช้าลงนับตั้งแต่เศรษฐกิจเริ่มเปิดทำการอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว

 

“ต้นทุนของเงินทุนสูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อแนวการแข่งขัน” ตันระบุในบันทึก โดยเน้นย้ำด้วยว่า ภูมิทัศน์ของธุรกิจและเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเพียงใด โดยเทคโนโลยี AI ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน 

 

เพื่อให้ Grab สามารถแข่งขันได้ บริษัทต้องผสานสเกลขนาดใหญ่เข้ากับการดำเนินการที่ว่องไวและความเป็นผู้นำด้านต้นทุน เพื่อที่จะนำเสนอบริการที่ราคาย่อมเยาได้อย่างยั่งยืน และทำให้การเข้าถึงมวลชนของเราลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

Grab ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2012 พัฒนามาไกลตั้งแต่เริ่มให้บริการเรียกรถ ปัจจุบันให้บริการจัดส่งอาหารและบริการทางการเงิน ทำให้เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 8 แห่ง ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการเสนอสิ่งจูงใจจำนวนมากแก่ผู้ใช้และไดรเวอร์ ซึ่งช่วยให้แพลตฟอร์มเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

กระนั้นหลังจากเป็นบริษัทมหาชนในเดือนธันวาคม 2021 โชคชะตาของ Grab ก็ดูเหมือนจะแย่ลงไปอีก ราคาหุ้นของบริษัทตกลงราว 70% จากการเปิดตัวในตลาด โดยถูกเทขายเป็นวงกว้าง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มระมัดระวังบริษัทที่มีการเติบโตสูงที่ยังไม่สามารถทำกำไรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

 

เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดเหล่านี้ Grab ได้เปลี่ยนโฟกัสจากการขยายบริการบน Super App ไปสู่การมุ่งเน้นที่การปรับปรุงธุรกิจบริการเรียกรถและจัดส่งหลักของ Grab เอง

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising