ซีอีโอ Google Cloud มั่นใจ ฝ่าสงครามภาษี ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ด้วยประสบการณ์จัดการซัพพลายเชนโลกและเทคโนโลยี AI ด้าน Country Director ของ Google Cloud ประเทศไทย เชื่อว่า AI จะช่วยลดผลกระทบจากสงครามภาษี
จากงาน Google Cloud Next 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 เมษายน 2025 ที่เมืองลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ในปีนี้ THE STANDARD WEALTH ได้รับเชิญมาร่วมงานในฐานะตัวแทนสื่อไทยหนึ่งเดียว
หนึ่งในคำถามสำคัญระหว่างงานแถลงข่าวคือ สถานการณ์ของกำแพงภาษีที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อ Google Cloud อย่างไร
Thomas Kurian ซีอีโอ Google Cloud กล่าวว่า ในเรื่องภาษีศุลกากรเป็นสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา (Dynamic) อย่างที่เห็นมันเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละวัน เราเป็นบริษัทระดับโลก และเรามีทีมผู้บริหารระดับโลกที่มีประสบการณ์มากมายในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ทั่วโลก เราเคยผ่านประเด็นปัญหาเช่นนี้มามากมายในอดีต และเราจะยังคงทำงานร่วมกับรัฐบาลของประเทศต่างๆ ต่อไปเพื่อให้ได้ทางออกที่เหมาะสม ดังนั้น มั่นใจได้ว่าเรารู้วิธีที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical Environment)
“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เราเป็นบริษัทคลาวด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เราเริ่มต้นช้ากว่าผู้ให้บริการรายอื่นมาก แต่ผมจะไม่เทียบขนาดในปัจจุบันโดยอิงจากอัตราการเติบโตเพียงอย่างเดียว ส่วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขาเริ่มต้นเร็วกว่าเรามาก คุณจะเห็นได้จากทั้งการเติบโตของรายได้ของเรา การเติบโตของยอดจองซึ่งก็คือปริมาณงานในมือ เห็นการยอมรับของลูกค้า และการที่ลูกค้าใช้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเรา” Kurian กล่าว
Kurian กล่าวต่อว่า AI เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีที่ลูกค้าใช้พิจารณาตัดสินใจว่าจะเลือกพันธมิตรรายใด เพราะในอดีตการประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing) ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่เรื่องต้นทุนเพียงอย่างเดียว เช่น ต้องการใช้คลาวด์เพื่อลดต้นทุนในการจัดการแอปพลิเคชัน แต่ปัจจุบัน ลูกค้าหันมาใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถที่เรามีในด้านนี้ เพราะเรามีทีม AI และมีโครงสร้างพื้นฐาน AI ของเราเอง และคุณจะเห็นได้จากความสำเร็จที่เรามีกับลูกค้า หลายรายที่ไม่เคยเป็นลูกค้า Google Cloud มาก่อน ตอนนี้กำลังเลือกที่จะทำงานร่วมกับเรา เวลาก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร
AI คือทางรอดของธุรกิจไทย
อรรณพ ศิริติกุล Country Director, Google Cloud ประเทศไทย เปิดเผยว่า โลกของเราเป็นโลกของความไม่แน่นอนมานานแล้ว ไม่ใช่แค่เพิ่งเกิดขึ้น เช่น ยุคของอินเทอร์เน็ตที่เข้ามาดิสรัปต์ธุรกิจ หรือช่วงโควิด-19 ที่ทำให้เกิดการ Work from Home ทุกครั้งที่เกิดความไม่แน่นอนจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อยู่ที่ว่าเราจะ Adopt ได้ช้าหรือเร็ว
“ส่วนนโยบายต่างๆ (เรื่องภาษี) คนก็พูดกันอยู่แล้วว่าจะมีผลกระทบอะไร เช่น ต้นทุนสูงขึ้น ตลาดเปลี่ยนไป ซัพพลายเชนเปลี่ยนไป แต่ละธุรกิจก็ต้องปรับตัวให้เร็วเพื่อลดผลกระทบ ซึ่งสามารถนำ AI มาแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้” อรรณพกล่าว
หลังจากงานนี้จะทำให้เห็นภาพชัดมากขึ้น “ปีก่อนรู้แล้วว่าเทรนด์ AI มา แต่ยังเห็นภาพไม่ชัดเท่านี้ ปีนี้เราเห็น AI ในมุม practical มากขึ้น มีลูกค้าจากทั่วโลกมาพูดถึงการนำไปใช้งานจริง (Use Case) จากการใช้ AI และส่งผลกระทบเชิงบวกมากๆ ต่อธุรกิจ ทั้งเรื่องของ Lean Operation ให้องค์กร เรื่องที่สองคือเรื่องการสร้างธุรกิจใหม่ เรื่องที่สามคือเรื่องของ Productivity ถ้าเราไม่เริ่ม Adopt วันนี้ เราอาจจะสู้ในตลาดโลกไม่ได้” อรรณพกล่าว
สำหรับตัวอย่างบริษัทไทยที่เริ่มนำ AI เข้ามาช่วยธุรกิจ เช่น Central ที่เดินทางมาร่วมงาน Google Cloud Next 2025 ด้วยเช่นกัน Central เริ่มเอา AI ไปใช้งานในองค์กรของเขามากขึ้น เช่น การจัดการสินค้าคงคลัง ในอดีตการจะให้คนตรวจสอบ Inventory ค่อนข้างยาก แม้จะสามารถค้นหาผ่านคอมพิวเตอร์ได้ แต่ก็ต้องใช้หลายๆ ขั้นตอน
ปัจจุบันก็เริ่มเอา AI มาเป็นผู้ช่วย โดยให้ AI เข้าไปค้นหาข้อมูลแทน ซึ่งรวดเร็วมากขึ้น พนักงานก็ให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้นด้วย
อีกตัวอย่างคือ Finnomena ซึ่งธุรกิจทำเรื่อง Wealth Management เป็นหลัก เมื่อก่อนบริษัทก็ต้องมีพนักงานไปคุยกับลูกค้าว่าคุณจะลงทุนแบบไหน ลักษณะยังไง แต่การเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละคนก็ไม่ง่าย ขณะเดียวกันก็มีปัจจัยแวดล้อม เช่น ดอกเบี้ย นโยบายทรัมป์
สิ่งที่ Finnomena ทำคือเริ่มสร้าง AI ขึ้นมาตัวหนึ่ง เพื่อช่วยให้ที่ปรึกษา (RM) ฉลาดขึ้น เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น ตั้งแต่การเตรียมข้อมูลที่จะคุยกับลูกค้า การแนะนำพอร์ตโฟลิโอ
หนึ่งในสถิติที่น่าสนใจคือ โดยเฉลี่ยทั่วโลกบริษัทที่เริ่มนำ AI เข้ามาใช้กับธุรกิจมาร์จินจะสูงขึ้นเฉลี่ยประมาณ 6% ส่วนการใช้งาน AI ของ Google
ด้าน Karan Bajwa, President, Asia Pacific, Google Cloud เปิดเผยว่า เรื่อง AI ยังเป็นช่วงเริ่มต้นสำหรับประเทศไทย เราเริ่มเห็นความสามารถของ AI ถูกนำไปใช้ในธุรกิจค้าปลีก ธนาคาร และกลุ่มธุรกิจดิจิทัลบางส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซลูชันการชำระเงิน (payment solutions)
เราเพิ่งประกาศความร่วมมือหลายอย่างในประเทศไทย รวมทั้งการทำ MOU กับรัฐบาลเกี่ยวกับการพัฒนา Cyber Shield รวมทั้งความร่วมมือกับหลากหลายธุรกิจ เรากำลังเห็นโมเมนตัมที่สำคัญ และแน่นอนรวมทั้งการประกาศการลงทุนศูนย์ข้อมูล (Thailand Region)
