มหาวิทยาลัยโกลด์สมิธส์ ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ประกาศนำเนื้อวัวและผลิตภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยเนื้อวัวออกจากร้านอาหารของมหาวิทยาลัยตั้งแต่ปีการศึกษาใหม่หรือภายในเดือนกันยายนนี้ ขณะที่สถาบันการศึกษาดังกล่าวตั้งเป้าเป็นมหาวิทยาลัยปลอดคาร์บอนภายในปี 2025
ทั้งนี้งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science เมื่อไม่นานมานี้ พบว่าการผลิตเนื้อวัวสร้างก๊าซเรือนกระจกปริมาณ 105 กิโลกรัมต่อเนื้อน้ำหนัก 100 กรัม ขณะที่การผลิตเต้าหู้สร้างก๊าซเรือนกระจกไม่ถึง 3.5 กิโลกรัม
ส่วนการผลิตเนื้อวัวทั่วโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 41% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดในภาคปศุสัตว์ ขณะที่การทำปศุสัตว์ปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วน 14.5% ของการปล่อยก๊าซดังกล่าวทั่วโลก
นอกจากเนื้อวัวแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะเริ่มเก็บค่าขวดหรือถ้วยพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งจำนวน 10 เพนนีเพื่อลดการใช้พลาสติก โดยจะนำเงินส่วนนี้สมทบเข้ากองทุนริเริ่มนักศึกษารักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Student Initiative Fund)
ข้อมูลระบุว่ามหาวิทยาลัยโกลด์สมิธส์ปล่อยคาร์บอนปริมาณ 3.7 ล้านกิโลกรัมต่อปี ขณะที่มหาวิทยาลัยคาดหวังว่าจะสามารถลดการปล่อยคาร์บอนจนเป็นศูนย์ภายในปี 2025 ผ่านโครงการต่างๆ เช่น หันไปใช้พลังงานสะอาดทั่วมหาวิทยาลัย โดยเป็นแหล่งให้กำเนิดพลังงานทดแทน 107,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี รวมถึงการบรรจุวิชาเรียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในหลักสูตร
ศาสตราจารย์ฟรานเซส คอร์เนอร์ ระบุในแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยว่า “ทั่วโลกต่างเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ รับผิดชอบต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ถึงแม้ว่าฉันจะเพิ่งเข้ามาในโกลด์สมิธส์ แต่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่และนักศึกษาให้ความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมในอนาคต พวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
