Peter Oppenheimer หัวหน้าฝ่ายวิจัยมหภาคในยุโรปของ Goldman Sachs เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกกำลังก้าวเข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น หรือ Super Cycle ระลอกใหม่ที่แตกต่างจากวัฏจักรเดิมๆ เนื่องจากมีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการลดคาร์บอนไดออกไซด์เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก
ทั้งนี้ Super Cycle หมายถึงช่วงเวลาที่ยาวนานของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่มักจะมาพร้อมกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และตลาดมีความต้องการสินค้าอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงมีการจ้างงานในระดับสูง
Oppenheimer กล่าวว่า Super Cycle ครั้งสำคัญล่าสุดที่เศรษฐกิจโลกประสบนั้นเริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1980 โดยเป็นผลที่เกิดขึ้นหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อถึงจุดสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ทำให้หลังจากนี้เศรษฐกิจโลกจะอยู่ในช่วงของการกลับมาเติบโต ที่ต้นทุนเงินทุน อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย รวมถึงนโยบายทางเศรษฐกิจ เช่น การลดกฎระเบียบ และการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ จะมีการทยอยเข็นออกมาใช้เพื่อเอื้ออำนวยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวและขยายตัวเติบโตได้ดี ในขณะเดียวกัน ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ก็ผ่อนคลายลง และโลกาภิวัตน์ก็แข็งแกร่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับในส่วนของ Super Cycle รอบใหม่ Oppenheimer ชี้ว่า แรงผลักดันสำคัญจะไม่ได้มาจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลง หรือบรรยากาศการค้าโลกที่สดใส เนื่องจากยังมีปัจจัยความขัดแย้งทั้งในตะวันออกกลาง และรัสเซียกับยูเครน กระนั้น Super Cycle ของเศรษฐกิจโลกก็ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีด้วยอานิสงส์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI กับเทรนด์รักษ์โลกอย่างการปรับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization)
Oppenheimer อธิบายว่า แม้ AI ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่เนื่องจากมีกรณีการใช้งานที่มากขึ้น ทำให้เริ่มมีผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ออกมา กลายเป็นผลบวกสำหรับหุ้นทั้งหลาย เพราะ AI มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน แม้ว่า AI และการลดคาร์บอนไดออกไซด์จะเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างใหม่ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ไม่เคยมีการพูดถึงมาก่อนเลยในประวัติศาสตร์ เพียงแค่ครั้งนี้ AI และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะมีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญต่อการขยายตัวเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
Oppenheimer ชี้ว่า ความตกใจเชิงบวกของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บวกกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่จะทำให้มีการผลิตเกิดขึ้นจำนวนมากภายใต้การใช้เวลาและทุนที่ลดลงเพื่อก้าวไปสู่การลดคาร์บอนไดออกไซด์ จะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกพลิกโฉมสู่การเติบโตครั้งใหญ่อีกครั้งในประวัติศาสตร์
อ้างอิง: