นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มกลับมาเฉิดฉายสดใสอีกครั้ง โดยการคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ราคาทองคำในตลาดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 พฤศจิกายน) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือน ท่ามกลางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวอ่อนค่าลง และบรรดานักลงทุนทั้งหลายต่างเพิ่มน้ำหนักให้กับโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเรื่องที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปีหน้า
ทั้งนี้ ราคา Spot Gold เพิ่มขึ้น 0.52% อยู่ที่ 2,012.39 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าในเดือนธันวาคมแตะระดับ 2,018.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา
ราคาที่เพิ่มขึ้นสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นหน่วยวัดค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ลดลง 0.13% เนื่องจากนักลงทุนในตลาดคาดว่ามีโอกาสมากกว่า 90% ที่ Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสองครั้งถัดไป ส่วน FedWatch Tool ของ CME ระบุว่า มีแนวโน้ม 25% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2024
เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงมักถูกมองว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนราคาทองคำ ขณะที่นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ชี้ว่า แนวโน้มโลหะมีค่าในปี 2024 มีโอกาสกลับมาสดใสอีกครั้ง (Shine is Returning)
ทั้งนี้ บันทึกของนักวิเคราะห์ที่ส่งตรงถึงเหล่านักลงทุนระบุว่า ราคาทองคำที่อาจเพิ่มขึ้นจะเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และการเคลื่อนไหวของเงินดอลลาร์ แต่ Goldman Sachs ยังคาดว่าความต้องการของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องจากจีนและอินเดีย ควบคู่กับการซื้อของธนาคารกลางเพื่อชดเชยแรงกดดันขาลงจากการเติบโตและการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ด้านนักวิเคราะห์ของ Bank of America คาดว่า กรณีพื้นฐานของทีมสินค้าโภคภัณฑ์คือการแข็งค่าของทองคำตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงถูกผลักดันให้ต่ำลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed
สำหรับราคาทองคำในประเทศไทยวันนี้ (28 พฤศจิกายน) ณ เวลา 11.23 น. ลดลง 50 บาท โดยราคาทองคำแท่งรับซื้อที่ 33,250 บาทต่อบาททองคำ ขายออกที่ 33,350 บาทต่อบาททองคำ และทองรูปพรรณรับซื้อที่ 32,654.64 บาทต่อบาททองคำ ขายออกที่ 33,850 บาทต่อบาททองคำ
อ้างอิง: