สถานีโทรทัศน์ CNBC รายงานว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงมากกว่า 2% ในวันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ ทำให้หลุดกรอบจิตวิทยาที่ 1,800 ดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับเพิ่มขึ้น ดึงความสนใจจากนักลงทุนให้หันออกจากทองคำ
โดยราคาทองคำ (Gold Spot) ลดลง 2.3% มาอยู่ที่ 1,791.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากที่ลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 1,784.76. ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ราคาทองคำในตลาดฟิวเจอร์สลดลง 2.4% มาอยู่ที่ 1,791.20 ดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนราคาโลหะมีค่าอย่าง เงิน ก็ปรับตัวลดลงมาเช่นกัน โดยลดลง 2.3% มาอยู่ที่ 26.26 ดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำที่ปรับลดลงนี้ยังมีขึ้นในช่วงเดียวกันกับที่ค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์
รายงานระบุว่า ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักวิเคราะห์ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นนี้ จะดึงดูดให้นักลงทุนหันกลับเข้าซื้อพันธบัตร และเทขายทอง สำหรับการปรับพอร์ตการลงทุนในกลุ่มสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับลงอีก หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผ่านการอนุมัติของรัฐสภา แม้จะเผชิญเสียงท้วงติงจากสมาชิกพรรครีพับลิกันเกี่ยวกับวงเงินที่สูงถึง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: