ดัชนีหุ้นทั่วโลกทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อยู่ในระดับต่ำสุดรอบสามเดือน หลังนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะคงนโยบายการเงินผ่อนคลายต่อในการประชุมที่กำลังจะมาถึง
โดยดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.35% ส่วนดัชนี MSCI ปรับลดลงเพียงเล็กน้อยที่ 0.1% ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของตลาดที่จำกัด เนื่องจากตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง และออสเตรเลีย ปิดทำการเพราะเป็นวันหยุด
ในช่วงที่ผ่านมาตลาดตราสารทุนทั่วโลกต่างได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่ำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนี MSCI World, S&P 500 และ STOXX Europe 600 ปิดตลาดด้วยการทำสถิติสูงสุด แม้ว่าการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันก่อนหน้าจะออกมาสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
“ปัจจัยสำคัญเรื่องแรกคือการที่ Fed พูดมาตลอดว่าเงินเฟ้อเป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราว และ Fed จะดำเนินนโยบายแบบผ่อนคลายต่อ อีกหนึ่งปัจจัยคือเงินสดกำลังท่วมตลาด” โนริฮิโระ ฟูจิโตะ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ Mitsubishi UFJ Morgan Stanley Securities กล่าว
ฟูจิโตะระบุว่า เงินจำนวนมากกำลังหาทางไปสู่ตลาดพันธบัตร โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี เพิ่งจะตกลงสู่จุดต่ำสุดในรอบสามเดือนที่ 1.428% ไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเช่นกัน
“ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอาจลดลงไปถึง 1.25% หรือแม้กระทั่ง 1%” อากิระ ทาเคอิ ผู้จัดการกองทุนของ Asset Management One ระบุ
ทาเคอิกล่าวว่า อัตราการจ้างงานของสหรัฐฯ เคยอยู่ที่ 61% ก่อนเกิดวิกฤตโรคระบาด แม้ว่าตัวเลขล่าสุดจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 58% แต่คาดว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอตัวเช่นกัน
ผู้ลงทุนหลายรายเชื่อว่า Fed จะยังคงใช้นโยบายที่ผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่จะเริ่มในวันอังคารนี้
แม้คณะกรรมการบางคนของ Fed จะเคยพูดว่า ธนาคารควรเริ่มพูดคุยถึงการลดเข้าซื้อพันธบัตร แต่นักลงทุนยังเชื่อว่าเสียงส่วนใหญ่ยังอยากที่จะรอต่อไปอีกสักนิดมากกว่า
“ผลการประชุมในสัปดาห์นี้ไม่น่าจะมีอะไรที่เซอร์ไพรส์ออกมาจาก Fed แต่ในระยะยาวมันจะมีความเสี่ยงที่ชัดเจนจากการใช้นโยบายกระตุ้นที่มากเกินไปของ Fed มันแทบไม่มีเหตุผลที่จะซื้อ Mortgage Bonds ในช่วงที่ตลาดบ้านกำลังร้อนแรง” ฟูจิโตะกล่าว
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: