×

เมืองใต้น้ำ บ้านพับได้ เครื่องพิมพ์บ้านสามมิติ เราจะอยู่กันอย่างไรในโลกอนาคต?

27.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 Mins. Read
  • ตอนนี้วิธีสร้างบ้านแบบหนึ่งที่น่าจะเป็นวิธีแห่งอนาคตก็คือการสร้างบ้านให้ ‘เร็ว’ โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติในเวลาแค่ 24 ชั่วโมง สามารถพิมพ์บ้านได้ถึง 10 หลังที่มีความสูง 5 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยถึง 1,100 ตารางเมตร
  • ส่วนนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์ในอังกฤษ ตั้งเป้าจะสร้างเมืองบน ‘ฐานลอยน้ำ’ คล้ายๆ กับแพ เวลาน้ำสูงขึ้น เมืองทั้งเมืองก็จะลอยตัวขึ้นมาด้วย
  • แต่ถ้าเมืองลอยน้ำยังไม่น่าทึ่งมากพอ ต้องลองมาดูเมืองใต้น้ำแห่งอนาคตกันบ้าง เพราะบริษัทญี่ปุ่นอย่าง Shimizu Corp วางแผนสร้างเมืองใต้น้ำไว้อย่างพิถีพิถัน เมืองที่ว่านี้จะต้านทานไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวได้ โดยจะเป็นเมืองที่มีรูปเกลียวเจาะลึกลงไปใต้ผืนสมุทรลึกถึง 4 กิโลเมตร

ใครๆ ก็รู้ใช่ไหมครับว่าในอนาคตอันใกล้นี้ โลกของเราต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมแน่ๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้สภาพแวดล้อมของเราเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและรุนแรงอย่างที่เราคิดไม่ถึง


คำถามก็คือ แล้วเราจะอยู่กันต่อไปอย่างไรดี


สหประชาชาติบอกว่าในราว 100 ปีข้างหน้า โลกจะมีประชากรพุ่งสูงขึ้นไปถึง 1.13 หมื่นล้านคน คือแม้ประชากรในหลายประเทศจะลดลง แต่ประชากรในทวีปอย่างแอฟริกาจะเพิ่มจำนวนขึ้นมาก บางเมืองจะถึงขั้น ‘ระเบิด’ ออกมาจริงๆ เพราะคนไปอัดแน่นกันอยู่ในนั้น มีการทำนายว่าในอีก 100 ปีข้างหน้า เมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกจะกลายเป็นเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย เป็นเมืองที่มีประชากร 76 ล้านคน ซึ่งคือปริมาณคนในหนึ่งเมืองที่มากมายมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน


ที่สำคัญ ภาวะโลกร้อนและน้ำแข็งละลายจะทำให้น้ำทะเลในปี 2100 สูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 7 เมตร นั่นแปลว่าหลายเมืองจะจมอยู่ใต้น้ำจริงๆ


คำถามก็คือ แล้วเราจะทำอย่างไรกันดี

 


ตอนนี้วิธีสร้างบ้านแบบหนึ่งที่น่าจะเป็นวิธีแห่งอนาคตก็คือการสร้างบ้านให้ ‘เร็ว’ โดยใช้เทคโนโลยีการพิมพ์แบบสามมิติ แต่ใช้เครื่องพิมพ์ขนาดยักษ์ โดยบริษัทอย่าง Winsun ในจีนก็เริ่มผลิตบ้านพิมพ์สามมิติที่สูงถึง 5 ชั้น (ดูที่นี่) ถือเป็นบ้านพิมพ์สามมิติที่สูงที่สุดในโลกตอนนี้แล้ว

 

 

บ้านแบบนี้สร้างเร็วมาก ถ้าหากว่าโลกเกิดภัยพิบัติอะไรก็สามารถพิมพ์บ้านแบบนี้ออกมาให้คนอยู่อาศัยได้อย่างรวดเร็ว เพราะในเวลาแค่ 24 ชั่วโมงสามารถพิมพ์บ้านได้ถึง 10 หลัง โดยบ้านสูง 5 ชั้นนี้มีพื้นที่ใช้สอยถึง 1,100 ตารางเมตร แถมวัสดุที่ใช้พิมพ์ยังเป็นวัสดุรีไซเคิล เช่น ยาง และแก้วจากตึกที่มีอยู่แล้ว กับซีเมนต์แห้งเร็ว แล้วพิมพ์ออกมาเป็นกล่องๆ ซ้อนกันจนกลายเป็นอาคารสูง 5 ชั้นได้

 


ตัวเครื่องพิมพ์สูง 6.5 เมตร กว้าง 10 เมตร ยาว 40 เมตร สามารถพิมพ์บ้านออกมาหลากหลาย แถมยังเป็นผนังสองชั้น ตรงกลางกลวง จึงเป็นฉนวนป้องกันความร้อนและไฟไหม้ได้ด้วย บ้านแบบนี้มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าบ้านที่สร้างแบบธรรมดาถึง 30-60% จึงน่าจะกลายเป็นอนาคตของการสร้างบ้าน


นอกจากบ้านสามมิติแล้ว บ้านอีกแบบหนึ่งที่น่าจะเป็นอนาคตของเราด้วยก็คือ ‘บ้านพับได้’


ในอนาคต ที่ที่เราอยู่จู่ๆ อาจจะมีสภาพอากาศเลวร้ายขึ้นมาฉับพลันทันที ทำให้ต้องอพยพโยกย้าย แต่แทนที่จะต้องทิ้งบ้านเอาไว้ที่เดิม เราก็สามารถ ‘พับบ้าน’ แล้วย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นได้ บ้านแบบนี้อาจจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่มีทุกอย่างครบครัน เช่น มีกังหันลมและโซลาร์เซลล์เอาไว้ผลิตพลังงาน มีทั้งครัว ห้องน้ำ ห้องนอน ถ้าเกิดน้ำท่วมฉับพลันหรือทอร์นาโดก็สามารถย้ายได้ทันที บ้านแบบนี้ยังใช้เป็นบ้านพักฉุกเฉินได้ด้วย เช่น บ้านพับได้ในฟิลิปปินส์ ที่เกิดขึ้นหลังไต้ฝุ่นใหญ่ถล่ม


นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังมีแนวคิดสร้างให้บ้านแต่ละหลังมี ‘ภูมิอากาศจิ๋ว’ (Microclimate) ของตัวเองขึ้นมาด้วย เช่น บ้านในเขตร้อนจะทำให้เย็นได้อย่างไร ควรปลูกต้นไม้อย่างไรไว้รอบบ้านเพื่อช่วยสร้างภูมิอากาศจิ๋วเหล่านี้ โดยหลักการใหญ่ๆ ของการสร้างภูมิอากาศจิ๋วก็คือการ ‘เลียนแบบธรรมชาติ’ หรือที่เรียกว่า ‘ชีวลอกเลียน’ (Biomimicry) เช่น เลียนแบบรังปลวกที่สามารถรักษาอุณหภูมิให้สม่ำเสมอได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศที่กินพลังงานสูง แต่อาศัยการออกแบบที่สอดรับกับพื้นที่ หรือใช้พืชที่ดูดคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้บ้านสมัยใหม่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา


ที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของ ‘บ้าน’ ซึ่งเป็นเหมือนส่วนย่อยแบบจุลภาค คำถามก็คือแล้วถ้าเป็น ‘เมือง’ ล่ะ ในอนาคต เราอาจมีรูปแบบของเมืองอย่างไรได้บ้าง


แน่นอน ถ้าในอนาคตระดับน้ำจะสูงขึ้น นักวิทยาศาสตร์ก็ต้องคิดหาวิธีทำให้เมืองไม่ถูกน้ำท่วมใช่ไหมครับ


วิธีการง่ายๆ วิธีหนึ่งก็คือการสร้าง ‘เมืองลอยน้ำ’ ขึ้นมาเสียเลย

 


ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์ในอังกฤษ ตั้งเป้าจะสร้างเมืองบน ‘ฐานลอยน้ำ’ คล้ายๆ กับแพ เวลาน้ำสูงขึ้น เมืองทั้งเมืองก็จะลอยตัวขึ้นมาด้วย ซึ่งไม่ใช่ความเพ้อฝันหรือนิยายวิทยาศาสตร์นะครับ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง


นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันชื่อ The Seasteading Institute ในสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนาฐานคอนกรีตลอยน้ำรูปห้าเหลี่ยมที่มีขนาด 50 x 50 เมตรขึ้นมา เจ้าฐานคอนกรีตนี้จะมีอากาศอยู่ด้านใน ทำให้ลอยน้ำได้ แล้วสามารถสร้างฐานแบบนี้ขึ้นมาได้หลากหลายขนาด ทำให้นำมาเรียงต่อกันได้จนกลายเป็นฐานของเมืองขึ้นมา


โดยเมืองที่ว่านี้เริ่มคิดกันจริงจังแล้วในมหาสมุทรแปซิฟิก (ดูรายละเอียดได้ที่นี่) ของประเทศเฟรนช์โปลินีเซีย แต่จะเริ่มสร้างจริงๆ ในราวปี 2019 โดยเป้าหมายหลักอย่างหนึ่งของโครงการนี้ก็คือการ ‘ปลดปล่อย’ มนุษย์จากนักการเมืองและเขียนกฎหมายต่างๆ ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด โครงการนี้ได้เงินสนับสนุนจากเจ้าพ่อ PayPal คือ ปีเตอร์ ธีล ซึ่งจริงๆ เป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนของเฟซบุ๊กในยุคแรกๆ ด้วย คาดว่ากว่าจะเสร็จกันจริงๆ ก็น่าจะปี 2050 โน่น เพราะต้องสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ (ที่ก็ลอยน้ำได้เหมือนกัน) ล้อมรอบเมืองทั้งเมืองด้วย เพื่อไม่ให้คลื่นซัดเข้ามาภายในได้


แต่ถ้าเมืองลอยน้ำยังไม่น่าทึ่งมากพอ ต้องลองมาดูเมืองใต้น้ำแห่งอนาคตกันบ้าง

 

Photo: www.shimz.co.jp

 

เมืองนี้เป็นฝีมือการคิดและสร้างของบริษัทญี่ปุ่นอย่าง Shimizu Corp ที่วางแผนเมืองใต้น้ำไว้อย่างพิถีพิถัน เมืองที่ว่านี้จะต้านทานไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวได้ โดยจะเป็นเมืองที่มีรูปเกลียวเจาะลึกลงไปใต้ผืนสมุทรลึกถึง 4 กิโลเมตร โดยจะใช้เงินลงทุนราว 2.5-2.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเมืองอนุรักษ์พลังงาน หรือ Eco-City ด้วย เพราะว่าสามารถ ‘สกัด’ พลังงานต่างๆ จากใต้น้ำได้เองเลยโดยตรง


เมืองนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Ocen Spiral เพราะเป็นรูปเกลียวลงไปใต้น้ำ สามารถรองรับคนได้มากถึง 5,000 คน และรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ดีมาก เนื่องจากการอยู่ใต้ทะเลจะทำให้ไม่ต้องเผชิญกับลมแรงยามเกิดไต้ฝุ่น แม้แต่สึนามิก็ไม่กระทบ

 

Photo: www.shimz.co.jp

 

คุณอาจสงสัยว่าถ้าลงไปอยู่เมืองใต้น้ำที่ว่านี้ เราจะเอาอากาศที่ไหนมาหายใจ แต่นักวิทยาศาสตร์คิดว่าจะสกัดออกซิเจนจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวใต้ทะเล ทำให้ได้ทั้งคาร์บอนไดออกไซด์และออกซิเจน แล้วนำคาร์บอนไดออกไซด์มาผลิตมีเทนเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน นอกจากนี้ยังใช้ความต่างของอุณหภูมิในน้ำระดับลึกและตื้นเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมาใช้เองด้วย ส่วนน้ำดื่มก็ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะต้องมีระบบสกัดเกลือออกจากน้ำทะเล ทำให้ได้น้ำบริสุทธิ์เอาไว้ดื่มกิน และเกลือก็นำมาใช้ประโยชน์ได้อีก


เขาบอกด้วยว่า ในอนาคตเมืองใต้สมุทรแบบนี้จะมีอยู่ทั่วไปในทุกมหาสมุทร แต่กว่าจะสร้างเสร็จขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 15 ปี


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางฉากของความเป็นไปได้ในการอยู่อาศัยแห่งอนาคตเท่านั้น ที่จริงยังมีแนวคิดอื่นๆ อีกมาก แต่ถ้าอยากรู้อย่างถ่องแท้ว่าเราจะอยู่กันอย่างไรในอนาคตอันไกลโพ้นข้างหน้า


อย่างแรกก็คือ ต้องอยู่ให้ถึงเสียก่อนนะครับ!

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising