12 ชั่วโมงเต็มบินข้ามทวีปจากกรุงเทพฯ สู่ปารีส แม้ร่างกายเหนื่อยล้าแต่เรายังคงเดินหน้าต่ออีกราว 6 ชั่วโมงเศษ เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง นั่นคือรถไฟฟ้าความเร็วสูง TGV เคลื่อนตัวเร็วกว่า 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภาพอันคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ณ สถานีรถไฟ Gare de Lyon กำลังแปรเปลี่ยนเป็นท้องทะเลสีฟ้าครามฉบับ French Riviera บทสนทนาปราศรัย เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังแทรกความเงียบท่ามกลางเพื่อนร่วมทางที่มีดีกรีเป็นทั้งแบ็กแพ็กเกอร์ผู้แบกเป้ใบโต ไปจนถึงนักธุรกิจมาดเท่ใส่สูท Armani เนื้อดี

หลังจากนั่งมองเพื่อนร่วมขบวนเปลี่ยนหน้ามานาน เราก็เดินทางมาถึงยัง ‘นีซ’ (Nice) เมืองตอนใต้ของฝรั่งเศสที่เล่าลือว่าสวยงามนัก จนถูกยกย่องให้เป็นเมืองตากอากาศอันดับ 1 ของฝรั่งเศส นักเดินทางที่พร้อมลงสถานี Gare Nice Ville นั้นแต่งกายสบายๆ ผู้ชายใส่เสื้อยืดหรือเชิ้ตแขนสั้นสีอ่อน สวมกางเกงขาสั้นพอดีเข่า หญิงสาวถ้าไม่ใส่เสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้น ก็มักเป็นชุดสไตล์รีสอร์ตสวมแว่นกันแดดสีชา ให้บรรยากาศแหล่งตากอากาศริมทะเล ไม่ต่างจากเมืองติดทะเลแห่งอื่นๆ

นีซเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากปารีส เป็นหนึ่งสมาชิกแคว้น Provence-Alpes-Côte d’Azur ริมชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ระหว่างเมืองมาร์กเซยของฝรั่งเศส กับเมืองเจโนวาของอิตาลี ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้เรียกได้ว่ายาวนานพอๆ กับอาณาจักรกรีก โบราณสถานสำคัญหลายแห่งแสดงหลักฐานการกำเนิดเมืองไว้ราวปี 350 ก่อนคริสตกาล โดยฝีมือนักเดินเรือชาวกรีซที่ไปตั้งรกรากอยู่ที่เมืองมาร์กเซย การเที่ยวชมเมืองมีให้เลือกหลายอรรถรส จะนั่งรถรางเที่ยวตามจุดต่างๆ หรือเลือกปั่นจักรยานสาธารณะที่มีให้เช่าตามแต่สะดวกใจ หากมีเวลาไม่มาก แนะนำให้นั่งรถนำเที่ยวก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยมุ่งเจาะจงอีกทีว่าไปที่ใด รถนำเที่ยวจอดรออยู่หน้าโรงแรม Negresco บริเวณหาด Promenade des Anglais การเดินทาง 1 รอบใช้เวลา 45 นาที ราคา 8 ยูโร เส้นทางเดินรถเริ่มต้นหน้าหาด ผ่านเมืองเก่า (Vieux Nice) ท่าเรือยอร์ช ก่อนไปจอดพัก ณ จุดชมวิวบริเวณ Castle Hill สวนสาธารณะบนยอดเขา เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมเมืองในมุมสูงแบบ 180 องศา และวกกลับเข้าถนนเรียบหาดอีกครั้ง ระหว่างทางมีไกด์อิเล็กทรอนิกส์ 6 ภาษา คอยบรรยายเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังโดยละเอียด

หาด Promenade des Anglais หาดหินชื่อดังของนีซ นักพักผ่อนทั้งหลายต่างพากันเปลือยกายให้แสงแดดโลมไล้ ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันไปจนถึงบ่ายแก่ ท่ามกลางบรรยากาศเบาสบาย แสงแดดเจิดจ้า ลมทะเลอ่อนๆ น้ำทะเลสีฟ้าครามเคียงคู่หาดหินที่ทอดตัวไกลหลายกิโลเมตร ถ้าคลื่นแรงหน่อยก็หยิบบอร์ดเซิร์ฟออกมาโต้ ใครที่มาเป็นกลุ่มก็หยิบลูกบอลมาเล่นกันริมหาด แต่ในช่วงยามเย็นที่อาทิตย์ยอแสง บริเวณนี้จะคลาคล่ำไปด้วยชาวเมืองที่กิจกรรมแบบหนาตา มีทั้งวิ่งออกกำลังกาย เดินเล่นกินลม ปั่นจักรยานรอบหาด บ้างก็จับกลุ่มออกมาเต้นบีบอย เล่นสเกตบอร์ด หรือเล่นดนตรีเบาๆ คลอเสียงคลื่นกันไป

จากหาดเดินไปไม่ไกล ตัวเมืองเก่าของนีซนั้นดึงดูดให้หลายคนหลงใหล ตึกรามบ้านช่องสีสันเด่นสะดุดตา ตรอกซอยมากมายนั้นเต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรีงานศิลปะ ร้านค้า ร้านอาหาร มีสินค้าท้องถิ่นให้เลือกช้อป หากเดินตามถนนสายหลักจะพบกับตลาด Cours Saleya ตลาดเก่าประจำเมืองที่เปิดขายอาหารสดและอาหารแปรรูปสารพัดชนิด สบู่ออร์แกนิก น้ำมันมะกอก ไวน์ท้องถิ่น และเครื่องเทศทางใต้ ซึ่งหากเดินวันจันทร์ตลาดแผงลอยที่ขายผักผลไม้และดอกไม้สดจะเปลี่ยนเป็นร้านขายของเก่าสภาพเยี่ยมไว้ให้ผู้รักของมือสองไว้ซื้อหากัน มีโอกาสแนะนำให้ลองแวะชม เพราะของแต่ละชิ้นนั้นสวยงาม ประณีต และบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของฝรั่งเศสสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี

ตลอดเวลาที่เดินชมเมือง เราจะเห็นว่าชาวนีซนิยมพกกระเป๋าลากหรือตะกร้าสานใบโตไปจ่ายตลาดด้วยเสมอ น้อยนักที่จะเห็นชาวเมืองหิ้วถุงพลาสติกระหว่างช้อปปิ้ง นอกเสียว่าเป็นถุงกระดาษหรือหีบห่อสินค้าที่สวยงามไปเลย พ่อค้าแม่ค้าที่นี่ช่างเจรจาปราศรัยและเข้ากับนักท่องเที่ยวชาวเอเชียได้ดีนัก เมื่อเทียบกับคนเมืองหลวงอย่างปารีเซียงที่ให้ภาพลักษณ์ติดหยิ่งนิดๆ หน้าบึ้งหน่อยๆ ยิ่งพ่อค้าคนไหนที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี เขาจะชวนเราคุยตั้งแต่เรื่องลมฟ้าอากาศทั่วไป ลามไปถึงครอบครัว หากคุยแล้วถูกคอก็จะลดแลกแจกแถมให้เป็นพิเศษ

ถ้าอยากสัมผัสวิถีคนนีซให้ถึงแก่น ลองตื่นเช้าสักนิดแล้วแวะไปตลาด Marché de la Libération ตลาดนัดตอนเช้าที่มีแต่คนพื้นที่เท่านั้นที่เดิน ขึ้นรถรางที่สถานี Massena แล้วลงที่ Libération ตลาดจะอยู่ติดกัน บรรยากาศจะแตกต่างจากตลาด Cours Saleya นิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าน่ารักเหมือนกัน

ณ จัตุรัส Place Rossetti ใจกลางเมืองเก่า มีร้านไอศกรีมร้านเด็ดที่ใครมานีซแล้วไม่ได้ชิมถือว่าพลาดพอๆ กับการไม่เจอหาด Promenade des Anglais ร้าน ‘Fenocchio Glacier’ เป็นร้านเก่าประจำเมืองที่เปิดมานานตั้งแต่ปี 1966 จุดเด่นของร้านคือรสไอศกรีมที่มีให้เลือกมากมายเกือบร้อยชนิด จนคนสั่งถึงกับมึนว่าจะสั่งรสไหนดี จะเลือกกินรสธรรมดาอย่างวานิลลา ช็อกโกแลต หรือลองรสแปลกชวนชิมอย่าง M&M, รสพริกและช็อกโก หรือไอศกรีมผสมเหล้าที่ตั้งชื่อตามเมนูค็อกเทล ซึ่งราคาก็จับต้องได้อยู่ที่ 1 สกู๊ป 2 ยูโร ยิ่งซื้อหลายรสยิ่งถูก แถมรสชาติไม่ต้องเอ่ยถึง อร่อยถูกลิ้นดีจริง ใกล้กันยังเป็นที่ตั้งของ Cathedrale Ste Reparate โบสถ์เก่าแก่ประจำเมือง ใครที่สนใจงานของศิลปินท้องถิ่นแนวร่วมสมัยสามารถแวะชมงานอาร์ตเท่ๆ ได้ที่ Musee d’Art Moderne Et d’Art Contemporain ติดกับจัตุรัส Massena แค่นี้ก็ถือว่าเป็นการเที่ยวเมืองแบบ 2 วันอย่างเต็มอิ่ม

เวลาเพียง 2 วัน 1 คืนอาจน้อยไปนิดเมื่อเทียบกับการทำความรู้จักนีซ แต่ตึกรามบ้านช่อง ทะเลสีคราม และความเป็นมิตรของผู้คน ก็ทำให้เราเข้าใจว่าทำไมนีซถึงกลายเป็นสถานที่ทรงเสน่ห์ที่มีผู้คนมุ่งมาเยือนนับล้านในทุกปี

ภาพ: Shutterstock

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า