ด้วยอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่ชะลอตัว ทำให้ Foxconn ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตามสัญญารายใหญ่ที่สุดของโลก จำต้องปรับตัวและหารายได้ใหม่เข้ามาชดเชย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการหันไปลงทุนกับ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’ ที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ของโลก
Nikkei Asia รายงานว่า Foxconn เตรียมที่จะสร้าง ‘โรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า’ ในสหรัฐอเมริกาและไทยภายในปี 2022 “แผนของเราคือเริ่มการผลิตจำนวนมากในสหรัฐอเมริกาและไทยตามลำดับในปี 2023” ยังหลิว ประธาน Foxconn กล่าวกับนักลงทุน “นอกจากในสหรัฐอเมริกาและไทยแล้ว เรายังอยู่ระหว่างการเจรจากับการหาสถานที่ที่เป็นไปได้ในยุโรปด้วย ซึ่งนี่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การใช้รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกของเรา”
แม่ทัพของ Foxconn ระบุว่า โรงงานในไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมทุนระหว่าง Foxconn กับ ปตท. กลุ่มบริษัทน้ำมันและก๊าซยักษ์ใหญ่ของไทย เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เบื้องต้นโรงงานจะผลิตป้อนตลาดภายในประเทศก่อน หลังจากนั้นจะค่อยๆ ขยายการส่งออกไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตามลำดับ คาดว่าจะมีกำลังการผลิต 150,000-200,000 คันต่อปี
ในขณะเดียวกันโรงงานในสหรัฐฯ จะให้บริการแก่ลูกค้า อาทิ Fisker ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ EV สัญชาติอเมริกัน ซึ่งบริษัทไต้หวันจะเริ่มสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าภายในสิ้นปี 2023
Foxconn ได้ตัดเม็กซิโกออกจากแผนที่จะสร้างโรงงานแล้ว แต่กำลังเจรจากับสามรัฐในสหรัฐอเมริกาเพื่อสร้างโรงงานผลิต EV แห่งแรกในอเมริกาเหนือ รายงานจาก Nikkei Asia ระบุว่า รัฐวิสคอนซินเพิ่งบรรลุข้อตกลงกับ Foxconn เพื่อแก้ไขแผนการลงทุนเดิมมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาที่ Foxconn ทำในปี 2017
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Foxconn เพิ่งเข้าซื้อโรงงานชิปที่ตั้งในเมืองซินจู่ ทางเหนือของไต้หวัน ด้วยมูลค่าประมาณ 90 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนี่เป็นแผนส่วนหนึ่งที่จะทำให้ธุรกิจผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่งตั้งไข่มี ‘ชิป’ สำหรับใช้งานท่ามกลางวิกฤตขาดแคลนชิประดับโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในขณะเดียวกัน Foxconn จะเริ่มผลิต iPhone 13 Series ที่กำลังจะเปิดตัวปลายเดือนนี้ในประเทศจีนพร้อมกับคู่แข่งอย่าง Pegatron และ Luxshare Precision Industry ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของจีนที่กำลังเติบโตและตั้งเป้าที่จะท้าทายตำแหน่งระดับโลกของ Foxconn ในวันหนึ่ง แม้บริษัทในไต้หวันยังคงเป็นผู้ผลิต iPhone รายใหญ่ที่สุด แต่ Apple กำลังจัดหาซัพพลายเออร์จากจีนเพิ่มเพื่อผลิต iPhone รุ่นใหม่ในปีนี้
“เราไม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับลูกค้าหรือผลิตภัณฑ์ แต่ฉันต้องบอกว่าเรายังคงมั่นใจในความสัมพันธ์ของเรากับลูกค้า” แม่ทัพ Foxconn กล่าว “นอกจากนี้ เราไม่เพียงแค่ยืนนิ่งเมื่อเผชิญกับการแข่งขัน ความปรารถนาในการเติบโต ความแข็งแกร่ง และความยืดหยุ่น คือสิ่งที่ทำให้เราโดดเด่นในอุตสาหกรรมและเป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับเรา”
Foxconn เพิ่งรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 30% เป็น 2.98 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนเมษายนถึงมิถุนายน ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้น 27% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2021 โดยได้แรงหนุนจากความต้องการตั้งแต่สมาร์ทโฟน พีซี เซิร์ฟเวอร์ เกมคอนโซล ไปจนถึงอุปกรณ์เครือข่าย
อ้างอิง: