เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ส่งหมายเชิญสื่อมวลชนร่วมฟังการแถลงข่าวความคืบหน้าในคดีสถานบันเทิง (ผับ) จินหลิง โดยมี พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) และคณะเป็นผู้แถลง
เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ปฏิบัติการบุกจับผับจินหลิงที่ปรากฏชื่อ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เป็นเจ้าของเกิดขึ้น การจัดแถลงครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทางฝั่ง บช.น. ได้กล่าวถึงคดีนี้อย่างเป็นทางการ และเป็นครั้งสุดท้ายที่จะพูดถึงตามความตั้งใจของ ผบช.น. ด้วยเหตุผลที่ว่าจากนี้ต่อไปคดีดังกล่าวถูกส่งต่อไปถึงมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อย ส่งผลให้ข้อมูลบางส่วนเป็นหลักฐานสำคัญในสำนวนที่ตำรวจจะต้องใช้ต่อสู้ และไม่สามารถรายงานให้รับทราบได้
พล.ต.ท. ธิติกล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจของสังคมต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ซึ่งคดีนี้ผ่านการสอบสวนมาเป็นระยะตามขั้นตอน จนมาถึงปัจจุบันที่มีความคืบหน้าพอที่จะรายงานให้ประชาชนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หมายรวมถึงสิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำในปัจจุบันและจะทำต่อไปในอนาคต
ในการเข้าตรวจค้นสถานที่เกิดเหตุวันที่ 26 ตุลาคม ก่อนที่ปฏิบัติการจะเริ่มขึ้น ทางกองบัญชาการสืบสวนเข้าสืบสวนตามข้อมูลข่าวสารที่ได้รับว่า สถานที่ดังกล่าวมีการลักลอบเล่นการพนัน เสพยาเสพติด และเปิดให้บริการรูปแบบสถานบันเทิง ในส่วนนี้ทางฝ่ายสืบสวนได้จัดทำรายงานการสืบสวน โดยระบุว่า ผับนี้มีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีพฤติการณ์ผิดกฎหมาย จึงนำไปสู่การเข้าตรวจค้นในที่สุด
เมื่อเข้าไปตรวจค้นด้านในสิ่งที่พบคือ บุคคลหลากหลายสัญชาติโดยส่วนมากเป็นสัญชาติจีน เวียดนาม กัมพูชา ส่วนสัญชาติไทยมีบางส่วนรวมแล้วประมาณ 200 คน ลักษณะของสถานที่เป็นรูปแบบปิด มีประตูเข้าออก 2 ชั้น ล้อมรั้วสูง มีการต่อเติม เมื่อเข้าไปด้านในเจ้าหน้าที่พยายามสอบถามหาผู้ที่ควบคุม ดูแล และในระหว่างนั้นปรากฏชายคนหนึ่งที่แสดงตัวว่าเป็นคนดูแล ชายคนดังกล่าวเป็นชาวไทยที่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้
เจ้าหน้าที่ทำการแจ้งดำเนินการให้บุคคลทั้งหมดรับทราบ และเริ่มตรวจค้นทีละอาคาร ทีละส่วนจนพบสิ่งกฎหมาย เช่น ยาเสพติด รถยนต์ที่จอดไว้ ต่อมาได้ตรวจยึดไว้ 35 คัน ซึ่งรถทั้งหมดนี้เจ้าหน้าที่เริ่มตามหาผู้ที่เป็นเจ้าของ รวมทั้งตรวจค้นโดยมีการบันทึกภาพถ่ายขณะค้นไว้ด้วย
ในแต่ละห้องที่เข้าไปตรวจสอบจะมีวงจรปิดที่บันทึกได้ว่าใครทำอะไร ที่จุดไหนได้ชัดเจน ทั้งผู้ที่อยู่ในสถานบันเทิงและเจ้าหน้าที่ที่เข้าปฏิบัติงาน แยกได้เป็นรายบุคคล บรรดาห้องที่ค้น ทั้งหมดพบห้องที่ถูกจัดทำไว้เพื่อเก็บยาเสพติดหลายประเภทโดยเฉพาะ ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานได้จัดเก็บยาเสพติดทั้งหมดไว้ เช่นเดียวกับไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิดของร้าน
พล.ต.ท. ธิติอธิบายว่า สาเหตุที่ตำรวจชุดตรวจค้นไม่เป็นผู้เก็บหลักฐานต่างๆ เอง ก็เพื่อให้หลักฐานในสำนวนถูกจัดเก็บอย่างถูกต้อง ไม่ต้องการให้เป็นปัญหาในข้อต่อสู้ทางคดี ว่าตำรวจเอาหลักฐานเข้าสำนวนไม่ถูกต้อง
จากการรวบรวมข้อมูลและจัดประเภทผู้ที่เข้ามาใช้บริการในสถานบันเทิงแห่งนี้ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่เข้ามาเสพยา กลุ่มที่มาเที่ยวสังสรรค์ และกลุ่มผู้ให้บริการ การตรวจสารเสพติดผู้ที่อยู่ในอาคารทั้งหมดจากชุดตรวจเบื้องต้นมี 104 ราย ตำรวจได้แยกกลุ่มดำเนินคดีการใช้ยาเสพติด แต่ทั้งนี้ 104 รายที่ตรวจเจอจากชุดตรวจเบื้องต้นได้ถูกส่งตรวจอีกครั้งโดยละเอียดที่โรงพยาบาลธัญญาลักษณ์ และได้ข้อสรุปท้ายสุดว่ามีผู้ที่มีสารเสพติดในร่างกาย 77 ราย ขั้นต่อมาพนักงานสอบสวนนำตัวทั้งหมดกลับไปส่งฟ้อง
ทั้งนี้ ในระหว่างกระบวนการส่งฟ้องเกิดขึ้น มีตำรวจที่ไม่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ทำคดีได้นำผู้ต้องหาจากในกลุ่ม 77 ราย แยกออกไป 1 รายเพื่อทำการฟ้องเองและปล่อยตัว ปัจจุบันเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวถูกดำเนินคดีและส่งตัวให้หน่วยงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับผิดชอบ ผลการสอบสวนเจ้าหน้าที่รายที่กระทำการดังกล่าวได้รับการติดต่อจากบุคคลภายนอกที่เป็นผู้มีอิทธิพลทางการเงิน จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่กระทำผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวผู้มีอิทธิพลรายนั้น
ส่วนผู้ต้องหาที่ต้องส่งฟ้องอีก 76 รายที่เหลือในกลุ่มนี้ให้การปฏิเสธ 11 ราย ที่เหลือศาลตัดสินเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) รับตัวกลับไปไว้ดูแล ทั้งนี้ ในส่วนคดีเสพยาที่ถูกดำเนินไป ในกระบวนการคู่ขนานตำรวจได้สอบปากคำผู้ที่เสพยาไว้เป็นพยานทุกราย ในประเด็นการเดินทางมาเที่ยว การใช้สารเสพติด รวมไปถึงช่องทางการสื่อสารของกลุ่มนี้ และช่องทางการชำระเงินต้นทางและปลายทาง ทำให้ตำรวจได้พยานปากสำคัญหลายปากที่ให้การเป็นประโยชน์ และมีความชัดเจนว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวมีรถไปรับและพามาเสพยาโดยเฉพาะ
พล.ต.ท. ธิติกล่าวต่อไปว่า หลักฐานทางการเงินทั้งหมดที่รวบรวมได้ ตำรวจได้เสนอต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้ตรวจสอบโดยตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเอาผิดฐานฟอกเงินกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทาง บช.น. ได้ส่งหนังสือถึง ปปง. ถึง 2 ครั้งเพื่อติดตาม รวมทั้งเข้าพบกับประธาน ปปง. ขอให้ทางคณะกรรมการได้ตรวจสอบคดีดังกล่าวอย่างเร่งด่วน จนนำไปสู่การพบหลักฐานอีกด้าน
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งคำถามว่าทำไม บช.น. ไม่ตั้งข้อหาฐานการฟอกเงินเอง เพราะ บช.น. ไม่ได้ทำงานหน่วยงานเดียว คดีนี้มีการขอความร่วมมือทางอัยการเพื่อปรึกษาทางคดี ในการยึดทรัพย์ที่จำเป็นเร่งด่วนได้มีการประสาน ปปง. ที่จะดำเนินการ หลายหน่วยงานที่เข้ามามีกระบวนการเชื่อมโยง การพิจารณาจะดำเนินข้อหาใดต้องอาศัยความชำนาญการ เป็นเจ้าหน้าที่ เจ้าพนักงานโดยตรง ซึ่งสำนักงาน ปปง. ย่อมเป็นผู้ที่มีความชำนาญและสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ครอบคลุมกว่า ฉะนั้นการทำงานร่วมกันต้องให้ความเชื่อถือกับหน่วยงานที่ทำงานร่วมกัน
ส่วนบุคคลที่ทำการจับกุมในฐานะผู้ให้บริการที่ผับจินหลิง ทาง บช.น. ได้เสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าให้พิจารณาความเกี่ยวข้องประเด็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เนื่องจากบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้มาจากหลายประเทศ หลายสัญชาติ และมีความเชื่อมโยงกันในการที่จะแบ่งหน้าที่
แต่ทั้งนี้ บช.น. ไม่สามารถนำข้อมูลมาเปิดเผยให้ได้ทุกขั้นตอน เพราะในที่เกิดเหตุมียาเสพติดและชาวต่างชาติ ซึ่งจะต้องมีการแยกวิเคราะห์ว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร หน้าที่ของ บช.น. คือต้องทำให้ชัดเจนให้เห็นว่าใครคือตัวการ และเชื่อมโยงกันลักษณะใด มีพยานหลักฐานอะไร มีช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างไร
“ความพยายามของเจ้าหน้าที่คือจะต้องหาพยานหลักฐานเหล่านี้นำมาประกอบในสำนวน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องมีที่มาในการเข้าสู่กระบวนการสอบสวน หลักฐานที่ได้มาต้องถูกต้อง ข้อสันนิษฐานจะต้องอยู่บนพื้นฐานของคดี นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ใช้เวลารวบรวมระยะหนึ่ง” พล.ต.ท. ธิติกล่าว
พล.ต.ท. ธิติยังได้กล่าวถึงการอายัดทรัพย์สินว่า เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่อยากทำความเข้าใจ เพราะในประเด็นนี้มีหลากหลายความคิดเห็น ทีมพนักงานสอบสวนต้องตั้งหลักว่าคดีพื้นฐานต้องแน่นถ้าจะยึดอะไร แต่ก็จะต้องทำแข่งกับเวลา ทั้งนี้ การยึดมีรายละเอียดชัดเจนทั้งในส่วนของ พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ และในส่วนของคดีการฟอกเงิน โดยเจ้าหน้าที่เลือกใช้กฎหมายที่จะสามารถบังคับใช้ได้อย่างรวดเร็ว ส่วนที่เหลือเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับคดีไว้ในส่วนของการฟอกเงิน เชื่อว่าจะมีการดำเนินการต่อไป แต่ทั้งนี้ทีมพนักงานสอบสวนยังคงต้องดำเนินการติดตามต่อเนื่อง เพราะหากว่าบุคคลเหล่านั้นสมคบคิดในคดียาเสพติดหรือฟอกเงินจริง ก็จะต้องดำเนินการต่อในส่วนของกฎหมายยาเสพติดที่มีการแจ้งโทษสูงไว้ก่อนแล้ว
ทำไมถึงดำเนินคดีกับพนักงานรักษาความปลอดภัย พล.ต.ท. ธิติยืนยันว่าเขาไม่ใช่ยาม เขาอาจจะเป็นคนที่ถูกสร้างไว้ดูแลสถานที่ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้น เขาได้แสดงตัวเป็นผู้รับผิดชอบบอกว่าเป็นผู้ที่ดูแล เพราะในนั้นมีแต่ชาวต่างชาติ เขาเป็นคนที่สามารถพูดภาษาต่างชาติได้เขาจึงถูกจ้างไว้ดูแล เมื่อเจ้าหน้าที่แสดงหมายและบุคคลดังกล่าวรับหมาย เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาในขณะที่ปรากฏข้อเท็จจริง แต่ทั้งนี้ก็ต้องยอมรับว่าในขณะที่ทำการซักถามบุคคลนี้ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นจริง อาจจะเป็นเพราะความกลัวหรือต้องการปิดบังใดๆ แต่หลังจากที่พนักงานสอบสวนได้พูดคุย ใช้เวลาในการซักถามจนวางใจ ชายคนดังกล่าวจึงยินดีที่จะให้การที่เป็นประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับคดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นเชื่อมโยง
“พนักงานสอบสวนมีความเห็นว่า คำให้การดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และชายคนดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวการในการกระทำความผิด พนักงานสอบสวนจึงสั่งคดีไปตามข้อเท็จจริง ส่วนคำให้การที่เป็นประโยชน์ พนักงานสอบสวนได้รวบรวมไว้ในสำนวนเพื่อส่งให้พนักงานอัยการได้พิจารณาเพื่อนำขึ้นสู่กระบวนการสืบไต่สวนต่อไป ทั้งนี้ การให้ปากคำของบุคคลดังกล่าวเจ้าหน้าที่ไม่ได้โน้มน้าว รายละเอียดเหล่านี้นอกจากมีเป็นลายลักษณ์อักษร ยังมีภาพและเสียงที่บันทึกไว้ด้วย เพื่อให้เห็นว่าบุคคลนี้ได้อยู่ในสถานะที่มีสติสัมปชัญญะ และไม่ได้ถูกเจ้าหน้าที่กระทำการใดๆ อันเป็นการต่อรองหรือหว่านล้อม” พล.ต.ท. ธิติกล่าว
พล.ต.ท. ธิติยังกล่าวด้วยว่า การปล่อยให้รถยนต์ที่มีการตรวจยึดออกไปหลังมีผู้ติดต่อรับ จนทำให้เกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ เรื่องนี้มีการดำเนินการ 2 ส่วน ส่วนหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าไปตรวจสอบเก็บภาพจากกล้องวงจรปิด ทำรายละเอียดว่าความเคลื่อนไหวของผู้ที่มารับรถเป็นอย่างไร เป็นการดำเนินการคู่ขนานกับชุดคณะกรรมการที่ทำคดีผับจินหลิง ขณะนี้ทาง รอง ผบช.น. ได้มีหนังสือทวงถามการพิจารณาโทษทางวินัยว่าดำเนินการถึงขั้นตอนไหน
ทั้งนี้ บช.น. ต้องดำเนินการตามขั้นตอนในสิ่งที่พยานหลักฐานรวบรวมหาได้ และยังมีผู้ต้องหาออกหมายจับกุมเพิ่มเติมอีก จากนี้หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมและเชื่อมโยงได้ทั้งพยานเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุ เส้นทางการเงิน ถึงเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ละเว้น เพราะคดีดังกล่าวกระทบโครงสร้างทางสังคม และอาจกระทบโครงสร้างเศรษฐกิจ
มวยล้มต้มคนดูหรือไม่ พล.ต.ท. ธิติถามกลับว่า สิ่งที่ตำรวจทำอยู่ ตอบคำถามความมั่นใจได้หรือไม่ เราปล่อยปละละเลยเพิกเฉยหรือไม่ หรือนิ่งดูดายหรือไม่ ส่วนความตั้งใจดำเนินคดีฟอกเงินนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งใจทำแต่แรกแล้ว แต่คดีฟอกเงินต้องดูว่าทรัพย์สินโอนไปที่ใคร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานทำหนังสือถือ ปปง. ดำเนินการตรวจสอบ แต่ระหว่างเดียวกัน DSI ที่รับเป็นคดีพิเศษเป็นสิ่งที่ดี เมื่อมีหลายหน่วยงานร่วมทำการตรวจสอบ ยืนยันว่ามั่นใจในการทำงาน
การตรวจสอบรถหลักฐานไม่มีกุญแจเปิด พล.ต.ท. ธิติกล่าวว่า มีการทำหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก กรมศุลกากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบว่าใครสั่ง นำเข้า โอนเงินซื้อ จ่ายให้ใคร รวมถึงประกันภัย สิ่งที่เจ้าหน้าที่อยากทราบคือ การนำเข้ารถบางประเภทใครเป็นผู้สั่งนำเข้า เนื่องจากรถบางรุ่นไม่สามารถนำเข้าได้เอง ผู้นำเข้าหรือผู้ดำเนินการอาจมาจากต่างประเทศ
“กองบัญชาการตำรวจนครบาลยังคงยืนยันว่าจะทำคดีดังกล่าวให้ดีที่สุด แม้เรื่องที่จะให้นายตำรวจใกล้เกษียณอายุราชการ พ.ต.อ. สมบูรณ์ ศรีสุขดาวเรือง ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล มาทำการสืบสวน ตนเชื่อมั่นในความสามารถ ไม่คิดว่าข้าราชการตำรวจที่จะเกษียณอ่อนด้อยไร้ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีทำให้สามารถออกหมายจับกุมผู้ต้องหาได้” พล.ต.ท.ธิติกล่าว
ในประเด็นที่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่มีเจตนาปล่อยตัวหลานตู้ห่าวนั้น พล.ต.ท. ธิติกล่าวว่า หากมีพนักงานสอบสวนแอบดำเนินการกรณีดังกล่าว เจ้าหน้าที่รายนั้นต้องรับโทษ เมื่ออำนาจเงินซื้อเขาได้เขาก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัวของคน แต่การกล่าวหาทั้งองค์กรจากแค่ริ้วรอยการกระทำผิดของคนคนนั้นมันใช่หรือไม่