×

ธปท. สั่งแบงก์งดปันผล-ซื้อหุ้นคืน รองรับความเสี่ยงวิกฤตโควิด-19, Fed บอสตันเชื่อ สิ้นปี 2020 สหรัฐฯ ว่างงานมากกว่า 10%: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (22 มิ.ย. 2563)

โดย FINNOMENA
22.06.2020
  • LOADING...

– จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยวันนี้ธนาคารกลางจีนมีกำหนดประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR (Loan Prime Rate) ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงกู้ยืมสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 3.85% ต่อเนื่อง หลังจากที่ปรับลด 2 ครั้งในปี 2020 เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงก่อนหน้า ขณะที่สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศยอดขายบ้านมือ 2 ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 4.10 ล้านหลัง ลดลง 3 เดือนต่อเนื่อง จากแรงกดดันทางด้านเศรษฐกิจของโควิด-19 อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์เชื่อว่า เดือนมิถุนายนจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น จากระดับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำของสหรัฐฯ ซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อบ้าน

 

– วันศุกร์ที่ผ่านมา (19 มิถุนายน) วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกคำสั่งห้ามธนาคารพาณิชย์จ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปี 2563 และห้ามซื้อหุ้นคืน พร้อมทั้งทำแผนบริหารจัดการระดับเงินกองทุนสำหรับระยะ 1-3 ปีข้างหน้า เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์รักษาระดับเงินกองทุนให้เข้มแข็งและรองรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับแนวทางที่ธนาคารกลางหลายประเทศได้ดำเนินการแล้ว เพื่อรองรับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

 

– เอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) สาขาบอสตัน เปิดเผยในการประชุมออนไลน์ว่า อัตราการว่างงานของสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2020 มีแนวโน้มที่จะสูงกว่า 10% เนื่องจากยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ได้ ซึ่งจะยังสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อไป พร้อมทั้งระบุว่า การแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ของโควิด-19 อาจรุนแรงกว่ารอบแรกมาก ดังเช่นการระบาดของไข้หวัดสเปนในปี 2461, ไข้หวัดเอเชียปี 2500-2501 และไข้หวัด H1N1 ในปี 2552-2553 ที่ผ่านมา

 

– สำนักข่าว Bloomberg รายงานระบุว่า บริษัท Apple เตรียมสั่งปิดสโตร์จำนวน 11 สาขาในฟลอริดาและเซาท์แคโรไลนา จากความกังวลว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 2 หลังจากที่สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นกว่า 183,020 ราย ซึ่งทำสถิติยอดติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีสหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 2 ที่ 36,617 ราย

 

– สเปนประกาศเตรียมยกเลิกภาวะฉุกเฉินที่ประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม พร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากยุโรปและอังกฤษโดยไม่ต้องกักตัว ซึ่งเพิ่มความหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการท่องเที่ยวมีสัดส่วนคิดเป็นกว่า 12% ของเศรษฐกิจ และมีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 80 ล้านคนต่อปี

 

ภาวะตลาดวานนี้

– ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากความกังวลการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกระลอก หลัง Apple ได้สั่งปิดร้านค้าในสหรัฐฯ รวม 11 แห่ง จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงจากความกังวลดังกล่าว สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นจากความคืบหน้าของการประชุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโร ซึ่งอาจได้ข้อสรุปในการประชุมครั้งถัดไปในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้

 

– สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากรายงานจำนวนแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ ที่ลดลง 10 แห่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี ส่งผลให้อุปทานน้ำมันลดลง ทำให้นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลที่อาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากความกังวลที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับมาซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว

.

สหรัฐฯ

– Dow Jones อยู่ที่ 25871.46 ลดลง -208.64 (-0.8%)

– S&P 500 อยู่ที่ 3098.02 ลดลง -17.32 (-0.56%)

– Nasdaq อยู่ที่ 9946.12 เพิ่มขึ้น 3.07 (0.03%)

 

ยุโรป

– DAX อยู่ที่ 12330.76 เพิ่มขึ้น 49.23 (0.4%)

– FTSE 100 อยู่ที่ 6292.6 เพิ่มขึ้น 68.53 (1.1%)

– Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3269.1 เพิ่มขึ้น 19.2 (0.59%)

– FTSE MIB อยู่ที่ 19618.93 เพิ่มขึ้น 133.17 (0.68%)

 

เอเชีย

– Nikkei 225 อยู่ที่ 22478.79 เพิ่มขึ้น 123.33 (0.55%)

– S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5942.6 เพิ่มขึ้น 6.1 (0.1%)

– Shanghai อยู่ที่ 2967.63 เพิ่มขึ้น 28.32 (0.96%)

– SZSE Component อยู่ที่ 11668.13 เพิ่มขึ้น 173.58 (1.51%)

– China A50 อยู่ที่ 13912.55 เพิ่มขึ้น 181.12 (1.32%)

– Hang Seng อยู่ที่ 24643.89 เพิ่มขึ้น 178.95 (0.73%)

– Taiwan Weighted อยู่ที่ 11549.86 เพิ่มขึ้น 1.53 (0.01%)

– SET อยู่ที่ 1370.82 ลดลง -2.16 (-0.16%)

– KOSPI อยู่ที่ 2141.32 เพิ่มขึ้น 7.84 (0.37%)

– IDX Composite อยู่ที่ 4942.28 เพิ่มขึ้น 17.03 (0.35%)

– BSE Sensex อยู่ที่ 34731.73 เพิ่มขึ้น 523.68 (1.53%)

– PSEi Composite อยู่ที่ 6315.07 ลดลง -33.38 (-0.53%)

 

Commodity

– ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 39.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.91 (2.34%)

– ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 42.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.68 (1.64%)

– ราคาทองคำ อยู่ที่ 1743.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.62 (1.2%)

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising