×

ตะวันออกกลางระอุ กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก หนุนน้ำมัน-ทองคำพุ่ง: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (6 ม.ค. 2563)

โดย FINNOMENA
06.01.2020
  • LOADING...
FINNOMENA
  • สถานการณ์ในตะวันออกกลางร้อนระอุ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ สั่งการให้สังหาร พลตรี กัสเซม โซเลมานี ผู้บัญชาหน่วยรบพิเศษกุดส์ของอิหร่าน พร้อมนายทหารระดับสูงและแกนนำกองกำลังฮาเชด อัล-ชาอาบี รวม 8 ราย ที่สนามบินนานาชาติแบกแดดในอิรักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามมาด้วยการประกาศพร้อมตอบโต้เพื่อแก้แค้นของผู้นำอิหร่าน ขณะที่รัฐสภาอิรักมีมติให้รัฐบาลสั่งการให้กองทัพต่างชาติออกไปจากประเทศ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ขู่กลับว่าจะแทรกแซงอิรักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่งผลให้สถานการณ์ตึงเครียด ซึ่งหนุนราคาทองคำและน้ำมันปรับตัวขึ้นทันทีในเช้านี้

 

  • จับตาราคาน้ำมันและทองคำพุ่งรับสถานการณ์ตึงเครียดหลังข่าวการสังหารผู้นำทหารระดับสูงของอิหร่าน พร้อมการตอบโต้จากทั้งสองฝ่าย ล่าสุดราคาทองคำพุ่งขึ้นมาที่ระดับ 1,575 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2013 ด้านราคาน้ำมันตลาด WTI ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกันมาที่ระดับ 64.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว

 

  • ติดตามตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯ เดือนธันวาคม ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 แสนตำแหน่ง และอัตราการว่างงาน (Unemployment Rate) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3.5% อยู่ในระดับเดียวกับเดือนก่อนหน้า

 

  • ยุโรปประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ คืนนี้ยุโรปมีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพฤศจิกายน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.1% (MoM) และลดลง 1.5% (YoY) นอกจากนั้นยังมีการเปิดเผยดัชนี Services PMI เดือนธันวาคมจากทั้งภูมิภาคยุโรปและประเทศเยอรมนี ซึ่งคาดไว้ที่ 52.4 จุด และ 52.0 จุด ตามลำดับ

 

  • หลายภูมิภาคประกาศดัชนี Services PMI สัปดาห์นี้ โดยสหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยดัชนี ISM Non-Manufacturing PMI เดือนธันวาคม โดยคาดไว้ที่ 54.5 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.9 จุด ส่วนดัชนี Caixin Services PMI เดือนธันวาคมของจีนประกาศออกมาที่ 52.5 จุดเมื่อเช้านี้ ยังยืนในระดับขยายตัว ด้านดัชนี Services PMI เดือนธันวาคมของประเทศญี่ปุ่นคาดไว้ที่ 50.6 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า

 

สรุปภาพรวมตลาดเมื่อวันศุกร์

  • ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลงจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐฯ สั่งโจมตีทางอากาศในประเทศอิรัก ทำให้ นายพล กัสเซม โซเลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษกุดส์ของอิหร่านเสียชีวิต ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงท่ามกลางความวิตกกังวลว่าอาจเกิดสงครามในตะวันออกกลาง

 

  • ราคาน้ำมันดิบปรับตัวพุ่งขึ้นแรงจากกลุ่ม OPEC ที่เริ่มลดกำลังการผลิตน้ำมัน รวมไปถึงความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านที่อาจส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางลดลง ซึ่งจะทำให้อุปทานลดลง ส่วนอุปสงค์ยังมีอยู่ จนอาจเกิดภาวะน้ำมันขาดตลาด ด้านราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากปัจจัยไม่แน่นอนหลายๆ อย่างทั่วโลก รวมไปถึงการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยบางส่วนเพื่อจับตาดูสถานการณ์ทั่วโลกต่อไป

 

สหรัฐฯ

  • Dow 30 ปิดที่ 28634.88 ลดลง 233.92 (-0.81%)
  • S&P 500 ปิดที่ 3234.85 ลดลง 23 (-0.71%)
  • Nasdaq ปิดที่ 9020.77 ลดลง 71.42 (-0.79%)

 

ยุโรป

  • DAX ปิดที่ 13219.14 ลดลง 166.79 (-1.25%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 7622.4 เพิ่มขึ้น 18.1 (+0.24%)
  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3773.37 ลดลง 19.87 (-0.52%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 23702.35 ลดลง 133.91 (-0.56%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 ปิดที่ 23656.62 ลดลง 181.1 (-0.76%)
  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6733.5 เพิ่มขึ้น 42.9 (+0.64%)
  • Shanghai ปิดที่ 3083.79 ลดลง 1.41 (-0.05%)
  • SZSE Component ปิดที่ 10656.41 เพิ่มขึ้น 17.58 (+0.17%)
  • China A50 ปิดที่ 14460.45 ลดลง 71.2 (-0.49%)
  • Hang Seng ปิดที่ 28451.5 ลดลง 92.02 (-0.32%)
  • Taiwan Weighted ปิดที่ 12110.43 เพิ่มขึ้น 9.95 (+0.08%)
  • SET ปิดที่ 1594.97 ลดลง 0.85 (-0.05%)
  • KOSPI ปิดที่ 2176.46 เพิ่มขึ้น 1.29 (+0.06%)
  • IDX Composite ปิดที่ 6323.47 เพิ่มขึ้น 39.88 (+0.63%)
  • BSE Sensex ปิดที่ 41464.61 ลดลง 162.03 (-0.39%)
  • PSEi Composite ปิดที่ 7839.79 เพิ่มขึ้น 97.26 (+1.26%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 63.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.85 (+3.02%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 68.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.41 (+3.64%)
  • ราคาทองคำปิดที่ 1555.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 27.05 (+1.77%)

finnomena in partnership

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising